กรณีคุณจรัณภัตษญ์ แก้วอ่ำ ศิลปินซึ่งเป็นผู้วาดภาพกลุ่มเพศที่ 3 หรือกลุ่ม LGBT ได้วาดภาพ สิตางศ์ุ บัวทอง ไว้บนฝาผนังโบสถ์ วัดหนองเต่า ต.อุทัยเก่า อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นเจ้าของวลี "สะบัดต่อไม่รอแล้วนะ" และตำนาน "ส้มหยุด" ภายหลังการตรวจสอบทางเจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนาจังหวัดอุทัยธานี ให้ความเห็นว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังโบสถ์ดังกล่าวนั้น อากัปกิริยามีความไม่เหมาะสม พร้อมให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แก้ไขภาพเป็นยกมือไหว้แทน
ล่าสุดวันที่ 1 มิ.ย.63 เวลา 13.00 น. นายธรรมนันท์ จุฑาธนทรัพย์ นักวิชาการศาสนาชำนาญการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอุทัยธานี พร้อมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบภาพจิตกรรมฝาผนังโบสถ์ เพื่อตรวจดูถึงความเหมาะสมของภาพที่มีภาพของสิตางศุ์ บัวทอง
จากการตรวจสอบภาพดังกล่าว เป็นกลุ่มคนที่มารอรับเสด็จพระพุทธเจ้าตามพุทธประวัติและในภาพได้ซ่อนภาพของสิตางศ์ุ บัวทอง และมีภาพผลส้มตามตำนานส้มหยุด โดยเป็นภาพขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 3.30 เมตร ส่วนขนาดภาพของสิตางศ์ุ ที่เป็นส่วนประกอบอยู่ในภาพ มีเพียงขนาดเล็ก ๆ กว้างประมาณ 15 ซม. สูง 11 ซม. เท่านั้น
นายธรรมนันท์ กล่าวว่า วันนี้ได้มาตรวจสอบภาพที่เป็นข่าวและจากการตรวจดูภาพรวมทั้งหมดภายในโบสถ์ ซึ่งเป็นภาพพุทธประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความสวยงามมาก เป็นความตั้งใจของศิลปินที่ทุ่มเทความสามารถในการรังสรรค์ภาพเหล่านี้
แต่ภาพที่มีปัญหานั้น แม้ภาพจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่อิริยาบถมีความไม่เหมาะสมอาจจะเป็นการบิดเบือน เพราะเป็นเหตุการณ์รับเสด็จพระพุทธเจ้า เป็นสิ่งที่ตั้งตารอคอย ภาพต้องมีความเหมาะมากกว่านี้ ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ไม่เงยหน้าแต่กลับก้มหน้าและชี้ไปที่ผลส้ม จึงแนะนำกับทางศิลปินว่า ให้ดูถึงความเหมาะสม จะเป็นภาพของสิตางศุ์ ก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ได้แนะนำให้แก้ภาพเป็นการยกมือไหว้ จะเหมาะสมกว่า
พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักคิดนักเขียน กล่าวว่า ความจริงไม่ผิดแปลกอะไร แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนก็อาจจะมีจินตนาการเปลี่ยนไป และมีความเป็นศิลปะร่วมสมัยมากขึ้น ที่สำคัญให้ดูที่เจตนาว่าผู้ที่รังสรรค์ผลงาน มีการทำออกมาแล้วกระทบต่อพระพุทธศาสนาหรือไม่
ทีมข่าวบันเทิงอมรินทร์ทีวี มีโอกาสพูดคุยกับ "แม่สิตางศุ์" ยอมรับว่า ความรู้สึกแรกที่ทราบข่าว รู้สึกว่าชาไปทั้งตัว ยิ่งอ่านเนื้อข่าวและรายละเอียดแล้วยิ่งซาบซึ่งใจ เพราะว่าที่ผ่านมาตนนั้นเดินสายทำบุญมาตลอด ตั้งแต่ยังไม่มีชื่อเสียง ทั้งนี้เมื่อเริ่มมีชื่อเสียงและมีรายได้เข้ามาก็ไม่เคยพลาดที่จะแบ่งปันร่วมทำบุญ แม้ว่าจะเป็นเงินจำนวนที่ไม่มาก แต่ทุกบาททุกสตางค์ที่ทำไป ล้วนทำด้วยใจที่บริสุทธิ์
"ทั้งนี้ส่วนตัวอยากกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เชื่อว่าสวรรค์มีตา จากคนธรรมดาไปเป็นเรื่องเล่าบันทึกไว้บนภาพจิตกรรมฝาผนัง ถือว่าเราเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ไทย โดยที่เรื่องดังกล่าวเริ่มมาจากเรื่องตลกในชีวิตของตัวเอง"
ทั้งนี้ "แม่สิตางศุ์" ยังเล่าอีกว่า ในวันที่ 3 พ.ค.63 ตนและทีมงานจะเดินทางไปยังวัดหนองเต่า จังหวัดอุทัยธานี เพื่อเข้าไปกราบเจ้าอาวาส ตลอดจนเข้าไปขอบคุณทางศิลปินจิตรกรคนดังกล่าว รวมไปถึงจะนำเงินส่วนหนึ่งไปร่วมทำบุญที่วัดดังกล่าวด้วย
เมื่อถามว่าบางกระเเสก็มีการชื่นชม แต่บางกระเเสก็กลับโจมตีในสิ่งที่เกิดขึ้น จะก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างไร "แม่สิตางศุ์" บอกว่า ส่วนตัวจะไม่อธิบายให้คนที่ไม่เข้าใจฟัง เพราะมองว่าหากไม่พอใจหรือไม่ชอบ ต่อให้ไปดิ้นตายต่อหน้าเขาก็ไม่รักเราอยู่ดี ขอปล่อยผ่านและดำเนินชีวิตตามปกติ โดยที่ไม่กวัดแกว่งไปตามคำพูดของคนเหล่านั้น
โก๋วัตถุมงคล คนหัวโบราณถ้าไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างก็ไม่พัฒนาดสียที
05 มิ.ย. 2563 เวลา 00.48 น.
จำลอง แสดงว่าพระอาศัยผ้าเหลืองหากิน เลยแกลงใจชาวบ้าน แต่ไม่เคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
05 มิ.ย. 2563 เวลา 00.45 น.
WISER พุทธศาสนา...บรรพชนรักษาไว้ให้อย่างมั่นคงด้วยแรงศรัทธาน้อมนำคำสอนของพรองค์สู่การประพฤติ-ปฏิบัติดำรงชีวิต ศิลปินเกิดจิตสะอาดผ่องแผ้ว สร้างพุทธรูปงดงาม ภายในสู่ภายนอกเรียกว่า"วิจิตรศิลป์"...จิตไม่ถึงคำสั่งสอน ศิลปินยุคใหม่คงต้องตระหนักให้มากจะแต่งแต้มแบบเลอะเทอะ
05 มิ.ย. 2563 เวลา 00.21 น.
yèEiabChafann โคตรตระกูล...พ่อ..แม่..ปู่..ย่า..ตา..ยาย..ทวด..สร้างวัดวาอาราม..แล้วคงจะวาดภาพพวกมึงไว้บนผนังโบสถ์...?
04 มิ.ย. 2563 เวลา 22.40 น.
Piti ภาพผีเปรตควรอยู่ในผนังส้วมวัด ไม่ใช่ในโบสถ์
04 มิ.ย. 2563 เวลา 07.06 น.
ดูทั้งหมด