ทั่วไป

บิ๊กตู่ ยัน พปชร. ไร้ขัดแย้ง

สยามรัฐ
อัพเดต 04 มิ.ย. 2563 เวลา 17.10 น. • เผยแพร่ 04 มิ.ย. 2563 เวลา 17.10 น. • สยามรัฐออนไลน์

"บิ๊กป้อม-สมคิด" กลบข่าวขัดแย้ง เข้าสภาฯ ถกพ.ร.บ.โอนงบฯ 8.8หมื่นล้าน นั่งติดกัน-พูดคุยสีหน้ายิ้มแย้ม "บิ๊กป้อม" รับครั้งแรก "ไม่พร้อมนั่งหัวหน้าพปชร. ยันไม่มีอะไรแล้ว ทุกอย่างอยู่ที่สมาชิกพรรค "สุริยะ"ยันเสียงส่วนใหญ่หนุน "บิ๊กป้อม" รอ "อุตตม" เรียกประชุมพรรค เขินบอกนั่งรมว.อุตฯ มีความสุขดีแล้ว ด้าน"สมคิด" ย้ำไม่ได้อยู่สามมิตรมาตั้งแต่แรก "บิ๊กตู่"ยันไร้ความขัดแย้งในพปชร. พร้อมแจงพ.ร.บ.โอนงบฯ จำเป็นช่วยบรรเทาผู้ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาด ชี้เป็นภัยร้ายแรงของ"ปท.-ศก." ยันใช้จ่ายอย่างเร่งด่วน-คุ้มค่า-โปร่งใสให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ส่วน"ชลน่าน" อภิปรายขู่"โหวตคว่ำ" หลังยก2เหตุผลรับไม่ได้ ซัดมัดมือสภา-ตีเช็คเปล่า พร้อมตั้งฉายา "จอมโอนแห่งยุค" มากสุดในประวัติศาสตร์

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.63 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคหลังกรรมการบริหารพรรค18คน ลาออกเกินครึ่ง ส่งผลให้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคต้องพ้นสภาพทันที ว่า ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีการกำหนดวันประชุม ซึ่งทุกอย่างเป็นเรื่องของพรรค หากพรรคเลือกใครก็เป็นเรื่องของคนนั้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อถามว่า ถ้ามีการเสนอให้พล.อ.ประวิตรเป็นหัวหน้าพรรค พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ใช้คำว่า ถ้า ไม่ได้ๆ เพราะมันยังไม่เกิด จะมาถามไม่ได้ ทุกอย่างต้องแล้วแต่สมาชิกพรรค" เมื่อถามย้ำว่า หากมีการเสนอพล.อ.ประวิตร ให้เป็นหัวหน้าพรรค พร้อมเป็นหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวตอบดวยเสียงเข้มว่า "ไม่พร้อมๆ" ก่อนเดินขึ้นรถกลับไปทันที

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พล.อ.ประวิตร เอ่ยคำว่า ไม่พร้อม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้สงวนท่าทีต่อเรื่องการมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมาโดยตลอด

ด้าน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะรักษาการกรรมการบริหารพรรคพปชร. และแกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวว่า ตามข้อบังคับพรรคเมื่อมีกรรมการบริหารพรรคลาออกเกินครึ่งก็ต้องเลือกกันใหม่คงเป็นไปตามกำหนดคือภายใน 45 วัน อยู่ที่ นายอุตตม สาวนายน รักษาการหัวหน้าพรรค เป็นผู้เรียกประชุมชุดที่รักษาการ เพื่อกำหนดวันประชุมใหญ่สามัญในการเลือกกก.บห.ชุดใหม่ นับจากวันที่ 1 มิ.ย.ที่มีการยื่นใบลาออกไป 45 วัน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อถามว่า บรรยากาศหลังจากนี้ทำงานจะมีความอึมครึมหรือไม่ เพราะยังต้องทำงานร่วมกันต่อ นายสุริยะ กล่าวว่า เท่าที่ตนคุยกับกก.บห.ที่ทำหน้าที่รักษาการในชุดเดิม หลายคนบอกไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ในการพิจารณา ส่วนใหญ่ก็เห็นตรงกันว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีความเหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าพรรคพปชร.

เมื่อถามว่า ที่บอกว่าพล.อ.ประวิตรมีความเหมาะสมนั่งหัวหน้าพรรค แสดงว่าชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ที่ทุกกลุ่มในพรรคสนับสนุน นายสุริยะ กล่าวว่า "เท่าที่ผมคุยกับเสียงส่วนใหญ่ก็มีความเชื่อว่าเช่นนั้น"

เมื่อถามต่อว่ายัง มีความเห็นต่างระหว่าง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร จะกลายเป็นรอยร้าวหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า นายสมคิดก็ไม่ได้พูดอะไร และการที่นายสมคิดไม่ได้อยู่ในกลุ่มสามมิตรก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีความขัดแย้งในเรื่องการบริหารพรรค

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อถามย้ำว่า นายอุตตมส่งสัญญาณจะเรียกประชุมแล้วหรือไม่ หรือต้องรอทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุริยะ กล่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี บอกแล้วว่าการมีพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ได้เกี่ยวอะไรกันสามารถที่จะเรียกประชุมได้ภายใน 45 วัน

เมื่อถามอีกว่า หากปัญหาภายในพรรคจบแล้วจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) เลยหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า อยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ส่วนการที่มีการปล่อยข่าวว่าจะดึงพรรคเพื่อไทยเข้ามาร่วมรัฐบาลนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการขู่กันเองมากกว่า คงไม่เป็นความจริง

เมื่อถามถึงกระแสข่าวในการปรับครม.มีความต้องการจะไปนั่งเก้าอี้รมว.พลังงาน นายสุริยะ กล่าวว่า ยืนยันว่าตนไม่เคยพูดอะไรในเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าใครนำเรื่องนี้ไปเป็นประเด็นและตนอยู่ที่กระทรวงอุตสากรรมก็ทำงานได้อยู่แล้ว ส่วนถ้าปรับครม.ครั้งนี้ หากมีโอกาสจะไปนั่งที่กระทรวงพลังงานหรือไม่นั้น ตอนนี้การทำงานที่กระทรวงอุตสาหกรรมในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจต่างๆก็ได้พบปะกับกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆทางสภาอุตสาหกรรม กลุ่มเอสเอ็มอีตนก็มีความสุขดีอยู่แล้ว

ด้าน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะพูดถึงปัญหาภายในพรรค พปชร. ที่กำลังเกิดปัญหาความแตกแยกในพรรค พร้อมยืนยันว่าไม่ได้อยู่กลุ่มสามมิตรตั้งแต่แรกตามที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติ ธรรม และแกนนำกลุ่มสามมิตรออกมาระบุ

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.45 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ? วาระแรก ตามที่ครม.เป็นผู้เสนอวงเงิน 88,452,579,900 บาทเพื่อโอนงบประมาณที่หน่วยรับงบประมาณต่างๆ ได้รับตามพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ไปตั้งเป็นงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น นำไปใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ต่อมา เมื่อเวลา 10.00น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงว่า ร่างพ.ร.บ.โอนงบฯ หลักการคือให้โอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ของหน่วยรับงบประมาณเป็นบางรายการ ไปตั้งจ่ายเป็นงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 88,452,597,900 ล้านบาท โดยงบฯของหน่วยรับงบประมาณ 39,893.1111 ล้านบาท งบฯรายจ่ายบูรณาการ 13,56.4868 ล้านบาท และงบฯรายจ่าย เพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ 35,303.0000 ล้านบาท ซึ่งการพิจารณาในวันนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะถือเป็นภัยพิบัติร้ายแรงของประเทศและเศรษฐกิจโดยรวม ที่ผ่านมารัฐบาลได้ใช้จ่ายในงบประมาณกลางรายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินการตามแผนเร่งด่วนต่างๆ ส่งผลให้งบฯ กลางเงินสำรองจ่ายที่ตั้งไว้ไม่เพียงพอจึงมีความจำเป็นต้องโอนงบฯของหน่วยรับงบประมาณ ที่ได้รับการจัดสรรไปตั้งไว้ในรายการเงินสำรองจ่าย ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนการดำเนินภารกิจของหน่วยรับงบประมาณผ่านกลไกลต่างๆ เพื่อสนองตอบการแก้ไขปัญหาให้ทันต่อสถานการณ์

"กฎหมายโอนงบประมาณรายจ่ายฉบับนี้มีความสอดคล้องกับกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ รวมทั้งทำให้การบริหารร่ายจ่ายประจำปี งบประมาณ 63 มีประสิทธิภาพคล่องตัวทันต่อการแก้ไขสถานการณ์และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดกับประชาชนและร่างพ.ร.บ.ดงกล่าวยังสอดคล้องกับ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 มาตรา 35 (1) ที่กำหนดให้งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ ที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย ว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายจะโอนหรือนำไปใช้สำหรับหน่วยรับงบประมาณอื่นไม่ได้ เว้นแต่มีพ.ร.บ.ให้โอนหรือนำไปใช้ได้ อย่างไรก็ตาม งบประมาณดังกล่าวได้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ หลักการ และเป็นไปตามมติครม.เมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยงบประมาณและรายงานที่นำมาจัดการพ.ร.บ.โอนงบฯฉบับนี้ ประกอบด้วย 1.รายจ่ายประจำในทุกงบรายจ่าย ที่ยังไม่มีการเบิกจ่ายและไม่มีข้อผูกพันหรือสามารถชะลอข้อผูกพันได้ ณ วันที่ 7 เม.ย.2563 อาทิ ค่าใช้จ่ายในจัดสัมมนา การฝึกอบรม การประชาสัมพันธ์ การจ้างที่ปรึกษา ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ และการจัดงานกิจกรรมต่างๆ 2.รายจ่ายลงทุนในทุกงบรายจ่าย อาทิ รายการปีเดียวที่ยังไม่ประกาศดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างภายในวันที่ 7 เม.ย.2563 และหรือไม่สามารถลงนามได้ทันในวันที่ 31 พ.ค. 2563 และ 3.รายการที่ชะลอการดำเนินการได้โดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการ หรือไม่สามารถดำเนินการได้ในปีงบประมาณ 2563"

นายกฯ กล่าวต่อว่า รัฐบาลคำนึงถึงการบริหารงบประมาณรายจ่ายในไตรมาสที่3 และไตรมาสที่ 4 ของปีงบประมาณ 63 ตามแนวนโยบายพื้นฐานของรัฐที่จำเป็นในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายตามสิทธิ์และสวัสดิการเพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคมรวมถึง การพัฒนาเศรษฐกิจที่ต้องคำนึงถึงการสร้างงาน จึงหวังว่าสมาชิกจะให้การสนับสนุนและรับหลักการ เพื่อนำงบฯไปใช้แก้ปัญหาจำเป็นเร่งด่วนอย่างคุ้มค่าและโปร่งใส เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติและประชาชน

ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวภายหลังการชี้แจงการประชุมถึงความขัดแย้งภายในพรรคพปชร.ว่า ไม่มีปัญหา ก่อนจะเดินทางกลับ

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณปี 63 จำนวน 8.8 หมื่นล้านบาท โดยระหว่างที่รอ นายกฯ ชี้แจงหลักการ และเหตุผลเสนอร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ซึ่งนั่งเก้าอี้ใกล้กัน ได้ทักทายพูดคุยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ท่ามกลางกระแสข่าวความขัดแย้งภายในพรรคและกรรมการบริหารพรรค ลาออกเกินกึ่งหนึ่ง จนทำให้หัวหน้าพรรค และ เลขาธิการพรรค พ้นสภาพ

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาฯ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ได้อภิ ปรายว่า การพิจารณาร่างฉบับนี้ ขอเรียนตามตรงว่าไม่สามารถรับหลักการได้ ด้วยเหตุผล 2 ประการ 1.หลักการขัดกับหลักประชาธิปและกฎหมายอื่นโดยงบกลางไม่ได้มีสถานะเป็นหน่วยรับงบประมาณ แต่เป็นเพียงรายการการใช้เงินเท่านั้น ประกอบกับ งบกลางส่วนนี้ ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจคือนายกฯเท่านั้น2.การโอนงบประมาณครั้งนี้ เรียกว่า จอมโอนแห่งยุค เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้โอนงบประมาณมากที่สุดในประวัติศาสตร์ จำนวน 4 ครั้ง ตั้งแต่ยุค คสช.ดังนั้น การทำร่างกฎหมายเช่นนี้ เหมือนเป็นการมัดมือสภาฯ และตีเช็คเปล่า ซึ่งหากสภาฯ อนุมัติให้ผ่านไป เราจะเป็นสภาฯจากการเลือกตั้งชุดแรก ที่มีรอยด่าง ว่าถูกมัดมือชก และเห็นชอบกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากการพิจารณาวาระ2และ3ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับการใช้งบอีก ฝ่ายค้านจะโหวตคว่ำเพื่อบันทึกเอาไว้

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมยังไม่มีการส่งสัญญาณใดๆ มายังพรรคร่วมรัฐบาล ต้องรอนายกฯเพราะเป็นอำนาจของนายกฯ

เมื่อถามว่าในส่วนของพรรคภูมิใจไทยมีความเห็นอย่างไรถ้าจะมีการปรับครม.ในตอนนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้คิด รอให้เรื่องของงบประมาณผ่านก่อนดีกว่า

เมื่อถามย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยยังยืนยันโควตารัฐมนตรีในสัดส่วนเดิมหรือไม่ นายอนุทิน ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว พร้อมกับหัวเราะในลำคอ

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 66
  • Komgich
    นี้ไงเขาเรียกปฎิรูปต่างตอบแทนผลประโยชน์​ แล้วมันต่างจากรัฐบาลชุดก่อนๆยังไง​ เม่งมันก็เข้ามาหาแดกเหมือนๆกัน​ เวรกรรมประเทศและประขาชน
    04 มิ.ย. 2563 เวลา 19.11 น.
  • Thiti
    ไร้รวามขัดแย้งแต่กัดกันเหมือนหมาแย่งตำแหน่งแย่งชามข้าวขนาดชาวบ้านเจอวิกฤติขนาดนี้ยังหน้าด้านกัดกันเพื่อหงังตำแหน่งเข้าไปหาผลประโยชน์กันกำแท้
    04 มิ.ย. 2563 เวลา 18.27 น.
  • Tham
    .... เรือ แป๊ะ.. บรรทุก สาระพัด สัตว์ สาระเลว
    05 มิ.ย. 2563 เวลา 00.11 น.
  • Rabieb (เล็กคร้าบ )
    ไหนบอกไม่เกี่ยวไงลุง. 555 อ้อ. ใบเสร็จมีป่ะ. ฮิฮิ
    05 มิ.ย. 2563 เวลา 00.11 น.
  • Maithai 1
    สังคมไทย ผู้นำ..เก่งเงียบๆๆเรียบๆๆๆ .อยู่นาน ย้อนดูตามอดีต
    04 มิ.ย. 2563 เวลา 17.27 น.
ดูทั้งหมด