นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กชื่อ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ระบุว่า…นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวในรายการ ‘หัวใจไม่หยุด‘เต้น’’ เผยแพร่ทางแฟนเพจ ‘นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ และยูทูบ 'นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ Official' เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 63 ว่า
‘เรื่องยุ่งๆ ที่เกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เกี่ยวกับการปฏิรูปการเมือง การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ การแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ โควิดไม่เกี่ยวทั้งนั้นล่ะครับเป็นกรณีโคถึก ไล่ขวิดโคนมโดยเฉพาะ
โคถึกก็หมายถึงกลุ่มคนที่คั่วตำแหน่งรัฐมนตรี อยากมีเก้าอี้กับเค้าบ้าง ส่วนโคนมก็คือ ทีมเศรษฐกิจ 4 กุมาร ที่เค้าเอามาใช้งานรีดนมจนหมดแล้วหรือต้องการเปลี่ยนรสชาตินม เขาก็เททิ้ง
ที่จริงเหตุการณ์จะไม่เดินมาถึงตรงนี้ถ้าคุณอุตตม คุณสนธิรัตน์และพวก ตัดสินใจลาออกทันทีที่ผู้มีบารมีตัวจริงในพรรคส่งเสียงกระซิบ แต่เมื่อปักหลักสู้ มีการก่อหวอดรวมพลส.ส.ตบเท้าแสดงพลัง
ก็เลยมีคำสั่งให้กรรมการบริหารพรรคลาออก ตบหน้ากันกลางสายตาประชาชน ศึกนี้ถ้าเป็นมวย ชกกันไม่ได้ครับ น้ำหนักห่างไกลกันหลายสิบปอนด์
ทางฝ่ายคุณอุตตม คุณสนธิรัตน์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงอยากฟังเสียงส.ส.จะรอฟังให้ช้ำเพิ่มทำไมครับ ก็มันชัดอยู่แล้วว่าฝ่ายที่เททิ้ง เค้ากุมสภาพเบ็ดเสร็จ กรรมการบริหารที่พร้อมยื่นใบลาออกมีมากกว่า 18 คน แต่ที่โชว์มาแค่ 18 ก็เพื่อให้เกินครึ่ง ตามข้อบังคับพรรคเท่านั้น
ชื่อ 2-3 คนที่ไม่ปรากฏในใบลาออก ล้วนแล้วแต่เป็นตัวเป้าที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ถ้าผมเป็น 4 กุมารวันนี้ คิดอย่างเดียวคือต้อง 4x100 ครับ วิ่งผลัดออกจากพรรคโดยทันที รอนานจะช้ำหนัก ยึกยักจะเละกว่านี้แต่สำหรับประชาชนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเราเลยแม้แต่น้อยนะครับเค้าจะพลิกแพลงเปลี่ยนแปลงกันอย่างไร ไม่ได้เกิดจากพื้นฐานผลประโยชน์ของประชาชนเป็นโจทย์ทางการเมืองเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรีของหลายคนเท่านั้น
ฝ่ายที่ต้องการเปลี่ยนกรรมการบริหารก็อยากเข้ามาเป็นรัฐมนตรีบ้างฝ่ายที่นั่งเป็นกรรมการบริหารที่ไม่ยอมลาออกเพราะกลัวจะกระทบกับตำแหน่งรัฐมนตรี
4 กุมารมีเก้าอี้นั่งในครม. ก็เพราะทำหน้าที่กรรมการบริหารพรรค ถ้าหลุดจากกรรมการบริหาร ก็จะเป็นอันตรายต่อเก้าอี้รัฐมนตรี เรื่องมันมีอยู่เท่านี้
ดังนั้น สถานการณ์จึงยังไม่จบนะครับ จนกว่าจะไปสู่การปรับครม. แม้นายกรัฐมนตรีจะบอกว่า ยังไม่คิด ยังไม่ใช่เวลานี้ แต่เชื่อขนมกินได้ครับว่า การปรับครม. จะเกิดขึ้นในไม่ช้า-'3ป.' ไม่แตกง่ายๆ
ดูท่าทีจากการให้สัมภาษณ์ของฝ่าย 4 กุมาร ยังคาดหวังนายรัฐมนตรีจะตัดสินใจอุ้มให้ได้อยู่ต่อ ตรงนี้ต้องเข้าใจความจริงนะครับว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐ
ถ้าหาก 3 ป. ไม่รู้ไม่เห็นด้วยกัน ไม่มีทางมาถึงวันนี้ได้ แม้ช่วงเวลาที่ผ่านมา จะมีข่าวลือกระเส็นกระสายเรื่องการขบเหลี่ยมกันระหว่าง ป.ใหญ่ พล.อ.ประวิตร กับ ป.เล็ก พล.อ.ประยุทธ์
แต่ถึงที่สุด คนกลุ่มนี้จะไม่มีทางแตกแยกกัน เพราะการรวมศูนย์ความสัมพันธ์ รวมศูนย์อำนาจ หมายถึงสถานะทางการเมืองที่จะรักษาอำนาจเอาไว้ได้
การคิดจะเปลี่ยนกรรมการบริหาร เปลี่ยนทีมเศรษฐกิจ ไม่ใช่เป็นเรื่องเพิ่งเกิดก่อนสถานการณ์โควิดระบาด ผู้มีอำนาจในพรรคในรัฐบาลเดินสายเจรจาทาบทามนักบริหาร นักการเงิน นักการธนาคารเข้ามาทำหน้าที่ในทีมเศรษฐกิจกันแล้ว
ไม่รู้จะเป็นเพราะโฉลกป.ปลามาแรงหรือเปล่านะครับ 3 ป. จึงไปทาบทามนักการธนาคารชื่อย่อ ป.ปลา อย่างน้อย 2 คน แต่ ณ วันนั้น ป.ปลา ทั้ง 2 คนยังไม่ตอบรับ
แต่เวลาเปลี่ยน ใจคนเปลี่ยน ไม่แน่ว่าถึงวันนี้เมื่อมีความชัดเจนว่าทีมเศรษฐกิจ 4 กุมารต้องออกไป ป.ใดป.หนึ่งอาจจะตกลงใจแล้วก็ได้ หรืออาจจะมีตัวเลือกอื่นๆ ซึ่งคนการเมืองกระซิบกระซาบกันมาระยะหนึ่งแล้วว่าจะมีการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจชุดใหม่
เรื่องนี้จึงไม่ได้ส่งผลกระทบแค่คุณอุตตม คุณสนธิรัตน์หรือคุณสุวิทย์เท่านั้นครับ แต่โดนไล่ลงมาตั้งแต่ดร.สมคิดเลยทีเดียว ถ้ารัฐบาลเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจยามนี้ก็เท่ากับรับสารภาพต่อประชาชนว่าการขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนที่ผ่านมาเป็นเรื่องไร้ผลงาน ไม่มีราคา
ก็เหตุการณ์ข้างหน้าที่จะไปเจอคือวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดที่เราเคยพบ
วิกฤตต้มยำกุ้ง วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ไม่เคยเจอหนักเท่านี้ ถ้าทีมเศรษฐกิจแน่จริงยังต้องทำงานต่อ การเปลี่ยนแปลงจึงเท่ากับชี้ว่ารับมือสถานการณ์ไม่ไหว ทั้งหมดจึงเป็นการเมืองเรื่องอำนาจ สำหรับประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ นับวันยิ่งห่างไกล
สำหรับคนที่เคยเรียกร้องการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ถึงวันนี้ แบบนี้ ผมว่าไม่ใช่แน่ๆ นี่ไม่ใช่นิวนอร์มอล นี่คือโอลด์นอร์มอลทางการเมือง เวรี่เวรี่เวรี่โอลด์นอร์มอล เป็นวิถีการเมืองที่ย้อนหลังไปหลาย 10 ปี มีการยึดอำนาจคณะผู้เผด็จการสืบทอดอำนาจโดยการตั้งพรรคการเมือง แล้วก็เกิดความขัดแย้งทางอำนาจ แย่งชิงผลประโยชน์ทางการเมือง ปรากฏแก่สายตาประชาชน
สำหรับพล.อ.ประวิตรและคณะถึงเวลาต้องร้องเพลงนี้(สิบล้อมาแล้ว/นกแล)
ส่วนดร.สมคิดและ 4 กุมารคงต้องเป็นผลงานเพลงของแสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ครับ(หิ้วกระเป๋า/แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์)นี่คือความจริงทางการเมืองและเรื่องคงจะไม่จบลงไปง่ายๆ เพราะผมเชื่อว่าถึงที่สุดฝ่ายที่ถูกเล่นงานก็คงพยายามจะพลิกเกมสู้ แม้จะไม่มีประตูสู้ได้
แต่อย่าลืมนะครับสำหรับดร.สมคิดและคณะ นี่เป็นเหมือนรถไฟการเมืองเที่ยวสุดท้ายเจ็บน่ะเจ็บแน่ แต่คงกำลังคิดว่าจะจบแบบไหน ให้เจ็บน้อยที่สุดและพอจะเดินต่อได้
-ข่าวลือหลังปรับครม. มีคนถามผมว่า ถ้าปรับครม.แล้ว จะต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเป็นพล.อ.ประวิตรด้วยไหม
ผมว่าไม่อ่ะครับ นายกรัฐมนตรียังเป็นพล.อ.ประยุทธ์นั่นแหละ
มาถึงวันนี้จะอยากหรือไม่อยาก ไม่ทราบนะครับ แต่ผมคิดว่าพล.อ.ประวิตรเดินห่างจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีมาแล้วแต่การขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นตัวจริง ทนเสียงปี่กลอง ทนเสียงเรียกร้องของน้องๆ ในพรรคไม่ไหว คนไปเชียร์ ไปป้อไปยอทุกวัน เคลิ้มได้เหมือนกันนะครับมีกระแสข่าวเลยเถิดไปถึงขั้นว่าส.ส.เพื่อไทยหลายสิบคนจะยกขบวนย้ายข้างมาเป็นกำลังหนุนในรัฐบาล
วันนี้ผมไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยนะครับ แต่ถ้ามองเข้าไป แม้ว่าจะมีกระแสข่าวความขัดแย้ง มีแรงกระเพื่อมกันอยู่ แต่ไม่น่าจะถึงขั้นยกขบวนไปอยู่กับรัฐบาลผมยังให้น้ำหนักเรื่องจุดยืนทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยและโดยส่วนตัว ไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างงั้นได้
แต่ถ้าเกิดหอบผ้าหอบผ่อนหนีตามพลังประชารัฐไปจริงๆ นี่ก็อีกโอลด์นอร์มอลนะครับ ไม่ใช่โควิด-19 เรียกว่า โรคห่าล้วนๆ ช่วงนี้โควิดยังไม่หมด บางคนอาจจะบอกว่าไม่ควรพูดเรื่องการเมือง จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ ก็พรรคพลังประชารัฐเค้าเล่นการเมืองกันอึกทึกครึกโครมกันขนาดนี้'นายณัฐวุฒิกล่าว
pop แอดมินคือใคร ชอบลบข้อความ ขอชื่อและที่อยุ่ รูปร่างหน้าตาหน่อย ใครมีส่งมาที ให้ค่าขนม 5หมื่นบาท อันนี้เรื่องจริง
03 มิ.ย. 2563 เวลา 11.43 น.
Thongchai Posuwan เลือกตั้งใหม่เลยดีที่สุด.........ที่เหฺ็นๆทุกวันนี้ไสหัวไป...!
03 มิ.ย. 2563 เวลา 10.58 น.
hoshi เก่งเรื่องคนอื่น ว่าได้เป็นฉากๆ รู้ไปหมด แต่ตกม้าตายเรื่องข้าว!
03 มิ.ย. 2563 เวลา 10.28 น.
lomlank ตลกขบแก้วน้ำ
03 มิ.ย. 2563 เวลา 09.51 น.
Apichart.S จำคำนี้ติดหูเลย “เผาเลยครับพี่น้องผมรับผิดชอบเอง”
คนที่คิดจะเผาบ้านเมืองตัวเองได้ มันไม่ใช่คนครับ
03 มิ.ย. 2563 เวลา 09.37 น.
ดูทั้งหมด