เมื่อวานนี้ (27 พ.ค.) สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติร่างกฎหมายเรียกร้องให้คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำหนดมาตรการลงโทษเจ้าหน้าที่จีนที่ต้องรับผิดชอบกับการกดขี่ชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอุยกูร์ในประเทศจีน
ทั้งนี้ สภาผู้แทนฯสหรัฐได้อนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 413 เสียง โดยมีผู้คัดค้านเพียง 1 เสียง ร่างกฎหมายนี้ผ่านการอนุมัติของวุฒิสภามาแล้วและจะถูกส่งให้กับทำเนียบขาวเพื่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พิจารณาลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ร่างกฎหมายฉบับนี้เรียกร้องให้มีการลงโทษกับผู้รับผิดชอบในการปราบปรามชาวอุยกูร์ และชาวมุสลิมกลุ่มอื่นๆ ในเขตปกครองตนเองซินเจียงของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายเฉิน ฉงกู เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ของซินเจียง และสมาชิกคณะกรรมการกรมการเมืองของจีนที่ต้องรับผิดชอบกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นต้นของชาวอุยกูร์
นายมาร์โก รูบิโอ วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันซึ่งผลักดันกฎหมายนี้กล่าวว่า "สภาคองเกรสได้ส่งสาส์นอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลจีนไม่สามารถกระทำความผิดใด ๆ โดยไม่ต้องรับโทษ"
อย่างไรก็ตาม จีนได้ออกมาปฏิเสธแล้วว่า ไม่ได้ทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ตามที่สหรัฐฯกล่าวหา และด้วยเหตุนี้ จีนจึงพร้อมจะตอบโต้หากสหรัฐฯนำมาตรการคว่ำบาตรใด ๆ มาใช้กับจีนอย่างไม่เป็นธรรม
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีนได้ตึงเครียดมากขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ตำหนิจีนว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เลวร้ายลง
นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยังมีท่าทีเพิ่มความตึงเครียดของการเผชิญหน้ามากยิ่งขึ้น เมื่อเขารายงานต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (27พ.ค.)ว่า ฮ่องกงไม่ได้มีความเป็นอิสระในการปกครองตนเองจากจีนอีกต่อไป นั่นหมายถึงการสูญเสียสถานการณ์เป็นเขตดินแดนปกครองตนเอง
“ขณะที่สหรัฐฯเคยหวังว่าฮ่องกง ซึ่งมีความเป็นอิสระและมั่งคั่ง จะช่วยเป็นแบบอย่างสำหรับจีน แต่บัดนี้กลับปรากฎชัดว่าจีนกำลังสร้างฮ่องกงให้เป็นเหมือนตนเอง” รายงานระบุ
การดำเนินการดังกล่าวของนายปอมเปโออาจกระทบต่อสถานะพิเศษของฮ่องกง ซึ่งได้รับการเอื้อประโยชน์ทางการค้ากับสหรัฐฯ โดยที่ผ่านมา ฮ่องกงได้รับการยกเว้นภาษีต่อสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐฯ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯยังคงเรียกเก็บภาษีจากสินค้าที่จีนส่งออกโดยตรงไปยังสหรัฐจากการที่ทั้งสองฝ่ายทำสงครามการค้าระหว่างกัน
เมื่อปีที่แล้ว รัฐสภาสหรัฐผ่านกฏหมายประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนฮ่องกง (Hong Kong Human Rights and Democracy Act) ที่ระบุว่า ในแต่ละปี สหรัฐฯจะพิจารณาสิทธิพิเศษทางการค้าที่สหรัฐฯมีต่อฮ่องกง และกฎหมายดังกล่าวยังได้ให้อำนาจแก่หน่วยงานของสหรัฐฯ ในการใช้มาตรการลงโทษเจ้าหน้าที่จีนหรือเจ้าหน้าที่ฮ่องกงที่กระทำผิดด้านสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงด้วย
ทั้งนี้ ในปี2561 สหรัฐฯและฮ่องกง ทำการค้าระหว่างกันคิดเป็นมูลค่ากว่า 66,000 ล้านดอลลาร์ และฮ่องกงได้รับสิทธิพิเศษในการงดเว้นภาษี ท่ามกลางบรรยากาศการทำสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯที่ดำเนินยืดเยื้อมาจนถึงขณะนี้
ซ้น ไอ้ทรัมย์ยุ่งจังเรยมรึงน่าจะตายไปกะcovid19น่าจะแดกมันตายห่าชะ/เกลียดมรึง
29 พ.ค. 2563 เวลา 02.51 น.
Surat รัฐบาลอันธพาลของ USA
29 พ.ค. 2563 เวลา 01.10 น.
Pisut คนผิวสีในประเทศมึงไปดูแลสิทธิขั้นพื้นฐานเขาให้ดีก่อนไหม
แค่ตร จับ ทำยังกะจับหมูจับหมา. ดันไปเดือดร้อนกับชาวอุยกูร์
29 พ.ค. 2563 เวลา 00.32 น.
Chanwit รีบเลยอย่าช้า บ้าอยู่ประเทศเดียว อเมริกาวันนี้แค่ตัวตลกของโลก ไม่มีใครสนใจ
28 พ.ค. 2563 เวลา 12.45 น.
มีสิทธอะไรมาตัดสินชี้ถูกผิดประเทศอื่น มึงเป็นพ่อของจีนเหรอ ทำไมจีนต้องฟังมึง ออกไปเถอะ แต่ถ้าเขาไม่ยอมรับอำนาจมึง ก็แค่กระดาษเช็ดก้น บอกจะลงโทษจีน ถามว่าแล้วมึงมีสิทธิอะไรไปลงโทษเขา มันดินแดนของจีน
28 พ.ค. 2563 เวลา 09.48 น.
ดูทั้งหมด