ทั่วไป

สาวเบื้องหลังความสำเร็จเว็บกราฟฟิก Canva รวยดุช่วงโควิด

ประชาชาติธุรกิจ
อัพเดต 26 มิ.ย. 2563 เวลา 00.26 น. • เผยแพร่ 26 มิ.ย. 2563 เวลา 00.26 น.

วันที่ 25 มิถุนายน เว็บไซต์เดลีเมล์ รายงานเจาะลึกเรื่องราวของหญิงสาวผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จเว็บกราฟฟิกชื่อดัง “Canva” ซึ่งฮิตเป็นปรอทแตกในช่วง Work from home เนื่องจากใช้งานง่าย เหมาะกับมือใหม่ที่ต้องทำงานด้านกราฟฟิก โดยไม่ต้องง้อมืออาชีพ ส่งผลให้หญิงสาวรายนี้ขึ้นทำเนียบเศรษฐีใหม่ ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงไม่กี่เดือนที่โควิด-19 ระบาด

หญิงสาวรายนี้คือ “เมลานี เพอร์กินส์” อายุ 32 ปี ชาวเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งก่อตั้งบริษัท Canva ออกแบบงานกราฟฟิกที่นครซิดนีย์ ร่วมกับคู่หมั้น คือ “คลิฟฟ์ ออบเรชต์” เมื่อปี 2557

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ภายในเวลา 5 ปี ทั้งคู่ก็ขยายสาขาไปยังกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน

กระทั่งธุรกิจมาพุ่งแรงสุดๆ ในช่วงโควิดระบาด เนื่องจากผู้คนต้องทำงานจากบ้านในช่วงล็อกดาวน์ และใช้งานซอฟต์แวร์ของ Canva เพื่อทำงานกราฟฟิก

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เป็นเหตุความร่ำรวยของ “เมลานี” พุ่งพรวดเป็น 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (77,500 ล้านบาท) จาก 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (40,300 ล้านบาท) ในเดือนตุลาคม 2562

ก้าวขึ้นเป็นผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 3 ของออสเตรเลีย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ปัจจุบัน Canva มีทรัพย์สิน 8,770 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.7 แสนล้านบาท) ล่าสุดมีการร่วมทุนเป็นมูลค่า 87 ล้านดอลลาร์ (2,700 ล้านบาท) จากผู้ถือหุ้น รวมทั้ง บริษัทสัญชาติออสเตรเลีย Blackbird Ventures และ Sequoia Capital จากจีน

ความร่ำรวยของ “เมลานี” เป็นรองเพียง “จินา ไรน์ฮาร์ต” เจ้าของบริษัท Hancock Prospecting ที่ล่ำซำด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 16,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (5 แสนล้านบาท) และ “วิกกี้ เตีย” ผู้ก่อตั้งบริษัทสื่อสาร TPG Telcom เจ้าของทรัพย์สิน 2,600 ล้านดอลลาร์ (80,600 ล้านบาท)

“เมลานี” เคยให้สัมภาษณ์เดลีเมล์ ออสเตรเลีย ว่า ฝันอยากเป็นเจ้าของธุรกิจกราฟิกดีไซน์ ตั้งแต่ตอนเรียนวิชาสื่อดิจิทัล ตอนเป็นนักศึกษาปี 1 ที่มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2548 และตกหลุมรักกราฟิกดีไซน์ พัฒนาทักษะมากกว่าเพื่อนๆ จนได้รับเชิญให้สอนเวิร์กช็อปกราฟิกดีไซน์ให้นักศึกษาคณะอื่นๆ

หญิงสาวรู้ดีว่าคนส่วนใหญ่ติดปัญหาซอฟต์แวร์ทำงานช้า เธอบอกว่า ซอฟต์แวร์ที่ใช้มีความซับซ้อนและใช้ยาก ต้องเรียนทั้งเทอมกว่าจะรู้ว่าปุ่มไหนใช้ทำอะไร

แต่เมื่อมีเฟซบุ๊กที่ใช้งานง่ายมากๆ เธอจึงหวังว่าในอนาคต จะไม่มีซอฟต์แวร์งานออกแบบที่ใช้งานยากและซับซ้อนอีกต่อไป

ปี 2550 “เมลานี” เริ่มพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับงานกราฟิกดีไซน์ที่ใช้ง่าย เปิดให้นักเรียนและโรงเรียนใช้ออกแบบหนังสือรุ่น

แม้ไม่มีพื้นฐานด้านธุรกิจหรือประสบการณ์ด้านการตลาดมาก่อน แต่เมลานีมั่นใจว่าการก่อตั้งบริษัทคงไม่ยากเกินไปนัก และได้แฟนหนุ่มมาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง โดยสำนักงานแห่งแรกคือ ห้องนั่งเล่นของแม่ ส่วนเงินทุนก้อนแรกมาจากการกู้ธนาคาร 5,000 ดอลลาร์ (155,000 บาท) ซึ่งนำมาใช้โฆษณาออนไลน์และส่งตัวอย่างหนังสือรุ่นให้โรงเรียน ก่อนจะเริ่มเปิดการขายครั้งแรกกับโรงเรียนฝรั่งเศสในซิดนีย์ เมื่อปี 2551

ตอนที่ได้รับเช็ค 100 ดอลลาร์ (3,100 บาท) เธอรู้สึกตื่นเต้นมากและดีใจที่มีคนซื้อผลงาน

จากนั้น เธอก็ไม่เคยกู้เงินอีกเลยและเก็บเงินเพื่อรวบรวมเป็นกองทุนในการดำเนินธุรกิจ

ปีแรก ขายงานได้ 15 โรงเรียน ปีต่อมา เพิ่มเป็น 30 โรงเรียน ต่อจากนั้นอีกปี ขายได้ 80 โรงเรียน

ปี 2553 “เมลานี” และคู่หมั้น ได้รับรางวัลนักนวัตกรรมแห่งปีในเมืองเพิร์ธ จากงานทำหนังสือรุ่นฟิวชัน โมเดล

งานนี้เอง “เมลานี” ได้พบกับ “บิลล์ ไท” นักลงทุนจากซานฟรานซิสโกและผู้ก่อตั้ง MaiTai Global ซึ่งเป็นนักลงทุนคนแรกที่คุยด้วยและพบว่าบิลล์คลุกวงในของโลกเทคโนโลยีและการลงทุน

บิลล์ยังเชื้อเชิญด้วยว่าหากไปเยือนซานฟรานซิสโก ให้ไปพบเขา ขณะที่ “เมลานี” กำลังพัฒนาฟิวชัน โมเดลให้ทำอะไรได้มากกว่าหนังสือรุ่น

ปีต่อมา “เมลานี” เดินทางไปสหรัฐอเมริกา เพื่อพบกับ “ไท” และ “ลาร์ส รัสมุสเซิน” ผู้ร่วมก่อตั้ง Google Maps พร้อมทั้งเสนอความคิดการก่อตั้งบริษัท Canva ซึ่งเป็นบริษัทที่ 2 ให้บริการเครื่องมือออนไลน์ที่ทุกคนออกแบบกราฟิกหน้าเว็บได้ รวมทั้ง โปสเตอร์ นามบัตรและบัตรเชิญ

จากเดิมที่ “เมลานี” คิดว่าจะอยู่ในสหรัฐ เพียง 2 สัปดาห์ กลับขยายเวลาเป็น 3 เดือน เพื่อพบกับนักลงทุนและวิศวกรออฟแบบซอฟต์แวร์มากมายหลายคน

“ไท” เป็นคณะผู้บริหารในฐานะนักลงทุน เชิญ “เมลานี” ร่วมประชุม MaiTai ที่ฮาวาย ปี 2555 ครั้งนี้เธอได้พบกับนักลงทุนมากมาย ที่ตกลงร่วมลงทุนกับ Canva รวบรวมยอดเงินลงทุนครั้งแรก ได้เงิน 3 ล้านดอลลาร์ (93 ล้านบาท) ในปี 2556 หลังจากพัฒนาธุรกิจในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน

สิ้นปี 2557 มีผู้ใช้ซอฟต์แวร์ของ Canva ประมาณ 1 ล้านคน และเมื่อเดือนที่แล้ว มีผู้ใช้พุ่งเป็น 4 ล้านคน โดยมีเงินลงทุนกว่า 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (370ล้านบาท)

ปัจจุบัน บริษัทรวมเงินได้กว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (12,400 ล้านบาท) จากนักลงทุนซึ่งได้เงินเพิ่มทุกครั้งจากการลงทุนแต่ละรอบ

ข้อมูล ข่าวสด 

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 1
  • Koi5665♾
    ❤️👍🏼❤️
    26 มิ.ย. 2563 เวลา 02.12 น.
ดูทั้งหมด