จากกรณีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ อายุ 3 ปี ที่พบเป็นศพอยู่บนภูเหล็กไฟ และเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ยาวนานร่วม 2 เดือน เพื่อหาเบาะแสของคนร้ายนั้น
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
ล่าสุดวันที่ 12 ก.ค.63 ทีมข่าวได้เดินทางมาพบกับ นายแพทย์สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “คุณหมอสตอรี่” เพื่อให้คุณหมอกอล์ฟ ช่วยวิเคราะห์ภาษากายของแต่ละบุคคล จึงขอให้หมอกอล์ฟวิเคาระห์ภาษากายของลุงพล และพ่อแม่น้องชมพู่ ในช่วงวินาทีที่รับรู้ได้ข่าวว่าน้องชมพู่เสียชีวิตบนภูเหล็กไฟนั้น
สำหรับนายอนามัย พ่อของน้องชมพู่ ช่วงที่ตนดูคลิปก็เห็นว่าร้องไห้ฟูมฟายและร้องเสียงดัง โผไปกอดคุณย่า และเอาใบหน้าไปอยู่ใกล้คุณย่า ดูจากลักษณะคุณพ่อที่ทำแบบนั้น จะเป็นคนที่รับความรุนแรงและความเสียใจไม่ได้ คนลักษณะนี้หากเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน แม้แต่ตอนที่ช็อกสุดขีดก็ยังต้องอยู่ใกล้กับใครสักคน บ่งบอกว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง และคล้อยตามคนอื่นได้ง่าย
หากวิเคาระห์ความรู้สึกภายในจิตภายในจิตใจ ก็บ่งบอกว่าเสียใจเช่นเดียวกันกับคุณแม่ อาจจะคิดว่าตนเองดูแลลูกไม่ดีมากพอด้วย
ส่วนปฏิกิริยาของนางสาวิตรี แม่ของน้องชมพู่ เท่าที่ตนดูคลิป พบว่าสีหน้าแววตาของแม่เสียใจจริง ๆ แม้ไม่ได้ฟูมฟาย แต่สีหน้าได้แสดงออกถึงความอาลัยอย่างแท้จริง สีหน้าสอดคล้องกับความโศกเศร้าและเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่คุณแม่เท่าที่ตนติดตามข่าวมา คุณแม่เป็นคนเข้มแข็ง อาจจะไม่ได้โวยวายเสียงดังมากมาย
หากวิเคาระห์ความรู้สึกภายในจิต คุณแม่ร้องไห้ในลำคอ ซึ่งก็บ่งบอกได้ว่าเสียใจ ภายในจิตใจคงรู้สึกว่าควรดูแลน้องให้ดีดว่านี้
หมอกอล์ฟ ยังวิเคราะห์ถึงภาษากายลุงพล โดยรวมลุงพลช็อก และตกใจสุดขีดเมื่อเจอศพน้องชมพู่ ลุงพลใช้มือทุบพื้น ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของคนที่เสียใจและผิดหวังอย่างรุนแรง และลุงพลพูดไม่เป็นภาษา ฟังไม่ออก สื่อว่าเสียใจหนัก สิ่งที่ลุงพลแสดงออกคือความเสียใจจริง ๆ ไม่ได้เสแสร้ง
หากวิเคาระห์ความรู้สึกภายในจิต ลุงพลแสดงออก อาจจะเพราะมีความรู้สึกใกล้ชิดน้องชมพู่ เลี้ยงดูน้องมาอย่างดี และขณะนั้นลุงพลอาจจะตัดพ้อในใจว่า ควรจะดูแลน้องให้ดีกว่านี้ หรืออาจจะทำบางอย่างได้ไม่ดีพอ
สรุปได้ว่าจากที่ตนดูคลิปสั้น ๆ ทั้งลุงพล พ่อและแม่น้องชมพู่ ปฏิกิริยาของทุกคนล้วนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ได้มีใครมีความสุขกับการจากไปของน้องชมพู่ ในใจลึก ๆ ของทั้ง 3 คน คงคิดเหมือนกันว่าหากได้ดูแลหลาน หรือลูกให้ดีกว่านี้ คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
ทั้ง 3 คนจะมีวิธีการแสดงความเสียใจต่างกัน แต่ลุงพลจะเห็นได้เด่นชัดมากก็ตรงทุบพื้น ส่วนพ่อแม่อาจจะไม่ได้ถึงขั้นทุบพื้น แต่ก็ทรุดลงไปกอดคนอื่น ซึ่งตนก็ทราบมาว่าหลังจากนั้นพ่อแม่แทบเป็นลม ล้มฟุบกับพื้น แสดงออกว่ารับไม่ได้ที่ลูกจากไป ก็ตามที่ตนกล่าวไปปฏิกิริยาทั้ง 3 คนล้วนเสียใจทั้งหมด แต่อาจจะแสดงออกไม่เหมือนกัน
ดูแล้วตร.คงจับคนร้ายไม่ได้
13 ก.ค. 2563 เวลา 02.00 น.
T.arunchai no.99 ดูอัมรินทร์จะเล่นข่าวนี้ไปชั่วฟ้าดินสลายจริง หาประเด็น หาปมมาผูก หาเรื่องมาโยง สักพักคงสัมภาษณ์จิ้งจกตุ๊กแกแน่ๆ
13 ก.ค. 2563 เวลา 01.12 น.
ผลชันสูตรน่าจะบอกว่าน้องตายวันไหน.สมมุติว่ามีคนอุ้มน้องชมพู่ไปเดินเล่นบนเขา ระหว่างทางปล่อยน้องเดินเองบ้าง. แต่บังเอิญน้องเดินพลัดหลง. คนชวนไปก็เลยรีบลงมาเพราะกลัวความผิด. ปล่อยน้องหลงป่า. จนขาดน้ำตายเอง.
13 ก.ค. 2563 เวลา 00.45 น.
Weirdo เฮ้อ นักข่าวเล่นข่าวตลอด เบื่อพวกนักข่าวนี่แหละ วิธีการเหล่านี้เยอะในการวิเคราะห์และมีมานาน นักข่าวเอามาโหม เดี๋ยวก็เอามาเป็นจุดขายของข่าวอีกหลายจุด น่าเบื่อนักข่าวหลายสำนักมาก ต้องการนักข่าวที่เป็นมืออาชีพกว่านี้
13 ก.ค. 2563 เวลา 00.26 น.
สวยที่สุด เสียใจกลายเป็นแค้น เพราะเจ้าหน้าที่สืบคดีนานเกินไป สื่อก็เสนอข่าวชี้นำให้ไขว้เขวจนเกิดการระแวงขึ้น ถ้าเชื่อหมอชันสูตรแต่แรกและให้จบเรื่องไปพร้อมกับการเผาน้อง เรื่องไม่บานปลายแบบนี้ สรุปคือ จบไม่สวย บาดเจ็บทุกคนถ้วนหน้า
12 ก.ค. 2563 เวลา 23.40 น.
ดูทั้งหมด