แม้ตอนนี้สถาการณ์ไวรัสจะค่อนข้างคลี่คลายไปแล้ว ในญี่ปุ่นแม้จะยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ แต่สถาการณ์ตอนนี้ก็ถือว่าเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ มีการคลายล๊อคดาวน์ในสถานที่ต่าง ๆ และกลับไปทำงานกันตามปกติแล้วครับ แม้สถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติแบบ New Normal แล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปสำหรับหลาย ๆ ครอบครัวในญี่ปุ่น เนื่องจากการที่ใช้เวลาด้วยกันมากเกินไปในช่วงที่กักตัวอยู่กับบ้านนี่แหละ !
เพราะเขาบอกว่าหลังจากที่มีการกักตัว มีการ Work from home จากที่บ้าน ทำให้สามี-ภรรยาได้อยู่ใกล้ชิด มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ข้อดีก็คือได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ได้กินข้าวพร้อมกันทุกมื้อ แต่ด้วยความใกล้ชิดที่มากเกินไปนี่เอง ก็อาจจะทำให้เกิดสถาการณ์แห่งความอึดอัดขึ้นได้ โดยเฉพาะกับฝ่ายหญิง
แม้จากผลสำรวจเขาบอกว่ามีภรรยามากกว่าครึ่ง (67%) ที่รู้สึกมีความสุขมากขึ้นหลังจากสามีได้หยุดอยู่กับบ้าน และมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ขณะที่ภรรยาที่เหลืออีก 33% บอกว่าไม่มีความสุขกับการที่สามีต้องอยู่บ้านมากขึ้น เพราะต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่มีเวลาอยู่คนเดียวเป็นส่วนตัว แถมสามียังต้องหอบงานมาทำที่บ้าน ทำให้บรรยากาศที่บ้านเคร่งเครียด และยังต้องกังวลถึงปัญหาเรื่องที่จะถูกลดเงินเดือนลงอีกต่างหาก
นอกจากนั้นบางคนก็บอกว่าในช่วงที่ได้อยู่ด้วยกันตลอด ทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงพฤติกรรมอันน่ารำคาญบางอย่างของสามีที่เขาไม่เคยแสดงออกมาในช่วงเวลาปกติ หรือในเวลาปกติภรรยาก็สามารถมองข้ามมันไปได้ แต่พออยู่ด้วยกันตลอดเวลาก็เลยยิ่งทำให้รู้สึกแย่และไม่อาจจะมองข้ามมันได้อีกต่อไป
นอกจากปัจจัยที่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแล้ว ในช่วงเวลากักตัวนี้ถือเป็นศึกหนักของคุณแม่บ้านญี่ปุ่น เพราะปกติก็จะดูแลคุณสามีแค่ช่วงเช้าและเย็นหลังจากคุณสามีกลับจากทำงาน แต่ในช่วงที่ต้องกักตัวอยู่บ้านเขาจะต้องดูแลคุณสามีตลอดเวลา งานบ้านก็เยอะขึ้น คุณสามีก็ไม่ช่วยงานบ้าน แถมคุณลูก ๆ ก็ยังหยุดเรียนอีก ทำให้คุณแม่บ้านมีความเครียดสะสมใจช่วงนี้ค่อนข้างสูง นำไปสู่ปัญหาในครอบครัวและการหย่าร้างในที่สุด จนมีคำศัพท์ที่ว่า コロナ離婚 (coronarikon) หรือการหย่าร้างเพราะไวรัสโคโรน่าเกิดขึ้นมาในสังคมญี่ปุ่น
ทนายที่ให้คำปรึกษาด้านการหย่าในญี่ปุ่นได้ออกมาเปิดเผยว่าในช่วงนี้เธอได้รับการเข้ามาปรึกษาจากทางคุณแม่บ้านผู้อยากหย่ามากขึ้น โดยบางคนก็มีเหตุผลแปลก ๆ เช่น ทนไม่ได้ที่สามีต้องให้คอยดูแลทุกอย่างจนถึงขนาดที่บอกให้ใส่ถุงเท้าให้ ซึ่งมันก็เกิดจากความใกล้ชิดมากเกินไปในช่วงกักตัวนี่เอง
แต่ในวิกฤตก็ย่อมมีคนมองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจอยู่เหมือนกัน เพราะบริษัท Kasoku ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการห้องเช่าในญี่ปุ่น ได้ใช้โอกาสนี้สร้างแคมเปญ “ห่างกันซักพัก” เป็นโครงการที่พักราคาประหยัดที่ให้คุณสามีหรือภรรยาได้แยกตัวออกมาอยู่ จะได้ไม่ต้องปะทะกับอีกฝ่ายตลอดเวลา แถมยังมีบริการให้คำปรึกษาเพื่อประคับประคองชีวิตคู่ของหลาย ๆ ครอบครัวเอาไว้
จริง ๆ แล้วมันก็ถือเป็นแคมเปญเพื่อประคับประคองธุรกิจของทางบริษัทเองด้วย เพราะห้องเช่าที่เคยมีคนเช่าเต็มอยู่ตลอดเวลาก็กลับว่างในช่วงไวรัสระบาดแบบนี้ แต่ผลสรุปก็คือไม่ได้มีคนไปใช้บริการแคมเปญ “ห่างกันซักพัก” มากสักเท่าไร เพราะบางทีครอบครัวคนญี่ปุ่นก็อายเกินที่จะให้คนอื่นรับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นภายในบ้านของตัวเอง และการมาร่วมโครงการนี้ก็เหมือนเป็นการบอกกับคนอื่นให้รู้ว่าครอบครัวของคุณกำลังมีปัญหานั่นเอง…
ในขณะที่ความรักของผู้ใหญ่ที่แต่งงานแล้วดูจะสั่นคลอนเพราะไวรัส แต่ในหมู่เด็ก ๆ วัยรุ่น กลับเกิดปัญหาที่เกิดจากการท้องในวัยเรียนกันมากขึ้นในช่วงนี้ซะอย่างนั้น โดยเรื่องนี้โรงพยาบาล Jikei ในจังหวัดคุมาโมโต้เขาออกมาเปิดเผยข้อมูลอันน่าแปลกใจว่า ในช่วงที่โรงเรียนปิดเพราะไวรัสนี้ กลับมีนักเรียนมัธยม ทั้ง ม.ต้น และม.ปลาย โทรเข้ามาปรึกษาที่โรงพยาบาลเป็นจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ คือมากที่สุดตั้งแต่โรงพยาบาลเคยก่อตั้งแผนกให้คำปรึกษาเรื่องการตั้งครรภ์มาเลย
เขาบอกว่า "เป็นเพราะเด็ก ๆ มีเวลาว่างมากเกินไป"ปกติในช่วงเปิดเทอมก็จะไปโรงเรียนในตอนเช้า กลับบ้านมาตอนเย็น ทำการบ้านก็หมดวันแล้ว เสาร์-อาทิตย์ว่างก็ค่อยออกไปเที่ยวกัน ปิดเทอมก็อาจจะไปเที่ยวกันเป็นกลุ่ม แต่ก็ยังมีการบ้าน มีรายงานที่ต้องรับผิดชอบ
ต่างจากช่วงนี้ที่ว่างคือว่างจริง ๆ ไม่มีงาน ไม่มีการบ้าน ไม่มีอะไรทำ แถมเพราะไม่ได้เจอกันที่โรงเรียนบ่อย ๆ เหมือนเดิม ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกคิดถึงกันมากขึ้น เลยมักจะหาโอกาสแอบมาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน และเลยเถิดไปถึงขั้นมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งมากขึ้น และมันมักจะเกิดขึ้นโดยไม่ได้เตรียมการไว้ก่อน ไม่ได้มีการป้องกัน ทำให้กลายเป็นปัญหาท้องในวัยเรียนของเหล่าเด็กมัธยมญี่ปุ่นขึ้นมา
ทั้งนี้ทั้งนั้น การอยู่ด้วยกันมากเกินไปในช่วงเวลากักตัวมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายไปซะทั้งหมดนะครับ เพราะแม้จะมีครอบครัวที่หย่ากันมากขึ้น แต่นั่นก็ยังเป็นส่วนน้อยถ้าเทียบกับอัตราส่วนที่เหลือ เพราะคนส่วนใหญ่ก็มองว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดีนะ ถ้าจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น มีเวลาทานข้าว พูดคุยกันมากขึ้นจากเดิมที่ต้องทำงานตลอดเวลา
อย่างบางครอบครัวที่ทั้งสามีและภรรยาต่างต้องทำงานด้วยกันทั้งคู่ พอได้อยู่บ้านทำงานจากที่บ้าน ก็ทำให้พวกเขาได้เห็นแง่มุมที่ไม่เคยเห็นจากอีกฝ่าย อย่างเช่นครอบครัวหนึ่งที่คุณภรรยาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาองค์กร ต้องทำงานโดยการคุยให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ คุณสามีที่ปกติจะไม่มีโอกาสได้เห็นภรรยาทำงาน พอเห็นการทำงานของภรรยาเขาก็ถึงกับมาโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียส่วนตัวว่า
“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นภรรยาของผมทำงาน เธอพูดคุยให้คำปรึกษากับผู้อื่นอย่างอ่อนโยน นั่นทำให้ผมหลงรักเธอมากขึ้นกว่าเดิม และมันทำให้ผมได้รู้ว่าผมโชคดีแค่ไหนที่มีเธออยู่ข้าง ๆ…”
ในช่วงภาวะไวรัสระบาดมันก็สร้างผลกระทบในวงกว้าง ช่วงนี้ความเครียดจากเรื่องต่าง ๆ มันก็มีมากอยู่แล้ว อาจจะทำให้หลาย ๆ คนเกิดความเครียดสะสมจนเกิดเป็นปัญหาในครอบครัวได้ ดังนั้นการปรับตัว ปรับมุมมอง และการเว้นระยะห่างระหว่างกัน ไม่ได้ใช้เพื่อป้องกันไวรัสเท่านั้น แต่มันสามารถใช้เพื่อจะประคับประคองชีวิตครอบครัวได้อีกด้วย…
อ้างอิงข่าวจาก livedoornews
ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY: TOP PICK TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ
ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม
Facebook :Eak SummerSnow
Youtube :Eak SummerSnow
Areeya Hamsanit อย่าว่าแต่ญี่ปุ่นกูก็เบื่อเหมือนกัน
21 มิ.ย. 2563 เวลา 03.53 น.
Sunny แก้ง่ายมาก หาสามีคนไทยครับ 😁
いく...いく
21 มิ.ย. 2563 เวลา 03.25 น.
หม่อม LaMare อยู่ด้วยความรัก ก็จะประคับประคองกัน จนกว่าจะวันสุดท้าย อยู่ด้วยความเหมาะสม ก็จะเปรียบเทียบแข่งขันกันทุกวัน หมดรักแล้วก็เลิกรา
ยินดีด้วยกับอัตราตั้งครรภ์ ที่เพิ่มขึ้นครับ ชีวิตคือขวัญที่ไม่มีสิ่งใดทดแทนได้ สู้ๆ เจแปน
20 มิ.ย. 2563 เวลา 11.43 น.
winai ผู้ชายแต่งงานแล้วสบายมาก ไม่เกี่ยวกับเรื่องหาเงินนะ ถ้าวัฒนธรรมนี้ไม่เปลี่ยน คู่แต่งงานนาาจะลดลงอีกแน่
20 มิ.ย. 2563 เวลา 11.31 น.
แม๊ก ไทยแม้งท้องเอาท้องเอาวะ
20 มิ.ย. 2563 เวลา 10.55 น.
ดูทั้งหมด