จากกรณีมีผู้เสียหายถูกสูตินรีแพทย์คลินิกแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ กระทำอนาจารระหว่างรับการรักษา ขณะเข้าตรวจภายใน ซึ่งต่อมาพบว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า เคยถูกหมอคนดังกล่าวกระทำในลักษณะเดียวกัน จนกระทั่งทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้ออกมาเผยถึงข้อพิรุธดังกล่าวไปแล้วนั้น (อ่าน : เหยื่อหมอถูกขืนใจส่อแพ้คดี-“ทนายเดชา” ชี้พิรุธอื้อ มีที่ไหน ให้ขืนใจ 2 ครั้ง)
โดยเพจเฟซบุ๊กของทนายนิด้า เผยแพร่คลิปเสียงของผู้เสียหายรายหนึ่ง เล่าเหตุการณ์ให้ทนายนิด้าฟัง เกี่ยวกับพฤติกรรมของหมอคนดังกล่าว
วันที่ 18 พ.ย. 61 นางศรันยา หวังสุขเจริญ หรือ ทนายนิด้า ผู้เปิดเผยเรื่องดังกล่าว เปิดเผยว่า หลังตนนำเรื่องราวของหญิงรายแรกออกสื่อ ปรากฎว่ามีเหยื่อรายอื่น รวม 40-50 คน ส่งข้อมูลมาให้ตน บอกว่าตัวเองเคยเป็นคนไข้ และถูกกระทำอนาจารเช่นนี้ มีตั้งแต่ถูกลวนลาม ไปจนถึงถูกข่มขืน ส่วนตัวตนก็ไม่ได้รับฟังแล้วเชื่อทั้งหมด ตนก็มีขั้นตอนขอหลักฐานข้อมูลต่าง ๆ แต่ส่วนใหญ่เรื่องราวหญิงสาวที่ถูกกระทำข้อมูลที่ให้จะมีความสอดคล้องกัน จึงทำให้ตนเชื่อได้ว่านายแพทย์รายนี้ มีพฤติกรรมเช่นนั้นจริง ยืนยันว่าตนมีการขอพยาน หลักฐาน เอกสารการรักษา ไม่ใช่ตนฟังคนเล่าแล้วจะเชื่อ เปรียบเหมือนมีคนเล่าว่ากระสือมีจริง แล้วตนจะต้องคิดว่ากระสือมีจริง เรื่องนี้ก็เช่นกัน
แต่เมื่อมีชาวบ้านออกมาบอกและให้ข้อมูล ตนก็รับฟังเอาไว้ หากมีหลักฐานแน่ชัด บุคคลเหล่านี้ก็สามารถมาเป็นพยานได้ แต่ยอมรับว่า เรื่องหลักฐานที่เป็นประจักษ์พยาน ตนยังไม่มี ส่วนใหญ่เป็นพยานแวดล้อม ส่วนใครจะออกมาวิจารณ์ว่าหลักฐานไม่มีน้ำหนัก ตนมองว่าขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
ส่วนกรณีที่ทนายเดชา ตั้งของพิรุธเรื่องนี้ กรณีแรกตนขอชี้แจง เรื่องที่ระบุว่าผู้เสียหายรายล่าสุด มีการกลับไปให้นายแพทย์รายนี้ แล้วก่อเหตุซ้ำรอบที่สอง ยืนยันข้อเท็จจริงไม่ใช่แบบนั้น ผู้เสียหายไปที่คลินิก 2 ครั้งจริง ครั้งแรกยังไม่ถูกข่มขืน เพียงการใช้คำพูดในการล่วงละเมิดเท่านั้น แต่เมื่อไปรักษาครั้งที่ 2 กลับถูกข่มขืน ทำให้ขณะนั้น จึงนึกย้อนว่ามีความสอดคล้องกันถึงพฤติกรรมของแพทย์ ตนอยากบอกว่าหากจะมีใครออกมาวิจารณ์ ข้อเท็จจริงต้องมีความถูกต้องเสียก่อน มิเช่นนั้นจะทำให้ผลการวิเคราะห์เกิดความคลาดเคลื่อนไปได้
ส่วนเรื่องกรณีหลักฐานทางไลน์ไม่มีน้ำหนักนั้น ตนอยากจะบอกว่า หลักฐานที่ตนเปิดผ่านสื่อมีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แค่ประมาณ 10 เปอร์เซนต์ แต่หลักฐานจะมีน้ำหนักหรือไม่นั้น คงไม่มีใครกล้าออกมาตัดสิน แม้จะเป็นอัยการ เป็นผู้พิพากษา จนกว่าคดีจะขึ้นสู้ศาล ส่วนนี้คนเรียนกฎหมายที่มีความรู้ จะเข้าใจดีในเรื่องนี้ ส่วนตัวไม่ได้กังวลที่มีคนออกมาวิจารณ์ ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน
ด้านนายเดชา กิตติวิทยานนท์ ทนายความ เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ได้ตั้งข้อสังเกตพิรุธ กรณีการร้องเรียนดังกล่าว โดยกรณีกล่าวหาว่าแพทย์กระทำชำเราและข่มขืน คนที่เป็นผู้ร้องไม่มีทั้งพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นในที่ก่อเหตุ อีกทั้งร่องรอยการล่วงละเมิด ร่องรอยการขัดขืน ตนสงสัยเหตุใดตอนถูกกระทำชำเราไม่มีการดิ้น ขัดขืน หรือร้องโวยวาย และการไปแจ้งความก็เดินทางไปแจ้งความหลังจากเกิดเหตุนาน จนทำให้เกิดความแปลกใจ หลังเกิดเหตุก็ไม่ไปเล่าให้ใครฟัง ไม่มีการเดินทางไปตรวจภายในหลังการถูกละเมิด อีกทั้งบางรายยังกลับมาหาแพทย์คนดังกล่าวซ้ำอีกรอบ
นางเหมียว (นามสมมติ) อายุ 49 ปี อดีตคนไข้ของหมอรายดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนเคยเข้ารับการรักษาแก้หมัน โดยเข้าไปหาหมอจำนวน 2 ครั้ง ส่วนที่ทนายเดชาข้อสังเกตว่า ผู้เสียหายมีข้อพิรุธว่า เรื่องถูกล่วงละเมิดทางเพศอาจไม่เป็นความจริงนั้น ตนต้องการชี้แจงว่า การที่ตนเพิ่งออกมาให้สัมภาษณ์เปิดเผยเรื่องราว เป็นเพราะเพิ่งทราบว่าตนก็ถูกอนาจารเหมือนกัน เนื่องจากในตอนแรกที่ถูกคลึงหน้าอก ล้วงเข้าไปในอวัยวะเพศ ตนก็คิดว่าเป็นวิธีการรักษาของแพทย์ ซึ่งเมื่อมาคุยกับรุ่นน้องที่เคยไปรักษา ก็บอกว่าใช้วิธีการคล้ายกัน โดยเหตุการณ์ของตนเกิดมาประมาณ 3-4 ปี แล้วไม่ได้แจ้งความไว้ เพราะเพิ่งมารู้ความจริง ส่วนที่ตอนนี้ไม่ได้แจ้งความเพิ่ม เพราะเห็นว่ามีผู้เสียหายหลายรายแล้ว ตัวเองเพียงอยากให้ข้อมูลเท่านั้น
ซึ่งตนคิดว่าทนายเดชาเข้าข้างหมอ และต้องการถามกลับว่า เหตุใดจึงถึงไม่เข้าข้างผู้หญิงซึ่งเป็นเพศแม่ ถ้าหากว่าญาติพี่น้องของทนายเดชาโดนแบบที่พวกตนกำลังเป็นอยู่ ทนายเดชาจะทำอย่างไร ส่วนที่มีการเตือนว่าระวังจะโดนฟ้องกลับนั้น ตนไม่กลัว เพราะพูดความจริง มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง
ทั้งนี้ วันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ เข้าตรวจค้นคลินิกดังกล่าว พบว่า มีสภาพปกติ เพียงแต่ไม่ได้เปิดรักษาผู้ป่วย นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวพบกับผู้ช่วยของคลินิกทั้ง 2 คน แต่ได้รับการตอบปฏิเสธให้สัมภาษณ์กับสื่อ
thola-mong ว่ากันไปตามความเป็นจริง ความน่าจะเป็นและพยานหลักฐาน ทนายเดชาพูดเชิงวิเคราะห์ไม่ใช่จะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราเองไม่ใช่ทนายแต่เราคิดว่าเรื่องนี้แปลกๆตั้งแต่เราเริ่มอ่านข่าวนี้
18 พ.ย. 2561 เวลา 19.01 น.
w. คดีนี้น่าสงสัยเป็นอย่างมาก มีหลายอย่างส่อพิรุธ งุนงง ไม่รู้ใครรู้ดีไปกว่า หมอและคนไข้ เพราะ ทั้งหมอและคนไข้ให้การแบบไม่ชัดเจน ไม่กระจ่าง คือคดีนี้มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่เลย ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ในความคิดเรานะ เพราะจากที่เสพข่าวมาเนี่ย รู้สึกว่า มูลข่าว ทั้งจริง และ มั่ว อ่ะ
18 พ.ย. 2561 เวลา 18.36 น.
Yot หมอคงไม่ขัดสนจนไปล่อคนไข้ให้เสียชื่อหรอก ทนายสาวหน้าตาไม่ฉลาดเลย ตอบคำถามพิธีกรก็ไม่มีไหวพริบ
18 พ.ย. 2561 เวลา 19.10 น.
🐾lt's🌟my❤️life™ ก็ขอให้ทุกอย่างเผยออกมาตามความเป็นจริงดูสับสน
18 พ.ย. 2561 เวลา 18.28 น.
Knights Templar ทำไมรูป ทนายสวยโคตร อีกรูปแม่งฮากล้องสมัยนี้แม่งสุดยอดแล้ว
18 พ.ย. 2561 เวลา 18.17 น.
ดูทั้งหมด