รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมแจ้งว่า วันที่ 1 เมษายน 2564 เป็นวันครบรอบ 109 ปี กระทรวงคมนาคม โดยกระทรวงคมนาคม ได้ถือกำเนิดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศพระบรมราชโองการให้เปลี่ยนชื่อจากกระทรวงโยธาธิการ เป็นกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2455 และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (ม.ร.ว. สท้าน สนิทวงศ์) ดำรงตำแหน่งเสนาบดี ตลอดระยะเวลา 109 ปีที่ผ่านมา กระทรวงคมนาคมได้มุ่งมั่นพัฒนาระบบการขนส่งและจราจรให้มีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนทุกระดับสามารถเข้าถึงระบบคมนาคมขนส่งสาธารณะได้อย่างเท่าเทียม รวมทั้งพัฒนาให้เกิดการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่งทุกระบบ เพื่อสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการเสริมสร้างศักยภาพของประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งและจราจรในภูมิภาคอย่างต่อเนื่องหลายรูปแบบและไร้รอยต่อ รวมทั้งดำเนินโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
โครงการด้านการขนส่งทางบก
1. การพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorway) จำนวน 5 เส้นทาง ระยะทางรวม 655 กิโลเมตร ได้แก่ สายบางปะอิน – นครราชสีมา และสายบางใหญ่ – กาญจนบุรี มีแผนเปิดให้บริการตลอดเส้นทางปี 2566 สายพัทยา – มาบตาพุด เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2563 สายบางขุนเทียน – บ้านแพ้ว มีแผนเปิดให้บริการปี 2567 และสายนครปฐม – ชะอำ มีแผนเปิดให้บริการปี 2569 รวมทั้งเร่งรัดโครงการทางพิเศษ สายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอก เพื่อแบ่งเบาปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนพระราม 2 และขยายโครงข่ายทางพิเศษรองรับการเดินทางระหว่างพื้นที่ชั้นนอกและชั้นในกรุงเทพฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีผลการดำเนินงาน 18.53%
2. การพัฒนาโครงข่ายทางหลวงแผ่นดิน ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข ทล.304 อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ทล.24 อ.นางรอง – อ.ปราสาท จ.บุรีรัมย์ ทล.23 อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี และ ทล.11 อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง
3. การพัฒนาโครงข่ายทางหลวงชนบท เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่งคั่งของประเทศ ได้แก่ ทางหลวงชนบท สส.2021 สายแยก ทล.3187 – ชะอำ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ทางหลวงชนบท จบ.4001 ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต อ.นายายอาม จ.จันทบุรี ถนนในพื้นที่โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ และทางต่างระดับ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
4. การพัฒนาโครงข่ายถนนเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว (Thailand Riviera) ในเขตจังหวัดสมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ระยะทางรวม 658 กิโลเมตร ปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จ 425 กิโลเมตร
5. การพัฒนาโครงข่ายการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ ได้แก่ สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ – บอลิคำไซ) ผลการดำเนินงาน ตอนที่ 1 ร้อยละ 4.02 ตอนที่ 2 ร้อยละ 0.21 และตอนที่ 3 ร้อยละ 0.14 และสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 6 (อุบลราชธานี – สาละวัน) ผลการดำเนินงาน ร้อยละ 0.14
6. ผลักดันการดำเนินโครงการศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งเชียงของ จ.เชียงราย เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนในบริเวณพื้นที่โครงการ สนับสนุนการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งปัจจุบันการก่อสร้างแล้วเสร็จ และศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนม อยู่ระหว่างการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน
โครงการด้านการขนส่งทางราง
1. โครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน เปิดให้บริการแล้ว 9 สาย ระยะทางรวม 170 กิโลเมตร โดยในปี 2564 จะเปิดให้บริการเพิ่มอีก 2 สาย ระยะทาง 41.56 กิโลเมตร ได้แก่ สายสีแดงเข้ม บางซื่อ – ตลิ่งชัน และสายสีแดงอ่อน บางซื่อ – ตลิ่งชัน รวมทั้งเร่งรัดดำเนินการสายสีชมพู แคราย – มีนบุรี สายสีเหลือง ลาดพร้าว – สำโรง มีแผนเปิดให้บริการปี 2565 สายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี มีแผนเปิดให้บริการปี 2567 และแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ พญาไท – ดอนเมือง มีแผนเปิดให้บริการปี 2570
2. เร่งรัดดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 993 กิโลเมตร ได้แก่ ชุมทางฉะเชิงเทรา – คลองสิบเก้า – แก่งคอย และชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น ก่อสร้างแล้วเสร็จ สำหรับเส้นทางมาบกะเบา – ชุมทางถนนจิระ ลพบุรี – ปากน้ำโพ นครปฐม – หัวหิน หัวหิน – ประจวบคีรีขันธ์ และประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร อยู่ระหว่างการก่อสร้าง
3. เร่งรัดการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อ เพื่อเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและการขนส่งทางรางที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เชื่อมต่อการเดินทางจากใจกลางกรุงเทพฯ สู่ปริมณฑล รวมทั้งเชื่อมโยงต่อไปยังทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
4. การพัฒนารถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง – สุวรรณภูมิ – อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กิโลเมตร อยู่ระหว่างประสานการรื้อย้ายสาธารณูปโภค การจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และการออกแบบรายละเอียด
5. การพัฒนาเส้นทางรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ – หนองคาย ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ – นครราชสีมา ระยะทาง 252 กิโลเมตร อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยได้ลงนามสัญญาจ้างงานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร (สัญญา 2.3) เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2563 และลงนามสัญญาจ้างงานโยธา สำหรับช่วงนวนคร – บ้านโพ (สัญญา 4-3) ศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย (สัญญา 4-4) และช่วงพระแก้ว – สระบุรี (สัญญา 4-6) เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2564 กำหนดแล้วเสร็จตามแผนงานปี 2568 สำหรับช่วงที่ 2 นครราชสีมา – หนองคาย ระยะทาง 355 กิโลเมตร อยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียด
โครงการด้านการขนส่งทางน้ำ
1. การพัฒนาท่าเรือพาณิชย์ ได้แก่ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เพื่อส่งเสริมให้เป็นท่าเรือชั้นนำของโลก รองรับการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยจะเปิดให้บริการท่าเทียบเรือ ตู้สินค้า F เป็นลำดับแรกในปี 2566 และโครงการพัฒนาศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการของท่าเรือระนอง เพื่อให้เป็นประตูการค้าฝั่งตะวันตกเชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่งสินค้า รองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) อยู่ระหว่างการสำรวจออกแบบและศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในการพัฒนาศักยภาพของท่าเรือระนอง กำหนดแล้วเสร็จตามแผนงานปี 2568
2. การพัฒนาเส้นทางเดินเรือฝั่งอ่าวไทย เพื่อลดการจราจรในเขตเมือง ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนน และลดปัญหามลภาวะจากรถบรรทุก ซึ่งบริษัท ซีฮอร์ส เฟอร์รี่ จำกัด ได้ให้บริการเดินเรือ RoRo Ferry ขนส่งผู้โดยสาร รถยนต์ รถบรรทุกสินค้า โดยนำเรือสัญชาติญี่ปุ่นขนาด 7,000 ตันกรอส ซึ่งสามารถรองรับรถยนต์ส่วนบุคคลและรถบรรทุกได้ประมาณ 100 คัน และรองรับผู้โดยสาร 586 คน ให้บริการในเส้นทางท่าเรือสัตหีบ – ท่าเรือเซ้าท์เธิร์น สงขลา
3. การขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำเศรษฐกิจ เพื่อให้ร่องน้ำเศรษฐกิจทั้ง 16 ร่องทั่วประเทศ มีความกว้างและลึกตามที่ออกแบบ สามารถรองรับเรือกินน้ำลึกเข้า – ออกร่องน้ำได้อย่างสะดวก ปลอดภัย อำนวยความสะดวกทางน้ำ และลดต้นทุนโลจิสติกส์
4. การยกระดับการขนส่งสาธารณะทางน้ำ เพื่อยกมาตรฐานและความปลอดภัยของท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา (กรุงเทพมหานครและนนทบุรี) ให้สามารถเชื่อมโยงกับระบบขนส่งรูปแบบอื่น โดยการให้บริการด้วยระบบตั๋วร่วม การให้ข้อมูลข่าวสารแก่ผู้ใช้บริการ พร้อมทั้งออกแบบรองรับผู้ใช้บริการทุกประเภท และการพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ (Cruise Terminal) บริเวณอ่าวไทยตอนบน ชายฝั่งอันดามัน และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
โครงการด้านการขนส่งทางอากาศ
เร่งรัดโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูมิภาค ได้แก่ ท่าอากาศยานแม่สอด จ.ตาก ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ท่าอากาศยานกระบี่ ท่าอากาศยานตรัง และท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช และเตรียมความพร้อมการเปิดให้บริการท่าอากาศยานเบตง จังหวัดยะลา เพื่อรองรับผู้โดยสาร 8.6 แสนคนต่อปี
กระทรวงคมนาคมมุ่งมั่นพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง การให้บริการประชาชน เพื่อสร้างความสะดวก ปลอดภัย ประหยัด ยกระดับคุณภาพชีวิตและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้บริบทการเปลี่ยนแปลงของโลก การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ซึ่งโครงการต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ บางโครงการดำเนินการแล้วเสร็จ บางโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการ เมื่อโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จประชาชนจะได้รับประโยชน์ เกิดความสะดวกสบาย และมีความรวดเร็วในการเดินทาง ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะไม่หยุดยั้งการพัฒนาและการก่อสร้างโครงการใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและสร้างความเจริญให้กับประเทศชาติต่อไป