ทั่วไป

‘ร.ต.อ.’แฉผู้การกาญจนบุรี สั่งบิดคดีหวย30ล้าน ฉีกสำนวนทิ้ง-แต่งเติมพยานให้ครูปรีชา

Khaosod
อัพเดต 21 ก.พ. 2561 เวลา 15.54 น. • เผยแพร่ 21 ก.พ. 2561 เวลา 15.54 น.

หลังมีคำสั่งศปก.ตร.ที่ 10/2561 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการศปก.ตร. สรุปว่าหลังจากโอนสำนวนการสอบสวนคดีที่ร.ต.ท.จรูญ วิมล และนายปรีชา ใคร่ครวญ เกี่ยวกับคดีหวย 30 ล้านบาท เพื่อให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามทำการสอบสวนฝ่ายเดียว

เนื่องจากคณะพนักงานสอบมีความจำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด เพื่อหาข้อเท็จจริงและพิสูจน์ให้เห็นความผิด ดังนั้นเพื่อให้การสืบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและยุติธรรมกับทุกฝ่าย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะปฏิบัติราชการการแทนผบ.ตร. และผอ.ศปก.ตร. จึงให้พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ไปปฏิบัติราชการที่ศปก.ตร. โดยให้ขาดจากต้นสังกัด เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผอ.ศปก.ตร.มอบหมาย โดยให้ไปรายงานตัวกับพล.ต.ท.สุรพล พินิจชอบ ผบช.ประจำสำนักงานผบ.ตร. ในวันที่ 22 ก.พ.2561 เวลา 14.00 น. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

โดยก่อนหน้านี้พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ทำหนังสือถึงพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อขอให้สั่งย้ายพล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี มาปฏิบัติราชการที่ตร. โดยสรุปว่า ร.ต.อ.จิรยุทธ์ ชัชรินทร์กุล รองสว.(สอบสวน)สภ.เมืองกาญจนบุรี รับแจ้งความจากนายปรีชา เป็นคำร้องทุกข์ตามคดีอาญาที่ 1751/60 ลงวันที่ 26 พ.ย.2560 ก็หารือกับพ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค รองผกก.(สอบสวน)สภ.เมืองกาญจน์ฯมาโดยตลอด ซึ่งพ.ต.ท.ชูวิทย์สั่งการให้สอบสวนพยานปากต่างๆให้กลมกลืน ต่อมาพล.ต.ต.สุทธิ ก็เรียกสำนวนไปตรวจหลายครั้ง ทั้งที่บ้านพักและที่ทำงาน แล้วสั่งการให้สอบสวนพยานปากต่างๆให้กลมกลืน จึงมีการแก้ไขบันทึกคำให้การเดิมของนายปรีชา น.ส.รัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น และน.ส.พัชริดา พรมตา หรือเจ๊พัช โดยเพิ่มข้อเท็จจริงลงในคำให้การเดิมที่สอบสวนไว้ครั้งแรก เพื่อให้เห็นว่ามีการกล่าวถึงพยานหลักฐานต่างๆครบถ้วนตั้งแต่การสอบสวนครั้งแรก โดยมีการแก้ไขในลักษณะนี้หลายครั้ง ส่วนคำให้การเดิมได้ฉีกทิ้ง โดยพล.ต.ต.สุทธิ และพ.ต.ท.ชูวิทย์ทราบมาโดยตลอด แต่ไม่ได้ทักท้วง

ต่อมามีคำสั่งจากบก.ภ.จว.กาญจนบุรี และบช.ภาค 7 แต่งตั้งพนักงานสอบสวน แต่สำนวนยังอยู่กับร.ต.อ.จิรยุทธ์ ซึ่งหลังจากที่พนักงานสอบสวนจากบก.ภ.จว.กาญจนบุรีเข้ามารับผิดชอบ ก็มีการแก้ไขคำให้การ เมื่อมีคำสั่งบช.ภาค 7 ที่ประชุมก็รับทราบว่ามีการแก้ไขคำให้การ แต่ไม่ได้มีการโต้แย้ง โดยมีพล.ต.ต.คนหนึ่ง บอกว่าทำไปแล้วเดี๋ยวหาทางแก้ไข จากนั้นพนักงานสอบสวนก็สอบสวนบุคคลดังกล่าวเพิ่มเติม เพื่อยืนยันให้ตรงกับข้อเท็จจริงที่ถูกแก้ไข

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นอกจากนี้เมื่อกลางเดือนม.ค.2561 พงส.ของบช.ภาค 7 ตกลงจะส่งซองพลาสติกบรรจุกสลากที่มีลายมือเขียนราคาสลากไปตรวจพิสูจน์ว่าเป็นลายมือของน.ส.พัชริดาหรือไม่ โดยซองดังกล่าวร.ต.ท.จรูญมอบให้เมื่อวันที่ 28 พ.ย.2560 ซึ่งเก็บไว้ในโต๊ะทำงานของตน ต่อมาโต๊ะทำงานถูกรื้อค้น ซองพลาสติกดังกล่าวหายไป เมื่อปรึกษาพ.ต.อ.พิพัฒน์ รุ่งสัมพันธ์ ผกก.สอบสวน ก็ปรึกษาพล.ต.ต.คนหนึ่ง แล้วระบุให้ยกเลิกการส่งตรวจพิสูจน์ ซึ่งในการประชุมพงส.ของภ.จว.กาญจนบุรี และบช.ภาค 7 ไม่มีการบันทึกการประชุม

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ด้านพ.ต.ท.ชูวิทย์ เจริญนาค หัวหน้าพนักงานสอบสวนให้การว่า พล.ต.ต.สุทธิ สั่งให้อายัดบัญชีธนาคารของร.ต.ท.จรูญ ต่อมามีเจ้าหน้าที่ศาลเล่าว่าอยู่ในเหตุการณ์ที่นายปรีชาซื้อหวย และเห็นเลขสลาก 726 แล่บมาจากกระเป๋าเสื้อ จึงกลับมาบอกให้ร.ต.อ.จิรยุทธ์ เรียกมาสอบปากคำเป็นพยานเพิ่มเติม และเมื่ออ่านคำให้การของพยาน หากพบว่าข้อเท็จจริงใดไม่สอดคล้องกันก็แนะนำให้ร.ต.อ.จิรยุทธ์สอบสวนเหตุการณ์ให้กลมกลืน สาเหตุที่ไม่แนะนำให้สอบสวนเพิ่มเติมตามลำดับเหตุการณ์เพราะจะทำให้คำให้การไม่น่าเชื่อถือ อาจส่งผลต่อการพิจารณาน้ำหนักของพยานในชั้นพนักงานอัยการและชั้นศาล

รายงานระบุอีกว่า พฤติกรรมเชื่อมโยงของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำให้การนั้น ได้แก่ พล.ต.ต.สุทธิ และพ.ต.ท.ชูวิทย์ ในฐานะผู้บังคับบัญชาของร.ต.อ.จิรยุทธ์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งผลต่อรูปคดีอย่างมาก ทำให้พยานหลักฐานของฝ่ายนายปรีชามีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่งผลต่อการมีความเห็นทางคดีของพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ และอาจส่งผลต่อการพิจารณาคดีในชั้นศาลได้ ซึ่งการกระทำของพล.ต.ต.สุทธิ และพ.ต.ท.ชูวิทย์ และร.ต.อ.จิรยุทธ์ ทำให้ร.ต.ท.จรูญมาร้องขอความเป็นธรรมจากผบช.ก.ให้โอนคดีให้บก.ป.สอบสวน

ทั้งนี้พล.ต.ต.สุทธิ เกี่ยวข้องกับคดีนี้ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.2560 โดยพ.ต.ท.ชูวิทย์ไปรายงานให้ทราบด้วยวาจา ต่อมาปรากฎตามสื่อว่าพล.ต.ต.สุทธิ เรียกนายปรีชา ร.ต.ท.จรูญไปเจรจาตกลง และนำสำนวนไปตรวจหลายครั้ง เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของคำให้การมาตลอด แต่ไม่ได้ทักท้วง ทำให้ร.ต.อ.จิรยุทธ์เข้าใจว่าการกระทำของตนถูกต้องตามคำสั่งของพล.ต.ต.สุทธิแล้ว

พฤติการณ์ของพล.ต.ต.สุทธิ เห็นว่าเป็นการใช้อำนาจในฐานะที่ตนเองเป็นทั้งผู้บังคับบัญชาและหัวหน้าพงส.ในจ.กาญจนบุรี สั่งการให้พงส.สอบสวนโดยไม่สุจริต เป็นธรรม และมีอคติเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผบก.ภ.จว.กาญจนบุรีต่อไป อาจเป็นที่ไม่ไว้วางใจของคู่กรณีและประชาชน ตลอดจนอาจใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานอันส่งผลให้พยานเกิดความหวาดกลัว จึงควรให้บ้ายมาปฏิบัติราชการที่ตร.โดยขาดจากตำแหน่งเดิมจนกว่าการสอบสวนคดีจะแล้วเสร็จ

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 777
  • เซาเป็นครูซะ.. ชั่วป่านนี้..
    23 ก.พ. 2561 เวลา 04.03 น.
  • ยุคไหน..เรื่องใดๆไม่ว่าหนักเบา..แค่จริยธรรมตรงไปตรงมาในพฤตินัยวางนิตินัยไว้ ถ้าตำรวจเป็นตำรวจตงฉิน พลตำรวจก็จับพลตำรวจตรี: พลทหารก็ขอปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาจับพลตรี.ไม่มีปัญหาตะบันหน้ากันได้ถ้ายึกยัก..ตำรวจน่าไปอยู่กระทรวงกลาโหม..เลือดเข้มข้น#
    23 ก.พ. 2561 เวลา 03.35 น.
  • เล่นแม่งให้หนัก คนเหี้ยๆอย่างนี้อย่าเอาใว้
    23 ก.พ. 2561 เวลา 03.20 น.
  • JoneJaiDee
    ย้าย ผบก. แล้ว พตท. หล่ะครับเอาไงดี
    23 ก.พ. 2561 เวลา 02.54 น.
  • สมควรออกจากราชการเลวระยำหมาแบบนี้ ถ้าข่วยกันอีก ประชาชนรวมตัวกันประท้วงเลยให้สื่อช่วยอีกแรงหนึ่ง มันทำแบบนี้มากี่ครั้งแล้วชาวบ้านรู้ดี แล้วยังเสือกได้ขึ้นตำแหน่งใหญ่อีก เพราะอะไร?
    23 ก.พ. 2561 เวลา 02.27 น.
ดูทั้งหมด