เห้งเจีย เป็นตัวละครหนึ่งใน “ไซอิ๋ว” เท่านั้น แต่ปัจจุบันตัวละครนี้เสมือนมีตัวตนดำรงอยู่ในโลกความเป็นจริง และเป็นที่เคารพของกลุ่มคน แต่ก่อนที่จะกล่าวถึงเห้งเจีย อาจต้องเอ่ยถึงต้นฉบับวรรณคดีที่ตัวละครนี้ปรากฏอยู่ นั่นคือ ไซอิ๋ว ซึ่งเดิมทีเชื่อกันว่าเป็นวรรณกรรมสมัยราชวงศ์หมิง เคยเล่ากันว่า “อู๋ เฉิงเอิน” นักประพันธ์ (ค.ศ. 1500-1582) เป็นผู้รวบรวมเรื่องเล่าจากท้องถิ่นต่างๆ มาผสมผสานเป็นวรรณกรรม
อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาค้นคว้าของ จรัสศรี จิรภาส ผู้เขียนหนังสือ “เห้งเจีย (ฉีเทียนต้าเสิ้ง)” อธิบายว่า ผู้แต่งที่แท้จริงนั้นจะใช่ “อู๋ เฉิงเอิน” หรือไม่ ยังไม่สามารถบ่งชี้อย่างชัดเจน แต่ที่ศึกษากันจนยอมรับกันนั้นคือ เรื่องไซอิ๋วเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง อันเป็นรอยต่อระหว่างราชวงศ์ถัง ภายหลังจากพระถังซัมจั๋งกลับมาจากประเทศอินเดีย และแปลคัมภีร์พุทธศาสนาเผยแพร่ในประเทศ
เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ ลูกศิษย์ของท่านแต่งหนังสือเรื่อง “ต้าถังซานจั้งชวี่จิงซือฮว้า” (บันทึกการเดินทางไปอาราธนาพระไตรปิฎกของพระตรีปิฎกแห่งมหาราชวงศ์ถัง) ซึ่งเชื่อกันว่าผลงานนี้เป็นจุดเริ่มต้นของวรรณกรรมไซอิ๋ว และเล่มนี้เช่นกันที่ “เห้งเจีย” ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก
“ต้าถังซานจั้งชวี่จิงซือฮว้า” เล่าถึงการเดินทางของพระถังซัมจั๋ง พร้อมด้วยผู้ติดตาม 6 คน เมื่อเดินทางผ่านเมืองแรกก็พบลิงชุดขาวที่เรียกกันว่า “ไป๋อีซิ่วฉาย” มาดักรอ ลิงชุดขาวแนะนำตัวว่ามาจากถ้ำจื่ออวิ๋นที่ภูเขาฮวากั่ว เดินทางมาเพื่อช่วยเหลือพระถังซัมจั๋งไปอาราธนาพระไตรปิฎก พระถังซัมจั๋งตอบรับ และตั้งชื่อลิงชุดขาวว่า“ลิงเห้งเจีย” (โหวสิงเจ่อ) แต่ในฉบับนี้ ลิงเห้งเจียยังไม่มีอิทธิฤทธิ์พิสดารมากนัก นอกเหนือจากมีพละกำลัง หายตัว แปลงร่างได้หลายร่าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นแปลงได้ 72 อย่าง เหาะไม่ได้ กระโดดไกลเป็นพันลี้ ดัง “เห้งเจีย” ในไซอิ๋วไม่ได้เช่นกัน
(“ต้าถังซานจั้งชวี่จิงซือฮว้า” ไม่มีตัวละครอย่างตือโป๊ยก่าย และซัวเจ๋ง จรัสศรี จิรภาส มองว่า มีความเป็นไปได้ที่อู๋ เฉิงเอิน หรือผู้ที่แต่งขึ้นอาจเอานิทานพื้นบ้านถิ่นต่างๆ จากหลายยุคสมัยมาผนวกรวมกับเรื่องราวของพระถังซัมจั๋ง พร้อมปรับแต่งเติมจนกลายเป็นเห้งเจียในไซอิ๋ว)
แน่นอนว่าลิงเทพเจ้าที่โด่งดังอย่าง เห้งเจีย ก็สืบเนื่องมาจากฉบับไซอิ๋วมากกว่า และกลายเป็นเทพ “ฉีเทียนต้าเสิ้ง” ที่ผู้คนบูชา
สำหรับเนื้อเรื่องในไซอิ๋ว ชาวไทยและผู้คนหลายประเทศทั่วโลกน่าจะคุ้นเคยกันดี แต่ในที่นี้ผู้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเห้งเจีย ตั้งข้อสังเกตกันไว้ว่า ในวรรณกรรมจีนไม่เคยมีตัวละครที่ถูกเขียนให้ท้าทายอาละวาดสวรรค์อย่างหนักหน่วงเช่นนี้ อาจเป็นไปได้ว่า ผู้เขียนแฝงแนวคิดต่อต้านระบอบศักดินาในช่วงเวลานั้น ซึ่งอาจสะท้อนถึงแนวคิดก้าวหน้าของผู้คนในยุคสมัยหมิงเช่นกัน
เมื่อมีกำเนิดตัวละครแล้ว พัฒนาการมาสู่ความศรัทธาในภายหลังนั้น อาจต้องเริ่มต้นที่คำอธิบายว่า การนับถือลิง หรือสัตว์อื่นไม่ใช่เรื่องแปลก ประวัติศาสตร์จีนปรากฏพฤติกรรมการบูชาลิงมาก่อน เนื่องจากเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ คนยุคโบราณจึงกราบไหว้ลิงเป็นเทพเจ้า แต่ความคิดเห็นของผู้ศึกษาเกี่ยวกับเห้งเจียอย่างจรัสศรีมองว่า การบูชาลิง-เห้งเจีย ซึ่งกำเนิดจากวรรณกรรมเป็นเรื่องแปลก
การบูชาลิงจากวรรณกรรมนี้ ไม่ใช่แค่ชนชาติอื่นอาจไม่เข้าใจ ชนชาติจีนเองและต้นกำเนิดตัวละครก็ยังไม่เข้าใจสาเหตุ ดังเช่นบันทึกของ เผิง กวางโต่ว ชาวจีนสมัยราชวงศ์ชิง เขาบันทึกการเดินทางไปเมืองฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน) ว่า เมืองแห่งนี้มีเรื่องประหลาด 3 เรื่อง หนึ่งในนั้นย่อมมีเรื่อง“การบูชาเห้งเจีย”
อย่างไรก็ตาม ชาวจีนทางใต้เองมองว่าการบูชาลิงเห้งเจียเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากทางใต้ของจีนบูชาลิงกันมายาวนาน จึงอาจพอสันนิษฐานได้ว่า เมื่อไซอิ๋วเริ่มแพร่หลายโด่งดังไปทั่วประเทศ ชาวจีนในท้องถิ่นที่มีการบูชาลิง จึงผนวกการบูชาลิงที่มีมาแต่โบราณ เข้ากับการบูชาเห้งเจีย
บันทึกของ เผิง กวางโต่ว ยังสะท้อนให้เห็นอีกว่า การกราบไหว้บูชาลิงไม่ได้เป็นเรื่องปกติทั่วไปในจีน แต่นิยมอยู่ในบางท้องถิ่น โดยเฉพาะทางตอนใต้ อาทิ มณฑลหนิงเซี่ยะ กว่างตง (กวางตุ้ง) หูเป่ย และฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน) พื้นที่เหล่านี้อยู่ในลุ่มน้ำตอนใต้ โดยเฉพาะฝูเจี้ยน ซึ่งน่าจะเป็นพื้นที่ซึ่งมีการกราบไหว้เห้งเจียกันมากและเก่าแก่ที่สุด มีวัดบูชาเทพเจ้าลิงที่เก่าแก่ในฝูเจี้ยนชื่อ “วัดเหนิงเหยินซื่อ” อีกทั้งยังมีบันทึกโบราณหลายชิ้นบ่งชี้ว่า ทางตอนใต้ของจีนเป็นแหล่งที่อยู่ของฝูงลิง วิถีชีวิตของคนท้องถิ่นย่อมคุ้นเคยกับลิงมาแต่เดิม
จรัสศรี ยังสืบค้นต่อไปว่า ชาวจีนภาคใต้มีความเชื่อเรื่องลิงมีจิตวิญญาณคล้ายมนุษย์ โดยมนุษย์โบราณเชื่อว่าลิงชราอายุร้อยปี กลายเป็นลิงวิเศษ หากอายุพันปีจะกลายเป็นมนุษย์ เรื่องเล่าเช่นนี้ทำให้ชาวจีนบางส่วนไม่กล้าทำร้ายลิง และอาจเรียกลิงว่า“ซือฟู่” (อาจารย์) สำหรับลิงขาวก็จะได้รับการยกย่องในหมู่ชาวจีนบางท้องถิ่น และกราบไหว้ลิงขาวเป็น “ไป๋เจี้ยงจวิน” หรือ จอมพลขาว เป็นเทพอารักษ์ในหมู่บ้าน
ยิ่งประกอบกับฝูเจี้ยน เป็นแหล่งโรงพิมพ์ขนาดใหญ่ การเผยแพร่และความนิยมเรื่อง “ไซอิ๋ว” น่าจะแพร่กระจายได้ไม่ยาก ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นปัจจัยทำให้เกิดความนิยมความเชื่อบูชาเห้งเจียด้วย
แต่ในยุคปัจจุบัน ร่องรอยการบูชาเห้งเจียในจีนตอนใต้ โดยเฉพาะฝูเจี้ยนในมุมมองของชาวต่างชาติ ยังปรากฏหลากหลาย นักวิชาการไต้หวันเคยเขียนบทความว่าเขตเมืองฝูโจว ในมณฑลฝูเจี้ยน ไม่ปรากฏศาลเจ้าฉีเทียนต้าเสิ้ง อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่ศึกษาของจรัสศรี เมื่อ พ.ศ. 2546 ได้พบว่า เมืองฝูโจวส่วนหนึ่งยังนิยมกราบไหว้เห้งเจีย มีสถานบูชาเห้งเจียหลายแห่ง แต่เมื่อสำรวจรอบเมืองฝูโจว ในพื้นที่ซึ่งเป็นเมืองโบราณเก่าแก่กลับไม่การบูชาเห้งเจียเทียบเท่า
ส่วนการแพร่ความเชื่อความศรัทธามาสู่ดินแดนอื่นนั้น เห็นได้ว่า ชาวจีนที่แผ่นดินใหญ่ที่ไปตั้งรกรากในที่ต่างๆ จะปรากฏร่องรอยความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้าไปอยู่ด้วย ดินแดนโพ้นทะเลที่มีชาวจีนหรือลูกหลานชาวจีนอาศัยอยู่มาก และมีร่องรอยการเคารพบูชาเห้งเจีย ก็มีตั้งแต่ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย
สำหรับการแพร่สู่ไทย จรัสศรี วิเคราะห์ไว้ 2 แนวทางคือ เส้นทางตามข้อมูลประวัติศาสตร์ และเส้นทางร่องรอยที่ปรากฏในเชิงตำนาน
ในแง่เส้นทางประวัติศาสตร์ ผู้สืบค้นเกี่ยวกับเห้งเจียมองว่า ชาวจีนที่อพยพเข้ามาตั้งหลักแหล่งในไทยมาจากมณฑลฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน) และกว่างตง (กวางตุ้ง-แต้จิ๋ว) มากพอสมควร กลุ่มนี้นับถือวานรเทพและเห้งเจียอย่างแพร่หลาย จึงสันนิษฐานได้ว่า ความศรัทธาในเห้งเจียเข้ามาในไทยพร้อมเรือสำเภาทะเล ผ่านการล่องเรือจากทางตอนใต้ของจีน มาสู่ท่าเรืออ่าวไทย เช่น ชลบุรี สงขลา ภูเก็ต สำหรับภูเก็ตแล้วเป็นพื้นที่ซึ่งมีชาวฮกเกี้ยนอาศัยอยู่มาก เมื่อไปสำรวจพื้นที่เหล่านี้จะพบเห็นศาลเจ้าเห้งเจียจำนวนมาก
ส่วนเส้นทางในเชิงตำนานมีหลากหลายกันไป เมื่อพิจารณาจากความเชื่อและลักษณะของเห้งเจียที่มีอิทธิฤทธิ์พิสดาร จรัสศรี บรรยายว่า กลุ่มผู้นับถือมักอธิบายด้วยเรื่องเล่าอันพิสดาร อาทิ ผู้คนบางท้องที่ในไทยหยิบยกสถานที่สำคัญในเรื่องไซอิ๋วมาปรากฏในเมืองไทย อาทิ พระอุโบสถชื่อ “ลุ่ยอิมยี่” (วัดเหลยอินชื่อ) ที่ประทับของพระพุทธเจ้าในเรื่องไซอิ๋ว เป็นชื่อสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาที่วัดพระพุทธบาท สระบุรี ชาวบ้านในท้องที่สระบุรีกลุ่มหนึ่งจะเชื่อกันว่า วิญญาณทุกดวงที่ล่องหนในที่ใดก็ตาม จะมาประทับตราต่ออายุที่วัดเหลยอินซื่อที่สระบุรี หรือกรณีอุโบสถ“ซีเทียนฝอ” หรือ“พุทธชมพูทวีป” จุดหมายที่เห้งเจียกับคณะเดินทางไปอาราธนาพระไตรปิฎก
สิ่งเหล่านี้ย่อมสะท้อนคุณค่าทางความคิดของชาวบ้าน และยังแสดงถึงความศรัทธาและความแพร่หลายของ เจ้าพ่อเห้งเจีย ในเมืองไทยอีกด้วย สำหรับพื้นที่ที่ปรากฏเทพเจ้าเห้งเจียอย่างแพร่หลายย่อมมีชื่อภูเก็ตด้วย โดยจรัสศรีอธิบายว่า เห้งเจีย เป็นเทพขวัญใจของคนหนุ่ม คนทรงเห้งเจียมักเป็นกลุ่มวัยรุ่น
อ่านเพิ่มเติม :
- “คูชู่กี” แห่ง “มังกรหยก” มาเกี่ยวข้องอะไรกับ “ไซอิ๋ว” ?
- ตามรอย “ไซอิ๋ว” ฉบับญี่ปุ่นแปล พระถังซำจั๋งและพรรคพวก ฮิตแค่ไหนในแดนซามูไร?
- พระถังซัมจั๋ง เล่าตำนานอุบายพระอนุชากษัตริย์แคว้นคุจี รอดโดนใส่ร้ายเล่นกามนางใน
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
จรัสศรี จิรภาส. เห้งเจีย (ฉีเทียนต้าเสิ้ง) ลิงในวรรณกรรมที่กลายเป็นเทพเจ้า. กรุงเทพฯ : มติชน, 2547
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 3 ตุลาคม 2563
คนจีนบูชาลิงในนิยาย ราวกับเทพเจ้า
แต่ก็ยังนิยมบริโภคสมองลิงอีกด้วย
ย้อนแย้งเปนบ้า
27 ก.พ. 2563 เวลา 11.51 น.
โจโจ้ สมัยถัง คือ ลิงมีฤทธิ์ธรรมดา
สมัยซ่ง ลิงที่ถล่มสวรรค์ ผลกรรมการยอมรับนี้ส่งผลให้ราชวงศ์ซ่งก็ถูก หนี่เจิน (จิน, กิม, แมนจู) จับฮ่องเต้ซ่ง ฮองเฮา ไปเป็นทาสของชาวหนี่เจิน
และชาวซ่งกลายเป็นพลเมืองชั้น 4 ในสมัยมองโกลตั้งราชวงศ์หยวน.
01 พ.ค. 2566 เวลา 02.10 น.
โจโจ้ จินตนาการคนในสมัยราขวงศ์ซ่งเขียนไซอิ๋ว ทำให้สมัยซ่ง เกิดสิ่งประดิษฐ์มากมาย เช่น
-ซูซ่ง (สมัยราชวงศ์ซ่ง) ได้ผลิต นาฬิกาทางดาราศาสตร์เครื่องแรกของโลก (ลักษณะเป็นฟันเฟือนหลายวง หมุนวนด้วยไอน้ำ) สามารถบอกเวลา ชั่วโมงและนาทีได้ (ใช้งานได้จริง ดูคล้ายหอนาฬิกากลางสี่แยกในปัจจุบัน (ทดสอบสร้างตามแบบพิมพ์เขียวจีนโบราณ)
-การใช้ธนบัตรกระดาษครั้งแรกในโลก
-การใช้ดินปืนทำสงคราม
-การใช้ตัวอักษรจีนเรียงพิมพ์
25 ก.ย 2563 เวลา 16.06 น.
โจโจ้ คาดว่า สร้างหรือเขียนขึ้น ในสมัยราชวงศ์ซ่ง หรือซ้อง ในขณะที่
เซี่ย พวกชิตัน หนี่เจิน และมองโกล เข้ารุกราน
25 ก.ย 2563 เวลา 16.02 น.
Redstar503 อีกชื่อคือ หงอคง ส่วนในอินเดีย มีชื่อว่า วานร หนุมาน กระบี่ ส่วนบ้านเรา จ้าวจ๋อ
ที่ทุกคนรู้จักกันดี
07 ก.ค. 2563 เวลา 13.10 น.
ดูทั้งหมด