ด้วงสาคู เป็นแมลงกินได้ที่มาแรง มีการเพาะเลี้ยงกันมากในแถบจังหวัดภาคใต้ เป็นที่นิยมบริโภคทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เนื่องจากสามารถเพาะเลี้ยงง่าย เจริญเติบโตเร็ว ไม่ต้องดูแลเอาใจใส่มาก ขนาดของตัวหนอนค่อนข้างโต มีน้ำหนัก ขายได้ราคาดี เป็นแมลงเศรษฐกิจที่น่าสนใจทั้งในด้านการเพาะเลี้ยง ซึ่งมีวงจรชีวิตสั้นและนำไปบริโภคเช่นเดียวกับแมลงชนิดอื่นๆ
สำหรับด้วงสาคู หรือ ด้วงลาน มีชื่อวิทยาศาสตร์ Rhynchophorus ferrugineus Oliver วงศ์ Curculionidae อันดับ Coleoptera เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งจำพวกแมลงที่มีชื่อเรียกว่าด้วงงวง ด้วงไฟ ด้วงมะพร้าว ทางภาคใต้เรียกว่า ด้วงสาคู หรือด้วงลาน
ลักษณะตัวเต็มวัย ด้วงสาคูตัวเต็มวัยจะมีขนาดตัวยาวประมาณ 2.2-3.5 เซนติเมตร สีน้ำตาลอมส้ม หรือสีน้ำตาลปนดำ ปากยาวบอบบาง มีงวงโค้ง มีจุดแต้มสีน้ำตาลแต้มกระจายบริเวณด้านบนของอกปล้องแรก ซึ่งจุดแต้มนี้มีหลายรูปแบบ ปีกคู่หน้ามีริ้วรอยเป็นเส้นๆ ตามความยาวของปีก ปีกคลุมไม่มิดส่วนปลายท้อง ตัวผู้และตัวเมียมีความแตกต่างกัน โดยที่ตัวผู้จะมีขนมองเห็นได้ชัดเจน และมีลักษณะเป็นแนวบริเวณส่วนกลางตามความยาวของงวง
ทั้งนี้ รูปแบบการเลี้ยงด้วงสาคูในปัจจุบัน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบ คือ การเลี้ยงด้วงสาคูแบบดั้งเดิม โดยใช้ท่อนสาคู/ท่อนลาน เป็นการเลี้ยงแบบธรรมชาติ และการเลี้ยงด้วงสาคูแบบประยุกต์ โดยใช้การเลี้ยงในกะละมัง
เลี้ยงด้วงสาคูแบบดั้งเดิม
ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดชุมพร (ผึ้ง) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงด้วงสาคูแบบดั้งเดิม ว่า วิธีการนี้จะต้องมีอุปกรณ์การเลี้ยงที่สำคัญ ประกอบด้วย
– ท่อนสาคู หรือท่อนลาน ความยาวท่อนละ 50 เซนติเมตร
– พ่อ-แม่พันธุ์ด้วงสาคู ตัวผู้ 2 ตัว ตัวเมีย 4 ตัว
– ฝักบัว หรือสายยางสำหรับรดน้ำ
สถานที่สำหรับวางท่อนสาคู หรือท่อนลาน อาจเป็นลานกว้างหรือทำเป็นโรงเรือนก็ได้
การจัดการเลี้ยงด้วงสาคูแบบดั้งเดิม สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญกับการเลี้ยงด้วงสาคูคือ ความสะอาดและการจัดการอย่างเป็นระบบ จึงประสบความสำเร็จ โดย
– สถานที่ ควรเป็นที่น้ำไม่ท่วมขัง บริเวณที่เลี้ยงสามารถวางตากแดด ตากฝนได้ แต่ต้องมีกระดานทำจากกาบต้นไม้ที่เลี้ยงครอบปิด
– เตรียมท่อนสาคู หรือท่อนลาน ใช้เป็นท่อนเลี้ยงด้วงสาคู ตั้งตรงเรียงไว้บริเวณที่จะเลี้ยง มีความห่างพอเหมาะแก่การดูแล
– นำพ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคูที่เลี้ยงได้ปล่อยลงในท่อนสาคู หรือท่อนลาน จำนวนท่อนละ 3 คู่ อัตราตัวผู้ 2 ตัว ตัวเมีย 4 ตัว จากนั้นปิดด้านบนของท่อนสาคู หรือท่อนลาน
– รดน้ำด้วยฝักบัว หรือสายยางรดน้ำ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ตั้งทิ้งไว้ประมาณ 40-45 วัน จะสามารถจับตัวหนอนด้วงสาคูออกจำหน่ายได้
เลี้ยงด้วงสาคูแบบประยุกต์ในกะละมัง
การเลี้ยงด้วงสาคูแบบประยุกต์ โดยใช้การเลี้ยงในกะละมัง ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดชุมพร (ผึ้ง) แนะนำนว่า อุปกรณ์ที่ใช้เลี้ยงประกอบด้วย
1. กะละมัง พร้อมฝาปิด
2. กิ่งทางปาล์มสด
3. เครื่องบดสับทางปาล์ม
4. ถังหมัก
5. สูตรอาหารเสริม
6. พ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคู
7. อุปกรณ์อื่นๆ
ส่วนขั้นตอนการจัดการเลี้ยงด้วงสาคู มีขั้นตอนดังนี้
นำกิ่งทางปาล์มสดปลอดเปลือกและเข้าเครื่องสับบด
นำกิ่งทางปาล์มสดสับละเอียดแล้วนำมาหมักในถังหมัก ไม่น้อยกว่า 3 วัน
นำกิ่งทางปาล์มสดสับที่หมักแล้ว ผสมกับสูตรอาหารเสริมพอประมาณ คลุกเคล้าให้เข้ากัน บรรจุใส่กะละมังอัดให้แน่นพอประมาณ
ปล่อยพ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคู 5 คู่ อัตรา ตัวผู้ 5 ตัว ตัวเมีย 5 ตัว
หลังจากปล่อยพ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคูแล้ว ทิ้งไว้ 25-30 วัน ก็สามารถจับหนอนด้วงสาคูออกจำหน่ายได้
สำหรับในส่วนของสูตรอาหารเสริมผสมทางปาล์มสด ทางศูนย์ได้ให้ข้อแนะนำในการเตรียมอาหารสำหรับการเลี้ยง ใน 1 กะละมัง โดยจะประกอบด้วย
– EM 1 ช้อนโต๊ะ
– กากน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
– อาหารหมู 0.5 กิโลกรัม
– น้ำ 2 ลิตร
– รำข้าว 0.5 ลิตร
ขั้นตอนการผสมอาหารเลี้ยงด้วงสาคู
เตรียมทางปาล์มสดสับหมัก 1 กะละมัง
เตรียมสูตรอาหารเสริมคือ EM กากน้ำตาล น้ำ อาหารหมู และรำข้าว ตามอัตราส่วนที่กำหนด ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทั้งนี้อาหารหมู และรำข้าว ต้องแช่น้ำทิ้งไว้ก่อน ประมาณ 20-30 นาที
นำทางปาล์มสดสับหมักตาม ข้อ 1 มาผสมกับสูตรอาหารเสริม ตาม ข้อ 2 คลุกเคล้าให้เข้ากัน
นำส่วนผสมที่ได้ใส่กะละมัง อัดให้แน่นพอประมาณ
ก็จะได้อาหารผสมเลี้ยงด้วงสาคูที่มีประสิทธิภาพ 1 กะละมัง
อีกเทคนิคที่เกษตรกรผู้สนใจต้องรับรู้ นั่นคือ การผลิตพ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคู ซึ่งทางศูนย์ได้ให้ข้อแนะนำถึงขั้นตอนการผลิตพ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคูว่า
เตรียมอาหารผสม คือ ทางปาล์มสดสับหมักผสมกับสูตรอาหารเสริม 1 กะละมัง
นำอาหารผสมรองก้นกะละมัง หนาประมาณ 1 นิ้ว
นำเปลือกมะพร้าวปอกแช่น้ำมาวางเรียงในกะละมังและใส่อาหารผสมลงไป ทำอย่างนี้ให้ได้ 2 ชั้น ใน 1 กะละมัง
ปล่อยตัวหนอนด้วงสาคู อายุ 35-40 วัน ใส่ในกะละมังที่เตรียมไว้ ประมาณ 100 ตัว
ปล่อยทิ้งไว้รอให้ตัวหนอนเข้าฝักดักแด้ ประมาณ 20- 30 วัน
เก็บฝักดักแด้ออกมารวมกันอีกกะละมัง เพื่อรอให้ตัวด้วงเจาะออกจากฝักดักแด้ 5-10 วัน
จับตัวด้วงรวบรวมอีกกะละมัง คัดแยกเพศเพื่อรอผสมพันธุ์ก่อนนำไปปล่อยในกะละมังเลี้ยงต่อไป
ทั้งนี้ ระหว่างการรวบรวมตัวด้วง เพื่อรอการผสมพันธุ์ให้กล้วยและน้ำเป็นอาหาร
สำหรับในส่วนของผลตอบแทน ผลผลิตด้วงสาคูที่นิยมนำไปบริโภคเป็นด้วงที่อยู่ในระยะหนอนวัยสุดท้ายก่อนเข้าดักแด้ โดย 1 กิโลกรัม มีประมาณ 200 ตัว จำหน่ายราคากิโลกรัมละ 200-250 บาท ส่วนดักแด้จำหน่ายกิโลกรัมละ 250-300 บาท
การนำมาบริโภค ก่อนนำมาปรุงอาหารบริโภค ให้นำตัวหนอนด้วงสาคู เลี้ยงในอาหาร กากมะพร้าวขูด 1-2 วัน แล้วนำตัวหนอนมาล้างน้ำและแช่เกลือทิ้งไว้ 10-30 นาที เพื่อล้างสิ่งสกปรกทั้งภายในและภายนอกตัวหนอนออก และล้างด้วยน้ำปูนใสอีกครั้ง
จากนั้นจึงนำมาลวกน้ำร้อนก่อนนำไปผัด โดยไม่ต้องใส่น้ำมัน ให้น้ำมันสีดำๆ ในตัวหนอนด้วงออกให้หมด จนกว่าน้ำมันจากตัวหนอนด้วงเป็นสีใส แล้วนำไปล้างน้ำอีกครั้ง จึงค่อยนำไปปรุงอาหารได้ตามใจชอบ เช่น คั่วเกลือ ทอดน้ำมัน ผัดขี้เมา เป็นต้น และถ้าปรุงอาหารเสร็จแล้วเก็บไว้ในตู้เย็น จะได้ตัวหนอนด้วงที่มีรสชาติดีขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม มีข้อแนะนำที่ควรระวังในการเลี้ยงด้วย เนื่องจากแมลงชนิดนี้เป็นศัตรูพืชที่เข้าทำลายต้นปาล์ม มะพร้าว ลาน และสาคู จึงไม่ควรปล่อยให้ตัวเต็มวัยเล็ดลอดสู่ธรรมชาติโดยเด็ดขาด
………………………
เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อนพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2562
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เทคนิคเลี้ยง “ด้วงสาคู” ในกะละมัง เลี้ยงง่ายใช้พื้นที่น้อย สร้างรายได้หลักหมื่นต่อเดือน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.technologychaoban.com
NONAME ผมเลี้ยงอยู่ครับ ราคาดีช่วงนี้ เริ่มจากแค่20กะละมัง ตอนนี้800กว่ากะละมังแล้ว รายได้เสริมได้อยู่ 8หมื่นกว่าบาท
21 ส.ค. 2562 เวลา 17.02 น.
pinthong c. เมื่อก่อนไม่เคยกิน และไม่กล้ากินด้วยนะ พอไปบ้านแฟนที่ใต้เขาเอามาให้กิน เห็นตอนแรกขนลุกเลย จะไม่กินก้อกลัวเขาจะว่ารังเกียจ เลยกินแต่ตัวเอาหัวทิ้ง แฟนบอกว่า มันแพง..หัวอย่าทิ้งเอามาให้พี่กิน โลตั้งสามร้อยเขาไม่ทิ้งกันหรอก มันกินได้ทั้งตัวแหละ แฟนถามว่าอร่อยมั้ย เราก้อตอบว่าอร่อย เขาบอกถ้าอร่อยให้กินทั้งหัวทั้งตัวให้ได้ก่อน แล้วจะซื้อส่งมาให้กินตอนกลับบ้าน เลยกินตั้งแต่นั้นมากลายเป็นของชอบไปเลย 5555 หรอยจังฮู้
21 ส.ค. 2562 เวลา 18.37 น.
J ครับคนเลี้ยงได้ตังแต่คนทำสวนต้องระวังแน่ใจหรือว่าจะไม่มีพวกนี้เล็ดลอดออกไปทำลายพืช
21 ส.ค. 2562 เวลา 18.33 น.
⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀⠀ เห็นในดินบ่อยอยู่แต่ไม่รู้ว่ากินได้ด้วย
21 ส.ค. 2562 เวลา 16.56 น.
lida2468 มันมัน
21 ส.ค. 2562 เวลา 16.46 น.
ดูทั้งหมด