ไลฟ์สไตล์

ดื่มด่ำกับรูปถ่ายมากกว่าของตรงหน้า Instagrammable เทรนด์ที่เปลี่ยนวิถีท่องเที่ยวของคน

The MATTER
เผยแพร่ 29 ม.ค. 2563 เวลา 10.31 น. • Lifestyle

เดี๋ยวนี้ เวลาจะเลือกร้านอาหารสักร้าน ไม่ใช่แค่ต้องดูที่บริการดี อาหารอร่อย ราคาน่าประทับใจเพียงเท่านั้น เพราะอีกสิ่งหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มองหาเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ นั่นก็คือ ‘มุมถ่ายรูปสวยๆ’ หรือ ‘การตกแต่งจานเก๋ๆ’ ที่เมื่อเวลาอัพรูปลงอินสตาแกรมแล้ว จะต้องเรียกยอดไลค์ได้ถล่มทลายอย่างแน่นอน

เพราะเรากำลังอยู่ในยุคที่อะไรๆ ก็ต้องถ่ายลงอินสตาแกรม หรือที่เรียกว่า ‘Instagrammable Culture’

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

instagrammable เกิดจากคำว่า ‘อินสตาแกรม’ ที่เราใช้พูดกันติดปากเพื่อแทน ‘การถ่ายรูป’ เนื่องจากอินสตาแกรมเป็นแอพพลิชั่นถ่ายและแชร์รูปยอดฮิตในปัจจุบัน จนกลายมาเป็นวัฒนธรรมที่แพร่หลายไปทั่วโลก โดยมีจำนวนผู้ใช้งานถึง 800 ล้านยูสเซอร์ และกว่า 60% เป็นชาวมิลเลนเนียล ซึ่งจะมีพฤติกรรมไปไหนมาไหนก็จะชอบถ่ายรูปลงอินสตาแกรม จึงทำให้มีการคิดค้นคำใหม่ขึ้นมาเพื่อเรียกสิ่งที่เราถ่าย นั่นก็คือ instagrammable หรือที่มีความหมายว่า สิ่งนี้อัพลงอินสตาแกรมได้

เมื่อวัฒนธรรมนี้เกิดขึ้น จึงทำให้ธุรกิจหลายประเภทต้องปรับตัวตาม เนื่องจากอินสตาแกรมไม่ได้เป็นเพียงแค่แอพพลิเคชั่นถ่ายและแชร์รูปธรรมดาๆ แบบเมื่อก่อน แต่เป็นเครื่องมือการตลาดขนาดใหญ่ ที่จะช่วยสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจได้มหาศาล โดยเฉพาะธุรกิจคาเฟ่ ร้านอาหาร โรงแรม และงานอีเวนต์ต่างๆ ที่อาศัยการโปรโมตอย่างกว้างขวางเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ

Group of friends taking pictures of food on the table with smartphones during party
โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ซึ่งการทำธุรกิจให้มีความ instagrammable คือจะต้องมีการจัดหรือตกแต่งสถานที่หรือสิ่งของอย่างสวยงาม เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการรู้สึกอยากถ่ายรูป และเมื่ออัพรูปลงโซเชียลมีเดีย ก็จะทำให้ผู้ติดตามคนอื่นๆ เกิดความสนใจ อยากเข้ามาใช้บริการตาม เป็นการเล่นกับความกลัวที่จะตกข่าว/ตกกระแส หรือ fear of missing out ของผู้คน ทำให้ instagrammable เป็นการโปรโมตธุรกิจทางอ้อม โดยการยืมมือของผู้บริโภคในการสร้างแรงกระเพื่อมนั่นเอง เพราะชาวมิลเลนเนียลมีแนวโน้มที่จะเชื่อใจเพื่อนหรือคนใกล้ตัว มากกว่าการโฆษณาจากทางแบรนด์

นอกจากนี้ instagrammable ยังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว อย่างการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวในเมืองวานาคา ประเทศนิวซีแลนด์ หลังจากมีการโปรโมตลงโซเชียลเดีย ก็ทำให้มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมเพิ่มขึ้นถึง 14%

ดูแล้วก็เหมือนจะเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดทั่วๆ ไป แต่เทรนด์ instagrammable ได้เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราหลายอย่าง ทั้งการกิน การเที่ยว และการออกแบบ จากที่เคยกินอาหารหน้าตายังไงก็ได้ ก็ต้องหาเมนูสวยๆ เพื่อจะได้ถ่ายรูป และพ่อครัวแม่ครัวเองก็ต้องเน้นการจัดแต่งมากขึ้น ให้มีสีสันน่ากิน เพื่อจะได้ให้ลูกค้าถ่ายและนำรูปไปลงโซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่วงการสถาปัตยกรรมเองก็ตาม ที่จำเป็นจะต้องออกแบบตึก อาคาร หรือการตกแต่งภายในให้มีความสะดุดตา แปลก และดึงดูดผู้คนให้มาถ่ายรูป

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

Instagrammable อาจทำให้เราลืมโลกกว้างข้างหลังกล้อง

ถึงแม้ instagrammable จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจท้องถิ่นที่กำลังซบเซาได้เป็นอย่างดี แต่มันก็อาจทำให้หลายคนลืมที่จะโฟกัสความสวยงามที่แท้จริงข้างหลังเลนส์ เช่น วัฒนธรรมหรือประวัติศาสตร์เก่าแก่ของสถานที่เที่ยว ซึ่งถือเป็นคุณค่าหลักของสถานที่นั้นมากกว่าภาพถ่ายสวยๆ

ผลที่ตามมาจากการแห่เยี่ยมชมเป็นจำนวนมากที่แวะเวียนมาถ่ายรูป ได้ทำให้เกิดความเสียหายต่อสถานที่ท่องเที่ยวได้เช่นกัน เพราะไม่ใช่ทุกสถานที่จะสามารถรองรับคนได้เป็นจำนวนมาก อย่างซานโตรินี ประเทศกรีซ ที่ต้องเตรียมเรือสำราญสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวถึง 8,000 คนต่อวัน จึงทำให้นำไปสู่ความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อมในที่สุด 

Maya Beach, Thailand, August 19th 2017: Over crowded and polluted Maya Beach

และมีกรณีตัวอย่างที่ใกล้ตัว นั่นก็คือ อ่าวมาหยา ประเทศไทย ที่ต้องปิดให้เข้าชมเป็นเวลานาน 2 ปี เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศใหม่ หลังจากภาพยนตร์ ‘The Beach’ ที่นำแสดงโดยนักแสดงชื่อดัง ลีโอนาโด ดิคาปริโอ (Leonardo DiCaprio) เข้าฉายในปี ค.ศ.2000 ซึ่งทำให้มีคนแห่มาตามรอยเป็นจำนวนมาก เพื่อมาว่ายน้ำและถ่ายรูป 2-3 รูป แล้วก็จากไป

ในแง่ของธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟ การเข้ามาเป็นจำนวนมากของลูกค้า จะทำให้เกิดความวุ่นวายในการบริหารจัดการ หากธุรกิจนั้นยังมีการรับมือกับการเข้ามาของผู้คนไม่ได้ อย่างที่จะเห็นร้านกาแฟบางแห่งปิดตัวลง เช่น เมื่อปลายปี ค.ศ.2019 ที่ผ่านมา มีร้านกาแฟแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ประกาศปิดกิจการ เนื่องจากความตั้งใจของผู้ประกอบการต้องการให้ร้านเป็นพื้นที่เงียบสงบ ทำให้มีโต๊ะรองรับลูกค้าเพียงแค่ 1-2 โต๊ะ แต่เมื่อมีการรีวิวและบอกต่อกันไปเรื่อยๆ ก็ทำให้มีคนแห่มารอคิวเป็นจำนวนมาก ซึ่งเกินกว่าที่ผู้ประกอบการจะจัดการไหว

เหนือสิ่งอื่นใด การหลงลืมคุณค่าที่แท้จริงของสิ่งที่อยู่หลังเลนส์ต่างหากที่อาจจะน่ากังวล ทั้งในแง่ของผู้ประกอบการที่เน้นการขายภาพลักษณ์มากกว่าคุณภาพ ผลิตเพื่อให้ถ่ายรูปออกมาสวยเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ได้ให้ความใส่ใจกับรสสัมผัสเท่าไหร่นัก เพราะรู้ว่าคนส่วนใหญ่มักจะเน้นถ่ายรูปมากกว่าชิม หรือในส่วนของผู้บริโภค ถึงแม้เราได้ภาพแสงสวยๆ คอมโพสดีๆ ลงอินสตาแกรมก็ตาม แต่การที่เราลืมดื่มด่ำกับรสชาติและความหอมของกาแฟตรงหน้าปล่อยให้เย็นชืดไร้รสชาติ ก็นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างหนึ่ง เพราะคุณค่าของสินค้าที่เราจะได้สัมผัสและลิ้มลองนั้นวางอยู่แค่ตรงหน้า ซึ่งก็คงหาไม่ได้จากภาพสองมิติในจอกล้อง

แม้ Instragrammable จะเป็นอีกไลฟ์สไตล์หนึ่งของผู้คน แต่ก็มีอีกหลายกรณีที่เป็นบทเรียนให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจที่คิดจะปรับตัวเข้ากับ 'กระแส instagrammable' ซึ่งโจทย์ก็คือจะทำยังไงให้ธุรกิจของเราสามารถรองรับกระแสนี้ได้ โดยที่ผู้บริโภคเองก็ยังคงมองเห็น 'คุณค่า' ที่แท้จริงของธุรกิจ ซึ่งควรจะมาควบคู่กัน

อ้างอิงข้อมูลจาก

neworld.com

ดูข่าวต้นฉบับ