'สหรัฐ'พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาจากจีนเป็นคนแรก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ว่าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐรายงานเมื่อวันอังคาร เรื่องการพบผู้ป่วยคนแรก ซึ่งติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่มีต้นกำเนิดจากเมืองอู่ฮั่นของจีน เป็นชายอายุประมาณ 30 ปี อาศัยอยู่ที่เมืองสโนโฮมิช ใกล้กับเมืองซีแอตเทิล ในรัฐวอชิงตัน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่เมืองอู่ฮั่นและกลับมายังสหรัฐเมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ชายคนดังกล่าวซึ่งอาศัยลำพัง ล้มป่วยและเข้าพบแพทย์ ต่อมาในวันที่ 20 ม.ค. ผลการตรวจทางวิทยาศาสตร์บ่งชี้ว่า เป็นอาการป่วยจากการได้รับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทั้งนี้ ผู้ป่วยให้ความร่วมมือกับคณะแพทย์เป็นอย่างดีตั้งแต่เข้าโรงพยาบาล โดยหลังมีการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เจ้าหน้าที่จะกักบริเวณชายคนนี้เพิ่มอีกอย่างน้อย 48 ชั่วโมงเพื่อเฝ้าดูอาการ ซึ่งเบื้องต้นมีการเปิดเผยว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นเป็นลำดับ

ขณะเดียวกัน ซีดีซียกระดับคำเตือนการเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่นเป็น "ขั้นที่ 2" หมายความว่าประชาชน "ควรเพิ่มความระมัดระวัง" และขยายมาตรการคัดกรองผู้โดยสารตามสนามบินเป็นอย่างน้อย 5 แห่ง คือท่าอากาศยานจอห์น เอฟ. เคนเนดี ในนครนิวยอร์ก ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส และท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ท่าอากาศยานนานาชาติแอตแลนตา ในรัฐจอร์เจีย และท่าอากาศยานนานาชาติชิคาโก โอแฮร์ ในรัฐอิลลินอยส์ อย่างไรก็ตาม ท่าอากาศยานนานาชาติซีแอตเทิล ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนระหว่างประเทศที่ผู้ป่วยคนแรกเดินทางเข้ามาในสหรัฐ  ยังไม่อยู่ในรายชื่อสนามบินซึ่งต้องเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังแต่อย่างใด

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 6 คน และผู้ป่วยสะสมมากกว่า 300 คน ตามการเปิดเผยของคณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติ ส่วนใหญ่อยู่ที่มณฑลหูเป่ย์ ซึ่งมีเมืองอู่ฮั่นเป็นเมืองเอก แต่มีการพบผู้ติดเชื้อในเมืองใหญ่อีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นกรุงปักกิ่ง เมืองเซี่ยงไฮ้และเมืองเซินเจิ้น ขณะที่ทางการฮ่องกงซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองเซินเจิ้นที่สุด ยกระดับมาตการคัดกรองบุคคลซึ่งเดินทางมาจากแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะเมืองอู่ฮั่น ต้องกรอกเอกสารด้านสุขภาพอย่างละเอียด และเตือนเรื่องบทลงโทษจำคุก หากตรวจพบว่ามีการบิดเบือนข้อมูล แล้วมาแสดงอาการป่วยในฮ่องกง.

เครดิตภาพ : AP