ช่วงนี้หมอมีโอกาสได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทาง Live ในหลายสื่อ นอกจากคำถามโดยปกติหน้างานเกี่ยวกับสุขภาพจิตแล้ว มีคำถามหลังบ้านที่ทีมงานมักถามหลังจากจบการสัมภาษณ์คือ
เราจะมีวิธีการรักษาแรงจูงใจในการใช้ชีวิตและงานอย่างไรคะ?
ตอนนี้แม้จะมีงานทำอยู่แต่ก็อยู่อย่างหวั่นไหวว่าจะถูกลดเงินเดือนหรือเลิกจ้างหรือป่าว การทำงานทุกอย่างที่บ้านก็อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม ตอนนี้เริ่มรู้สึกไม่มีแรงจูงใจทั้งในการใช้ชีวิตและงานจะทำอย่างไรดี
การเริ่มหมดแรงจูงในชีวิตและงาน กำลังจะเป็นผลกระทบทางด้านจิตใจที่จะตามมา หลังจากวิถีชีวิตเปลี่ยนไปได้สักระยะ และปัญหานี้ก็น่าเป็นห่วงมาก เพราะสุดท้ายอาจทำให้หลายคนกลายเป็นโรคซึมเศร้า
หรือเริ่มมีความคิดฆ่าตัวตายได้ อย่างที่เราจะเห็นการนำเสนอข่าวเรื่องการฆ่าตัวตายจากการได้รับผลกระทบจาก Covid-19 มากขึ้น
โชคดีที่หมอได้รับคำถามนี้หลังจากตัวเองก็ได้มีประสบการณ์ในการปรับตัวและได้มีโอกาสอ่านหนังสือที่ชื่อว่า “ความสำเร็จสร้างได้ด้วยสมาธิ” การที่เราจะมีแรงจูงใจและรักษาแรงจูงใจนั้น สิ่งสำคัญต้องเริ่มจากการมีเป้าหมายที่ดีและถูกทิศทาง ในวันนี้ที่งานเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยน เศรษฐกิจเปลี่ยน โลกเปลี่ยน เราก็จำเป็นที่จะต้องเริ่มปรับตัวด้วยการเปลี่ยนเป้าหมายให้สอดคล้องกับ 4 S คือ
Simple : ทำเป้าหมายให้เล็กและง่าย ด้วยการละทิ้งสิ่งที่เกินความจำเป็นออกไป ในวันนี้ชีวิตอาจจะจำเป็นแค่ ยังมีอาหารทาน ยังมีบ้านให้นอน ยังมีงานให้ทำ สุขภาพยังแข็งแรง
Small : ตั้งเป้าหมายให้เล็กและทำสำเร็จได้ง่าย วันนี้แค่เราลองจัดตารางเวลาในการทำงานและพักผ่อนให้ตัวเองที่บ้านแล้วทำได้สำเร็จ ก็น่าชื่นใจแล้ว
Single : ทำครั้งละ 1 เรื่อง การทำงานที่บ้านแม้ว่าเราจะไม่เสียเวลาเดินทาง แต่เราจะเสียเวลากับการตามใจตัวเองได้ง่าย การดึงความสนใจจากสมาชิกในบ้าน เช่นลูกหรือพ่อแม่ เพราะไม่ได้เข้าใจว่าเรากำลังทำงาน การตั้งเป้าเรื่องที่จะทำให้น้อยแต่จดจ่อกับช่วงเวลานั้นให้มากจะยังทำให้เรารู้สึกว่าเรายังคงมีประสิทธิภาพ
Smile : สนุกกับสิ่งที่ทำและมีทัศนคติเชิงบวก เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่เป็นทุกข์
เมื่อเราตั้งเป้าหมายใหม่ได้สอดคล้องกับความเปลี่ยนไปของชีวิตแล้ว
เราจะขับเคลื่อนและรักษาแรงจูงใจอย่างไร?
เรื่องนี้เป็นหัวข้อสนทนาสำคัญของหมอและพี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง ใน Live จาก หมอเอิ้น พิยะดา Unlocking Happiness
พี่จุ้ยก็เป็นศิลปินที่ได้รับผลกระทบกับเรื่องนี้ ตอนนี้พี่จุ้ยเองตัดสินใจเดินทางกลับไปใช้ชีวิตที่สมุยบ้านเกิด การกลับไปบ้านเกิดในช่วงแรกก็ไม่ต่างจากผู้คนทั่วไปที่ต้องใช้เวลาในการปรับตัว
แม้ว่าจะตั้งเป้าหมายไว้แล้วว่าจะกลับมาเพื่อเขียนหนังสือเล่มใหม่ แต่ก็ไม่มีแรงจูงใจในการที่จะลุกขึ้นมาเขียน
จนต้องตั้งคำถามใหม่กับตัวเองว่า ทำอย่างไรจะปลุกให้แรงจูงใจกลับคืนมา?
พี่จุ้ย ได้ข้อสรุปกับตัวเอง 3 ข้อคือ
1.ทบทวนแรงจูงใจภายในและภายนอก
พี่จุ้ยยกตัวอย่างเรื่องนี้กับการเล่นดนตรี ศิลปินคนหนึ่งรักในการเล่นดนตรี ความรักในการเล่นดนตรีคือแรงจูงใจภายใน วันหนึ่งเล่นดนตรีแล้วได้เงิน จากร้อย เป็นพัน เป็นหมื่น เงินกลายมาเป็นแรงจูงใจภายนอก
หลายครั้งเราจะเผลอไปให้ความสำคัญกับแรงจูงใจภายนอก ดังนั้นในสถานการณ์วันนี้ถ้านักดนตรีให้ความสำคัญกับเงิน(จูงใจภายนอก) แล้วลืมแรงจูงใจภายใน คือความรักในดนตรีของตัวเอง เขาจะกลายเป็นนักดนตรีที่จมอยู่กับความทุกข์ การกลับมาทบทวนถึงแรงจูงใจภายในของตัวเองจึงสำคัญ (แล้วพี่จุ้ย ก็หยิบอูกูเลเล่ตัวโปรดขึ้นมาร้องเพลงให้ฟัง)
2.เริ่มปลูกดอกไม้ให้ความคิด
ต่อให้เราได้ทำงานในสิ่งที่เราชอบแค่ไหน เราก็ยังเบื่อได้ ยังเครียดได้ ไม่อยากทำได้ การยอมรับสภาวะที่เกิดขึ้นว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แล้วพาตัวเองไปเติมความคิดสร้างสรรค์ในงาน เช่น ทำงานเขียนก็ไปอ่านงานเขียนคนอื่นบ้าง คุยกับนักเขียนคนอื่นบ้าง เพื่อเป็นการปลูกความคิดใหม่ในงาน
3.เติมแบตเตอรี่ให้ชีวิตตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
ภาวะหมดพลังเกิดขึ้นได้กับทุกคน แล้วแต่ ๆ ละคนจะมีวิธีในการชาร์ตพลังแตกต่างกัน บางคนต้องอยู่นิ่งๆ แต่บางคนต้องทำตัวเหมือนรถที่ต้องออกแรงเข็นก่อนไฟจึงจะเริ่มชาร์ต การพาตัวเองออกไปทำสิ่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคยอาจจะรู้สึกเหนื่อยและยากลำบากในช่วงแรกแต่สิ่งนั้นก็เป็นการเก็บพลังให้ชีวิตได้พุ่งทยานต่อได้เช่นกัน
วันนี้บอกได้เต็มปากว่าไม่มีใครไม่ต้องปรับตัวและเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ที่เราอาจจะต้องมีชีวิตปกติในรูปแบบใหม่ไปอีกนานแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้เช่นกัน
การตั้งเป้าหมายของชีวิตและงานให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลง
และการรักษาแรงจูงใจให้เดินไปถึงเป้าหมายที่นั้นได้
แม้สิ่งที่ทำจะไม่ได้ยิ่งใหญ่แต่เราอาจได้ความสุขในรูปแบบใหม่ๆกลับคืนมา
--
ติดตามบทความดี ๆ จาก หมอเอิ้น พิยะดา ได้ทุกวันพุธ บน LINE TODAY
จริงครับถ้าหากว่าเรายอมรับกับในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมาให้ได้ นั่นก็ย่อมที่จะช่วยทำให้เรามีสภาพจิตใจดีขึ้นมาได้บ้างเหมือนกัน ถึงแม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ยังทำให้เรามีความหวังและกำลังใจเพื่อที่จะได้ก้าวเดินต่อไปให้ถึงเป้าหมายดั่งที่ได้ตั่งใจเอาไว้.
22 เม.ย. 2563 เวลา 12.20 น.
ชีวิตคือชัยชนะ
หาเงินได้แค่เรื่องสนุก
ยศตำแหน่งของชั่วคราว
สุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงนั้นละสุขอันแท้จริง
23 เม.ย. 2563 เวลา 11.14 น.
•Ä• メ3 ฆ่าตัวตายกันรายวันแล้วหมอ คนไม่มีงานทำ ขายของไม่ได้ ตลาดปิด ไม่มีเงินซื้อข้าว ไม่มีเวินจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ จะมาเอาแรงบันดาลใจอะไรอีก คนฆ่าตัวตายจะเยอะกว่าคนป่วยตายแล้ว
22 เม.ย. 2563 เวลา 16.02 น.
ดูทั้งหมด