ในวัย 27 ปี รถถัง จิตรเมืองนนท์ หรือ ทินกร ศรีสวัสดิ์ หนุ่มพัทลุง กำลังเผชิญหน้ากับไฟต์บังคับในอาชีพ
เมื่อเขาจำเป็นต้องเลือกหนทางชีวิตครั้งใหญ่ในฐานะหนึ่งในนักมวยไทยที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ของศึก ONE
ฝืนชกต่อไปในพิกัดฟลายเวต 135 ปอนด์แบบเดิม ที่เพิ่มเติมคือการกลับไปคว้าแชมป์ที่ตกหล่นบนตราชั่งให้ได้
ขยับพิกัดขึ้นไปสู่รุ่นแบนตัมเวต น้ำหนัก 145 ปอนด์ ที่สามารถปล่อยน้ำหนักได้แบบสบายๆ แต่ต้องพบกับนักชกที่น้ำหนักธรรมชาติกว่า และ น่าจะคุ้นเคยกว่า
ใช้ชีวิตติดความป๊อปต่อไปในรูปแบบของ เซเลบริตี้ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพมามากพอสมควร มีชื่อเสียงมากมาย และ มีเงินเก็บที่สามารถใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไปตลอดชีวิต
ซึ่งถ้า รถถัง เลือกข้อ 1 หรือ ข้อ 2 สิ่งแรกที่เขาสมควรทำก็คือ คำแนะนำจากน่าจะแทบทุกคนที่หวังดีอย่างมีสติ ด้วยการกลับไปนึกถึงสมัยยังเป็น รถถัง เกียรติชูโฉม ตอนพุ่งๆ
จากนั้นตามหาแพสชั่นที่ไร้สิ่งยั่วยวนแบบที่เคยมี แล้วเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแบรนด์เนมเพื่อกลับไปซ้อมหนัก ณ ที่ๆ ส่งผลดีที่สุด
รวมทั้งถอยห่างออกจากสิ่งบันเทิงนานาชนิดให้พอเหมาะพอควร จนสมาธิเกือบทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่เวทีมวย
แต่ถ้าเขาจะเลือกข้อ 3 ชื่อของ รถถัง จิตรเมืองนนท์ ย่อมยังขายได้สบายๆ ในฐานะอดีตนักมวยระดับแชมป์โลกค่าตัวแพงมากที่สุดของเมืองไทย ซึ่งมีคอนเนคชั่นที่มีอยู่มากมายในสมาร์ทโฟน
หรือ รถถัง อาจจะฉีกแนวไปเลยด้วยการเปิดค่ายมวยอย่างซูเปอร์สตาร์ร่วมวงการหลายคนกำลังทำ เพื่อใช้ประสบการณ์ กับ ความรู้จริงไปผลิตรถถังโมเดลใหม่ๆ ให้นำความสำเร็จมาสู่ค่าย
แต่เชื่อได้ว่าบรรดาแฟนคลับของเขา และ คอมวยทั่วไป น่าจะอยากเห็น รถถังคันเดิม กลับขึ้นเวทีไปแสดงความเป็นยอดนักชกอีกสัก 3 ปี
ทางสายนี้อยู่ที่เจ้าตัวจะลิขิตเอง โดยไม่จำเป็นต้องเกรงใจใครเลย
ขอแค่เพียงใช้เหตุผล ตรรกะ และ ความเหมาะสมประกอบการตัดสินใจนี้ให้ตัวเอง