“เศรษฐา” รับกฤษฎีกาตีความ “บิ๊กโจ๊ก” พ้นราชการยังไม่สมบูรณ์ - ชี้ ไม่เคยบอกดึง “วิษณุ” ช่วยเรื่อง 40 สว. - เผย ยังไม่คุย “ทักษิณ” หลังติดโควิด จนไม่สามารถมาฟัง อสส. สั่งฟ้องคดี ม.112
เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2567 เวลา 17.35 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กฤษฎีกาสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกจากราชการไว้ก่อน หลังพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาการแทน ผบ.ตร. มาพบ ว่า ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้
ส่วนมองอย่างไรกับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ระบุให้ออกจากราชการตรงนี้ยังไม่ถูกต้อง และสมบูรณ์อยู่ นายเศรษฐา เผยว่า ใช่ครับ ยังไม่สมบูรณ์ เมื่อมีการทักท้วงมาก็ต้องรับฟังและดำเนินการต่อ ก็มีความรอบคอบในการปฏิบัติ จะไปศึกษาข้อกฎหมายและทำให้ถูกต้อง ส่วนจากกังวลใจหรือไม่นั้น ตนก็เคยบอกไปแล้วว่ากังวลใจทุกเรื่อง เพราะยังมีรายละเอียดปีกย่อยที่ต้องทำ มีหลายหลายหน่วยงานเกี่ยวข้องด้วย ต้องรับความคิดเห็นให้ครบถ้วน
สำหรับกรณีการตั้ง นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี มาเป็นเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายงานสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จนมีกระแสดราม่าถึงเรื่องอดีตที่ผ่านมา นายเศรษฐา เผยว่า ส่วนตัวเชื่อว่าการที่ได้พูดคุยกัน แน่นอนว่าเรามีความเห็นที่แตกต่างกันหลายๆ เรื่องในอดีต แต่ก็มีทั้งเห็นด้วย ชื่นชม หรืออาจจะไม่เห็นด้วยบางเรื่อง แต่ก็พูดถึงความไม่ใช่คน หากเปรียบเทียบกับคนที่บ้านหรือเพื่อนๆ ก็คงจะมีหลายเรื่องที่ไม่เห็นด้วยเช่นกัน ตนเชื่อว่าวันที่ไปหา นายวิษณุ ที่บ้านได้มีการพูดคุยกัน ตนสามารถสรุปได้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในประเด็น วันนี้ถือเป็นความสวยงามของการปกครองระบอบประชาธิปไตย เห็นต่างแต่อยู่ด้วยกันได้ ฉะนั้น สิ่งหนึ่งที่ปฎิเสธไม่ได้คือท่านมีความรู้ความสามารถ อาจมีเรื่องในอดีตที่ไม่เห็นด้วย แต่ต้นเชื่อว่าสามารถสื่อสารและทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของประชาชนได้
เมื่อถามว่าการที่ดึงนายวิษณุ เข้ามาทำคดีกรณีที่ถูกร้องเรียนจาก 40 ส.ว. นายเศรษฐา ระบุว่า ตนไม่เคยบอกว่าจะดึงนายวิษณุ เข้ามาทำคดีนี้ และไม่ได้บอกว่าดึงมาช่วยเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ แต่ท่านมาเป็นที่ปรึกษา สลน. และทำหน้าที่ตามที่ตนเคยประกาศไป ไม่ว่าจะเป็นการคุยเรื่องราชการ ให้สัมภาษณ์ ประชุม ครม. เชื่อว่าเป็นหลายเรื่องที่ท่านมีความชำนาญ โดยตนได้เซ็นแต่งตั้งไปแล้วตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ทราบว่ามีการสะกดคำในหนังสือผิดจึงต้องกลับไปดูใหม่ คาดว่าพรุ่งนี้เช้าคงให้ความกระจ่างได้ดีขึ้นในเรื่องของการแต่งตั้ง
ส่วนจะมีเงื่อนไขอะไรที่ทำให้ นายวิษณุ ยอมมาช่วยงานนั้น นายเศรษฐา เผยว่า ขอให้เป็นเรื่องที่ตนสนทนากับนายวิษณุ แค่ 2 คน
สำหรับกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ติดเชื้อ โควิด-19 จนไม่สามารถไปฟังอัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดี ม.112 นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนยังไม่ได้พูดคุยกับนายทักษิณ และอย่างที่ตนบอก ไม่ว่าจะเป็นคดีของตนในขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญ ตนให้ความเคารพกระบวนการยุติธรรม หลายคนทราบว่าตนไม่อยากจะพูดอะไรมากในส่วนของรายละเอียด เพราะต้องให้ความเคารพในระบบตุลาการ และในส่วนของคดีนายทักษิณ เองตนก็เชื่อว่าขณะนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว เป็นหน้าที่ของจำเลยที่ต้องไปชี้แจงให้ชัดเจน ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง
ส่วนจะมองว่าเป็นการบั่นทอนกำลังใจของคนในพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ทราบต้องไปถามคนในพรรค พท. ในส่วนของตนก็มีหน้าที่ทำงานต่อไป เมื่อถามว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าพรรค พท. รัฐบาล และนายทักษิณ เป็นกลุ่มเดียวกัน เมื่อเกิดคดีนี้จะกระทบต่อภาพลักษณ์รัฐบาลหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าไม่กระทบ แต่หากถามว่าจะกระทบกับพรรคพท.หรือไม่ ต้องไปถามกันเอง แต่ในแง่ของบุคคลก็กระทบจิตใจของหัวหน้าพรรคพท.ซึ่งในแง่ของ พรรคการเมือง ในแง่ของรัฐบาล ในแง่ของนายทักษิณ ตนว่าแยกแยะกันชัดเจน
เมื่อถามว่าเคยมีแพลนที่จะลงพื้นที่ร่วมกับนายทักษิณหรือไม่ในอนาคต นายเศรษฐาเผยว่า เรื่องของอนาคตตนก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะ sayyes หรือ sayno จะเป็นเมื่อไหร่ตนก็ไม่ทราบ แต่หากถามตั้งแต่นายทักษิณออกมายังไม่เคยมีการพูดคุยว่าจะลงพื้นที่พร้อมกัน เพราะตนก็ไม่ทราบว่านายทักษิณ มีความประสงค์แบบนั้นหรือไม่