'ยิปซี คีรติ' แชร์ประสบการณ์ ไดเอตหนักจนเป็นโรคทางจิต เตือนอย่าสุดโต่งเกินไป(คลิป)

‘ยิปซี คีรติ’ แชร์ประสบการณ์ ไดเอตหนักจนเป็นโรคทางจิต เตือนอย่าสุดโต่งเกินไป(คลิป)

ทำคลิปออกมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ของตัวเองมากมาย ทั้งเรื่องการทำงานในวงการบันเทิง เรื่องการแต่งหน้าแต่งตัว รวมถึงการดูแลรูปร่าง สำหรับ ดาราสาวหุ่นแซ่บ ยิปซี คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ โดยล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอแชร์ประสบการณ์ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคลั่งการลดน้ำหนักจนเป็นโรคทางจิต ซึ่งยิปซีได้โพสต์คลิปผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมแคปชั่นว่า

“ขอฝาก ปสก. ของเราไว้ เป็นอีกทางเลือกนึงเพื่อประกอบการตัดสินใจ ของคนที่กำลังพยายามลดน้ำหนัก / ดูแลตัวเองนะคะ.. ถ้ารู้สึกว่าคลิปนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับใคร ฝากแชร์กันน้า”

โดย ยิปซี ก็ได้บอกเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า “แชร์ประสบการณ์การไดเอตจนกลายเป็นโรคทางจิตค่ะ ก็คือยิปอ่ะมีทำคลิปนึงไปก่อนหน้านะคะ ซึ่งเนื้อหาในคลิปนั้นได้มีการเมนชั่นเกี่ยวกับการที่ยิปไม่ชั่งน้ำหนักเลย ไม่คุมแคล อะไรก็ตามที่เป็นตัวเลขเป๊ะๆ ยิปก็พูดว่ายิปไม่เอา เพราะว่ายิปอ่ะเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาก่อน ซึ่งวันนี้ยิปก็จะมาพูดขยายความถึงประสบการณ์นั้น ทุกคนก็สามารถที่จะไปกูเกิลได้นะคะ คือมันเป็นอาการที่เรียกว่า Eating disorder นะคะ มันก็จะมีหลายประเภทมากเลย พวกแบบ Anorexia, Bulimia, Bing eating และเดี๋ยวนี้มันก็คงมีอะไรใหม่ๆ มาอีกเยอะมาก

ประสบการณ์ส่วนตัวของยิป อันนี้ก็คืออยากจะมาเล่าเพื่อที่จะเรียกว่าให้เป็นทางเลือกในการประกอบการตัดสินใจของคนที่กำลังไดเอต หรือพยายามที่จะดูแลรูปร่างตัวเองอยู่ละกัน สิ่งที่เราเคยทำคือ งดแป้ง งดไม่ใช่ลด คือไม่กินแป้งเลยอดข้าวเย็น ตั้งกฎหลัง 6 โมงชั้นจะไม่กินอะไรแล้ว คุมแคลเมื่อก่อนตอนวัยรุ่นเคยคุมแล้ว พยายามที่จะวันนึงต้องกินไม่เกิน 800-900 แคล มีช่วงนึงไปอยู่เมืองนอก ย้ายไปอยู่อเมริกาก็กลัวมาก เพราะของที่อเมริกามีแต่ของอ้วน ชีส พิซซ่า ก็กลัวอ้วน ตอนนั้นพยายามกินแต่แอปเปิล ตอนนั้นคือผอมมาก คือป่วยแหละ

ทีนี้ช่วงที่มีอาการทางจิตเป็นยังไง เมื่อก่อนยิปจะพยายามอดข้าวเย็น ขาดคาร์ป ออกกำลังกายหักโหมแบบหนักๆ เรียกได้ว่าเอาอะไรเข้าตัวน้อยที่สุด และเอาออกให้เยอะที่สุด เพื่อที่อยากจะตื่นมาชั่งน้ำหนักแล้วตัวเลขลดลง สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นคือจิตเราไปจดจ่อเกี่ยวกับว่า วันพรุ่งนี้เช้าที่ฉันจะตื่นขึ้นมาแล้วต้องเหยียบลงไปบนตาชั่ง เลขจะลดลงมั้ย ถ้าฉันพยายามขนาดนี้ สมมุติวันนี้อดอาหารอย่างดี พรุ่งนี้ต้องลดลงดิ แต่ทุกคนเชื่อป่ะ บางทีมันไม่ลด แย่ไปกว่านั้นคือบางวันข้าวเย็นก็ไม่ได้กินแต่มันเพิ่ม ถึงจุดนั้นแหละมันเป็นจุดที่เรากลายเป็นประสาท เราเครียดมาก แล้วความที่เราเป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ เราก็พยายามเอาชนะมัน หรือเราต้องลดอาหารเพิ่ม หรือออกกำลังกายเพิ่ม ก็เลยป่วย

เรื่องการทำอาหารกินเองทุกมื้อ กินคลีนจัดๆ เราผ่านมาเยอะมากๆ แล้วมันก็ทำให้เรามีปัญาคือเข้าสังคมไม่ได้เลย เรากลายเป็นคนกลัวอาหารปกติ นั่นมันไม่ใช่มายด์เซตที่เฮลตี้แล้วอ่ะ คนเรามันยังต้องไปใช้ชีวิต ได้ออกไปกินข้าวกับเพื่อน ยังต้องเข้าสังคมบ้าง ตอนนั้นเราไม่อยากเล่นโซเชียล เพื่อนนัดตอนนั้นเรารู้สึกอึดอัด เพราะชั้นต้องไปกินอาหารข้างนอกที่มันไม่เซฟเพราะเรากลัวควบคุมไม่ได้ สุดท้ายก็ทำไมได้

เคยโยโย่เพราะกินคลีนจัดๆ ด้วยนะ ร่างกายเรามันช็อก เหมือนพอเรากินคลีนสะอาดมากๆ เลยโนโซเดียมอะไรก็ตาม กินอาหารปกติแค่ไม่กี่มื้อ บวม โยโย่ขึ้นมาเลย เราก็เลยรู้สึกว่า โอเค อะไรก็ตามที่มันเป็นวิถีชีวิตที่สุดโต่งจนเกินไป อะไรก็ตามที่ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่สามารถที่จะทำสิ่งนี้ไปได้ตลอดชีวิตจริงๆ เราว่าอย่าทำเลย อะไรก็ตามที่สร้างความกดดันหรือความเครียดให้กับร่างกายมากเกินไป เราไม่ค่อยแนะนำ

DM มาเรื่องนี้เยอะมาก ‘พี่ยิปคาร์ปต้องเท่าไหร่ ต้องโปรตีนเท่าไหร่ แคลเท่าไหร่’ คือมันทำให้เรารู้ว่า โอเค คนยุคปัจจุบันนี้สนในเรื่องการดูแลตัวเอง มันเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเป็นไปได้เราก็ไม่อยากให้เขาจะต้องมาอยู่ในจุดที่เราเคยอยู่ ซึ่งมันไม่ใช่จุดที่ดีเลยอ่ะทุกคน ใช้เวลานานมากกว่าที่จะก้าวออกมาจากจุดนั้นได้ กว่าจะตัดใจแล้วโยนเครื่องชั่งน้ำหนักทิ้ง เพราะว่าติดมาก ติดดูตัวเลขมาก ทุกเช้าถ้าเหยียบขึ้นไปแล้วเลขไม่ได้เป็นแบบที่ตัวเองพอใจร้องไห้นะ วันนั้นทั้งวันไม่มีความสุข เริ่มต้นทั้งวันไม่มีความสุขเลยเพราะว่าตัวเลขไม่ใช่แบบที่เราต้องการ

เราไม่อยากให้ความสุขของคุณมันมาถูกกำหนดเอาไว้ด้วยตัวเลขบนตาชั่ง หรือแม้กระทั่งรูปร่างหรืออะไรก็ตาม หาบาลานซ์ดีๆ เลือกอะไรที่เหมาะกับร่างกายของตัวเองจริงๆ และสุดท้ายดูแลสุขภาพจิตของตัวเองด้วย สำคัญมากๆ นะคะ หมดแล้วค่ะ แค่อยากให้ทุกคนแบบสุขภาพดี และก็สุขภาพจิตดีด้วย ใครอยากจะให้มาแชร์เรื่องอะไรอีกก็ลองคอมเมนต์มานะคะ และก็หวังว่าคลิปนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่เข้ามาดูนะคะ ขอบคุณค่ะ”