ไอที ธุรกิจ

สงครามไฮบริด กับความเสี่ยงเศรษฐกิจ

The Bangkok Insight
อัพเดต 14 ต.ค. 2562 เวลา 03.12 น. • เผยแพร่ 14 ต.ค. 2562 เวลา 03.11 น. • The Bangkok Insight

วาระหลักจากเวทีบรรยายของ พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ) เรื่อง “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง”  สัปดาห์ที่ผ่านมา  คือแสดงจุดยืนของกองทัพบกต่อ อุดมการณ์ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ” ที่ พล.อ.อภิรัชต์ ย้ำหนักแน่นว่า มาตรา 1 “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ ” แก้ไม่ได้

และการสะท้อนภาพการเมืองไทยในสายตา ”ผู้บัญชาการทหารบก” ที่อ้างถึงเหตุการณ์ บุคคลระหว่างบรรทัดจำนวนหนึ่ง อาทิ นักเรียนนอกซ้ายดัดจริต ฮ่องเต้ซินโดรม  และ สถานการณ์การเมืองที่เป็นอยู่                   

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ไฮไลท์จากเวทีบรรยาย คือการระบุถึงสงครามลูกผสม  ( Hybrid Warfare)ที่พล.อ.อภิรัชต์ ย้ำว่า “ผมอยากให้ทุกคนได้รู้เท่าทันว่า Hybrid Warfare เกิดขึ้นแล้วในประเทศนี้”

ความหมายของ สงครามลูกผสม (Hybrid Warfare)ตามที่  พล.อ.อภิรัชต์ อธิบายคือ สงครามที่ใช้การผสมผสานของเครื่องมือ ทั้งจากสงครามตามแบบ และสงครามไม่ตามแบบ ซึ่งไม่ใช่เหตุบังเอิญแต่เป็นทฤษฎีจากประสบการณ์จากประเทศต่างๆที่ล่มสลายไป ” 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ผบ.ทบ.บอกว่าสงครามลูกผสม มีกองกำลังของรัฐบาล กับ กองกำลังฝ่ายตรงข้าม ซึ่งส่วนนี้ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งหมายถึงประชาชน ทั้งในและต่างประเทศ โดยยกตัวอย่างว่าเช่น นักการเมืองระดับชาติ ท้องถิ่น ผู้นำท้องถิ่น  เศรษฐีบริจาคเงินให้ทำเว็บไซต์ หรือเป็นแหล่งข่าว

จากนั้นก็มี Propaganda กลุ่มสงครามข่าวสารข้อมูลหรือ  โฆษณาชวนเชื่อ ต่อจากนั้นขยายความสถานการณ์ให้เป็นสากล ด้วยการใช้บุคคลระหว่างประเทศ หรือ องค์กรอิสระเป็นปัจจัยโดยยกตัวอย่าง การนำฝรั่งมาถ่ายรูปที่หน้าโรงพัก หรือ มายืนกับกลุ่มผู้ชุมนุม แม้ไม่ระบุแค่คนฟังคาดเดาได้ไม่ยากว่าหมายถึงใคร

สุดท้ายคือสงครามเศรษฐกิจ เช่น สงครามการค้าสหรัฐ–จีน  พล.อ.อภิรัชต์ บอกว่าทุกประเทศเล็กใหญ่มีคนจนทั้งนั้น การทำให้คนในประเทศรวยเท่ากับนั้นยากกว่า แต่การทำให้คนในประเทศจนเท่ากันนั้นง่าย เป็นแนวคิดของ คอมมิวนิสต์ ?

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

การย้ำถึงการมีอยู่ของสงครามลูกผสม ชวนให้ตีความว่า การเข้าสู่อำนาจรัฐในปัจจุบันนอกจากเลือกตั้งรวมเสียงข้างมาก ตั้งรัฐบาลแล้วยังมีอะไรมากกว่านั้น ทำนองสิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งเป็น การออกมาแสดงจุดยืนทางการเมืองซ้ำๆของ ผู้บัญชาการทหารบก ย่อมส่งผลให้การเมืองเป็นเรื่องคาดเดายากขึ้นซึ่งโยงถึงความเสี่ยงทางเศรษฐกิจโดยตรง

 สัปดาห์เดียวกันนั้น  นายแอนดรู เมสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ประจำเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก  ธนาคารโลก แถลงปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ของไทยลงเหลือ 2.7% จากเดิม 3.5% โดยยกเหตุผลการส่งออกครึ่งปีแรกขยายตัวติดลบ ปัญหาภัยแล้ง การเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์  และยังประเมินด้วยว่าแนวโน้มประเทศไทยช่วงต่อไปไม่สดใสนักโดยยกการเมืองเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุด

ทำนองเดียวกัน ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลง ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประเดือนกันยายนที่ผ่านมาปรับลดลงเป็นเดือนที่ 7 และต่ำสุดในรอบ 39 เดือน โดยปัจจัยที่มีผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผุ้บริโภคลดลง  นอกจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ราคาพืชผลต่อต่ำแล้ว สภาพการเมืองยังเป็นปัจจัยเติมความกังวลให้ผู้บริโภคด้วย

ความเสี่ยงทางการเมืองในช่วงจากนี้ไป นอกจาก เสถียรภาพรัฐบาลที่มีเสียงสนับสนุนจาก พรรคร่วม 18 พรรคปริ่มน้ำ  มากกว่าพรรคร่มฝ่ายค้านเพียง 4 เสียงแล้ว ยังมีความเสี่ยงจากสงครามไฮบริดที่เกิดขึ้นแล้วร่วมด้วย  ซึ่งเป็นปัจจัยลดความเป็นไปได้ของรัฐบาลที่จะผลักดันจีดีพีปีนี้ให้ถึง 3% ลงไปอีก

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 6
  • Thanadej
    อย่าไปมองคนที่เราเห็นต่างเป็นศัตรูไปหมด ความจริงในโลกนี้ไม่มีใครมีความเห็นเหมือนกันไปหมด แม้แต่สถาบันครอบครัวที่เป็นสังคมที่เล็กที่สุด ลูกก็ยังเห็นต่างไปจากพ่อแม่ เพราะเป็นตัวตนของเขาเอง แต่ขอเป็นความเห็นต่างเพื่อการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองให้กับตนเองและส่วนรวม จุดยืนของกองทัพควรเป็นกลางและหาจุดร่วมให้คนในชาติมีความรักสามัคคีกลมเกลียวกัน ให้ดูตัวอย่างผู้นำสหรัฐคนสำคัญ นายบารัค โอบามา ที่เขาแสดงปฐกกถาเรียกร้องให้คนสามัคคีกัน ได้รับการตบมือชื่นชมเป็นอย่างมากจากอเมริกันชนและทั่วโลก
    14 ต.ค. 2562 เวลา 05.30 น.
  • Thanadej
    คงไม่มีรัฐบาลไหนหรือระบอบการปกครองใดในโลกนี้ที่สามารถทำให้คนรวยหรือจนเท่ากันหมด แม้แต่จีนก็เป็นทุนนิยมหลังจากที่ปกครองประเทศระยะหนึ่ง และด้วยความที่มีประชากรจำนวนมาก ระบอบทุนนิยมก็ช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาลได้มากจนกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ แต่สิ่งสำคัญคือรัฐบาล รัฐสภาและศาลยุติธรรมต้องดูแลให้เกิดความเป็นธรรมทางสังคม มิให้ฝ่ายทุนนิยมมาเอาเปรียบผู้ด้อยโอกาส ประเทศชาติก็จะมั่นคงปลอดภัย ทุกประเทศที่เจริญแล้วก็ใช้หลักการนี้ ให้มองพลเมืองของคนในชาติเป็นพี่น้องกันหมด ทุกอย่างก็จะง่าย
    14 ต.ค. 2562 เวลา 05.19 น.
  • Thanadej
    เลิกคุยกันเรื่องคอมมิวนิสต์ได้แล้วครับ ความจริงคงไม่มีใครอยากอยู่ในระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ มันขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละประเทศ สำหรับประเทศไทยนั้น ปัจจุบันเราปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขในระบบรัฐสภา ซึ่งก็ถูกต้องแล้วตามความต้องการของประชาชน การปลุกระดมไม่ว่าวิธีใด ทำให้คนในชาติแตกแยกขาดความสามัคคี เราต้องพยายามพูดถึงความรู้รักสามัคคีในหมู่คนไทย แม้ว่าจะมีความเห็นต่างก็ไม่เป็นไร แต่ต้องเป็นความเห็นต่างเพื่อการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง
    14 ต.ค. 2562 เวลา 04.58 น.
  • มณีจันทร์
    คนดี แต่หนักแผ่นดิน
    14 ต.ค. 2562 เวลา 04.25 น.
  • mon
    ผบทบ เหมือนจิตมโน ไปไกล เรื่องง่ายๆ คือ ปชช เขาด่ารัฐบาล เพราะห่วย ยึดอำนาจมา แล้ว วางแผนสืบทอดอำนาจ แล้วบริหารประเทศได้ห่วยๆๆๆ มีแค่นี้ ที่ ปชช เขาก่นด่า ไม่มีสงครามห่าเหว มีแต่สร้างเรื่อง มโน ให้ติ่ง อินไปเรื่อย ถ้ารัฐบาลบริหารดีจริง ผมคนนึงล่ะ จะลงคะแนนให้ ไม่ได้ยึดติดกะ เหรี้ยตัวไหน แต่อยู่มา5ปีล่ะ มีแต่แย่ลงเรื่อยๆ ใครจะไม่ด่า ยังจะมาสร้าง วาทะกรรม สงครามนั่นนี่อีก ประเทศไทยดีนมีคนห่วยๆ คุมกิงกำลัง กรรมจริงๆ
    15 ต.ค. 2562 เวลา 00.20 น.
ดูทั้งหมด