บันเทิง

ชมพู่ อารยา กับชีวิตไม่เหมือนเดิม "คนเราไม่มีใครได้ไปทุกอย่าง" (คลิป)

ไทยรัฐออนไลน์ - บันเทิง
อัพเดต 14 พ.ย. 2562 เวลา 04.47 น. • เผยแพร่ 13 พ.ย. 2562 เวลา 09.32 น.
ภาพไฮไลต์

มาทำงานไกลถึงประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียวสำหรับนางเอกซุปตาร์ผลไม้ ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ที่บินตรงจากไทยมาถึงเมืองโอซาก้า เพื่อเดินทางมาร่วมงาน “Downy X Araya เปิดตัวน้ำยาปรับผ้านุ่ม ดาวน์นี่ พาร์ฟูม คอลเลคชั่น สโนไวท์ ลิมิเต็ด อีดิชั่น" โดยในครั้งนี้ ชมพู่ มีส่วนร่วมในการออกแบบกลิ่นของผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มด้วยตนเองเป็นครั้งแรก ทำเอาเจ้าตัวตื่นเต้นไม่น้อย

งานนี้นอกจากชมพู่ จะเผยถึงเบื้องหลังการทำงานครั้งนี้แล้ว บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าตัวถึงเบื้องหลังความเป็นแม่บ้านสายแฟชั่นที่ชีวิตเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกเลย เพราะนอกจากต้องดูแลสามีอย่างไฮโซหนุ่มน็อต วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์ แล้ว ยังต้องดูแลลูกชายตัวน้อยฝาแฝด น้องสายฟ้า-น้องพายุ ด้วย เรียกว่าต้องดูแลครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น แต่ถึงแม้จะเหนื่อยแค่ไหนชมพู่ บอกกับเราว่ามีความสุขมาก และเข้าใจคำว่า "รักไม่มีเงื่อนไข" เพราะ "ลูก" จริงๆ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ชมพู่ อารยา

ถามถึงความเป็นแม่บ้านสายแฟชั่นของชมพู่?
“ก็ยังไม่กล้าแบบว่า classify ตัวเองว่าเป็นแม่บ้านจ๋าขนาดนั้น ก็เป็นแม่ เป็นภรรยายุคนี้แหละ ต้องยอมรับว่าเราก็มีทีมแบ็กอัพ แบ็กออฟฟิศ ที่ช่วยในระดับปฏิบัติการ แต่ในเชิงนโยบายก็ยังเป็นเรานี่แหละค่ะ ก็เป็นอีกฟีลนึงนะ จากที่เราไม่ต้องคิดเผื่อใคร

แต่พอแบบในบ้านมีสมาชิกที่หลากหลาย มีทั้งคุณพ่อ มีทั้งคุณลูก มีทั้งคนที่ทำงานในบ้าน เวลาจะซื้อหรือจัดหาอะไรเข้าบ้าน มันก็ต้องคิดเผื่อคนอื่นมากขึ้นค่ะ มันก็ลงดีเทลไปอีกแบบ มันไม่เหมือนตอนเราอยู่ตัวคนเดียว ถามว่าชีวิตเปลี่ยนมั้ย ก็เปลี่ยน (หัวเราะ)”

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เป็นยังไงบ้างกับชีวิตที่ไม่เหมือนเดิมเมื่อมีลูก?
“ชมมองว่าเป็นการเรียนรู้นะ จนถึงทุกวันนี้ชมก็ยังเรียนรู้อยู่เรื่อยๆ ค่ะ แน่นอนวันที่เอาลูกกลับมาที่บ้าน ชีวิตมันไม่เหมือนเดิมอีกเลย ตอนที่แต่งงานก็ยังไม่รู้สึกว่าเปลี่ยนเท่าตอนที่มีลูก พอมีลูกคือเขาจะต้องเป็น priority พอเขามา ปัจจัยอื่นๆ ในบ้านมันก็เปลี่ยนไปเลย

ก็ต้องยอมรับว่าบางอย่างต้องปล่อยเซอร์บ้าง (หัวเราะ) แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ โดยทุกอย่างที่เราเลือก base on ว่าเขาเป็นหลัก แต่ก็ไม่ถึงกับกดดันตัวเองว่าจะต้องอย่างนี้ๆๆๆ คนเรามันไม่มีใครได้ไปทุกอย่าง อย่างน้อยที่สุด อะไรที่ดีที่สุดและเลือกเข้าบ้านได้ เราก็เลือกที่ดีที่สุดก่อน”

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เป็นคุณแม่ให้อะไรกับชีวิตเราบ้าง?
“มันก็จะทำให้เราเจออะไรบางอย่างที่เราไม่เชื่อว่าเรามี จากที่เราคิดว่าเราทำอะไรแบบนี้แล้วคิดว่ามันเหนื่อยสุดๆ แล้ว เรามาเจอการเลี้ยงลูก มันก็จะแบบว่าเหนื่อยยิ่งกว่า บางทีถ้าเราตัวคนเดียว หรือเราทำงานอย่างอื่นที่ไม่มีอีกชีวิตต้องรับผิดชอบ เหนื่อยก็คือหยุดตรงนั้น

แต่พอมีลูกมันไม่ได้ อย่างนั่งรถมาทำงานเมื่อเช้านี้ ชม.กว่า ถ้าเราตัวคนเดียวก็คงงีบ แต่ถ้ามีลูกก็อีรุงตุงนัง ดึงผมแม่ ไม่ยอมให้แม่นอน ชีวิตมันไม่เป็นของเราแล้ว แต่มันจะทำให้เราค้นพบพลังอะไรในตัวบางอย่างว่าเฮ้ย ก็ได้นี่หว่า ก็ไหวนี่

ชมว่าอีกอย่างนึงก็คือ การยอมรับหรือการรักโดยที่ไม่มีเงื่อนไขจริงๆ เราอาจจะมี expectation ว่าลูกเราจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้กับคนที่เรายังไม่เคยรู้จัก เราไม่รู้ว่าเขาจะเป็นคนยังไง เขาจะมีอะไรติดตัวมา เราไม่รู้จักเขาเลย แต่เขามาในแพ็กเกจไหน เราก็รักเขาได้โดยที่เป็นคนนิสัยยังไงก็ได้ เลยเข้าใจคำว่ารักไม่มีเงื่อนไข

ในการทำงานที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ก็พาลูกๆ และสามีมาด้วย?
“จริงๆ ก็พยายามพาเขาไปทุกที่ที่พอจะไปได้ในช่วง 2-3 ปีแรก ชมพยายามจะบาลานซ์เรื่องชีวิตครอบครัวและเรื่องงานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะได้ โอเคครอบครัวเป็น priority แต่ว่างานยังทำในสัดส่วนที่เราคิดว่าเนี่ย…คือบาลานซ์เรา เพราะฉะนั้นถ้าทริปไหนที่ไปได้ เป็นประเทศที่เฟรนด์ลี่กับเด็ก ก็จะเอาเขาไปค่ะ”

เตรียมตัวยังไงบ้างในแต่ละทริป?
“จริงๆ ก็คือมันต้องออกไปอะ แล้วเราจะรู้ จำได้ช่วงแรกๆ ตอนที่เขายังอ่อนๆ ก็จะอุ๊ย ไม่กล้าพาเขาออกไป เพราะไม่รู้ว่าออกไปต้องเจออะไร แต่ก็คิดว่าถ้าไม่ออก ไม่มีวันได้เรียนรู้ว่าการที่เราต้องพาลูกเราออกไปเจอโลกข้างนอก เราต้องเตรียมตัวรับมือยังไง มันไม่มีทริปไหนที่มันเพอร์เฟกต์ มันต้องมีขาดมีเกิน”

ของที่เตรียมเยอะมั้ย กระเป๋าเยอะสุดกี่ใบ?
“ก็เยอะอะค่ะ เพราะว่าเป็นแฝดด้วย เพราะฉะนั้นของน้องก็คือคูณ 2 ช่วงแรกๆ นี่คือแบบ…กะละมังยังเอาไปเลยอะ (ยิ้ม) พอออกไปแล้วจะรู้ว่ามันไม่ตายหรอก สุดท้ายเราจะแบบว่า…อยู่ที่ไหนก็ได้ในโลก”

ลูกๆ มีป่วยบ้างมั้ย?
“ก็มีบ้างนะคะ แต่เขาค่อนข้างจะปรับตัวไว บางทีมีน้ำมูกแป๊บๆ ก็หาย ตั้งแต่เลี้ยงมาก็จะมีที่เป็นหนักๆ 2 ครั้งค่ะ”

พูดถึงการมาทำงานที่ญี่ปุ่นครั้งนี้ เห็นว่าออกแบบกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มเองด้วย?
“ก็ตื่นเต้นนะ โห…ใครจะไปนึกว่าการที่เราอยู่ตรงนี้จะเอื้อโอกาสให้เราได้ทำอะไรแบบนี้ค่ะ ถามว่ายากมั้ย จริงๆ ก็ไม่ได้ถือว่ายากนะ เพราะอย่างที่บอกว่าในเชิงเทคนิคเป็นทางทีมผู้เชี่ยวชาญแหละค่ะ ถ้าทำเองคนเดียวก็ไม่รู้ว่าจะออกมายังไง (หัวเราะ)

เพราะเรื่องของน้ำหอม เรื่องของกลิ่น เป็นเรื่องศิลปะจริงๆ ค่ะ เราบอก inspiration บอกอารมณ์ บอกอะไรที่เราอยากได้ เพราะในฐานะที่เราเป็น consumer คนนึง และเป็นคนที่ชอบกลิ่นหอมคนนึง เราบอกได้ (เรียกว่าน่าจะถูกใจแม่บ้าน?) น่าจะถูกใจ”

สุดท้ายฝากถึงแฟนๆ?
“ก็ขอบคุณที่เอ็นดูน้องนะคะ จริงๆ ชมว่าหัวอกคนเป็นพ่อแม่ไม่มีอะไรดีกว่าเรารับรู้ได้ว่าลูกเราเป็นที่รักของทุกคน ก็ดีใจค่ะ ส่วนผลงานช่วงปลายปีจะมีหนังเรื่อง “ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค” กับทางจีดีเอชค่ะ ฝากด้วยนะคะ”.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 9
  • T😊R🌸
    แม่ชมถือว่าเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดคนนึง
    13 พ.ย. 2562 เวลา 10.50 น.
  • ป้าอู๊ดคะ
    ตั้งนานมาแล้วที่คิดว่าเขาน่ารักแต่ทำไมไม่ดังที่ช่องเก่าแล้วต่อมาก็มาดังที่ช่องใหม่ดีใจแล้วหลังจากนั้นดูเขาห่วงแต่เงินทำงานจนลืมตัวตนดูบ้าบอผิดหวังแต่วันนี้ใด้เห็นที่เขาพูดถึงลูกใด้ตรงความเป็นแม่ก็ดีใจมากๆค่ะ
    13 พ.ย. 2562 เวลา 12.29 น.
  • meawora
    แม่ชมโชคดีทุกเรื่อง ขนาดมีลูกแฝด ยังป้อนงาน แถมได้ไปต่างประเทศแทบทุกเดือน สมแล้วแม่คือแม่ที่แท้ทรู
    13 พ.ย. 2562 เวลา 14.36 น.
  • sirikorn
    ยาวเกิน, ขี้เกียจอ่าน,
    13 พ.ย. 2562 เวลา 10.23 น.
  • นก ปทิดา
    คนเราไม่มีใครสมบูรณ์แล้วแต่ความชอบ แต่อย่างหนึ่งคือรักครอบครัว รักลูก สุดยอดแล้วค่ะ
    14 พ.ย. 2562 เวลา 06.03 น.
ดูทั้งหมด