พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะนำคณะบินไปยัง กรุงปักกิ่ง เพื่อเข้าร่วมประชุม นโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางครั้งที่ 2 หรือ Belt and Road Cooperation : Shaping a Bright Shares Future ร่วมกับผู้นำอีก 38 ประเทศในเส้นทาง Belt and Road เส้นทางสายไหมใหม่จีน รองรับการแผ่อิทธิพลครั้งใหญ่ของจีนในยุค ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ท่ามกลางความวิตกของหลายประเทศในเส้นทางนี้ อาจจะต้องตกอยู่ใน “กับดักหนี้จีน” ไปอีกนานแสนนาน
การประชุมรอบนี้จะมีขึ้นในวันที่ 26–27 เมษายน ที่ กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน
การไปร่วมประชุม Belt&Road ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ มีภารกิจสำคัญคือ การร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือการเชื่อมโยงรถไฟความเร็วสูง 3 ประเทศ จีน สปป.ลาว และไทย ซึ่งเป็นการผูกพันอย่างเป็นทางการของรัฐบาลไทย กับ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทยจีน ที่จีนจะสร้างจาก เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน ลงมาทางใต้ผ่าน สปป.ลาว และ ประเทศไทย ลงใต้ไปถึง มาเลเซีย และ สิงคโปร์ ไปออกทะเลที่ ช่องแคบมะละกา เส้นทางเดินเรือที่สำคัญในภูมิภาคนี้
รัฐบาลไทย อาจจะฉลาดกว่ารัฐบาลประเทศอื่นที่ ไม่ยอมตกอยู่ในกับดักหนี้จีน จึงไม่กู้เงินจากจีน แต่ควักเงินงบประมาณของคนไทยบวกกับเงินกู้อีกก้อนใหญ่ เพื่อลงทุนสร้าง รถไฟความเร็วสูงไทยจีน เฟสแรก กรุงเทพฯ–นครราชสีมา มูลค่ากว่า 179,000 ล้านบาท เองและเฟส 2 นครราชสีมา–หนองคาย อีกหลายแสนล้านบาท เพื่อไปเชื่อมกับลาว
ไม่รู้เป็นเพราะไทยไม่ยอมกู้เงินจากจีนหรือเปล่า จึงทำให้การซื้อรถไฟความเร็วสูงจากจีนมีราคาแพงเว่อร์ เจรจากันหลายยกก็ยังจบกันไม่ลง มีข่าวว่าเมื่อเย็นวานนี้ 22 เมษายน คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีคมนาคม ก็ยังวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เจรจากับ นายนิ่งจี๋เจ๋อ รองประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ต่อรองราคาในร่างสัญญาฉบับ 2.3 ให้จีนลดราคาลงมา 1,000 ล้านบาท หลังจากที่เจรจากันหลายยก คงเป็นเพราะรัฐบาลไทยใจดี สั่งซื้อรถไฟความเร็วสูงจากจีนหลายหมื่นล้านบาท โดยไม่มีการประมูลตามกติกาสากล จึงทำให้จีนขายไทยในราคาแพงจนปิดงบไม่ลง
การเจรจาถูกบีบด้วยเวลาให้ต้องจบเมื่อคืนนี้ เพื่อนำเข้า ครม.อนุมัติในวันนี้ ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะบินไปเซ็นบันทึกข้อตกลงกับจีนที่กรุงปักกิ่งในวันที่ 26-27 เมษายน
รัฐบาลที่ฉลาดในการเจรจากับจีน ต้องยกให้ ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกฯวัย 93 ปี ของมาเลเซีย เพื่อนบ้านไทยที่ต้องรับภาระสร้างรถไฟความเร็วสูงจีนต่อจากไทยไปมาเลเซียในอนาคต ทันทีที่ขึ้นนั่งเก้าอี้นายกฯ ดร.มหาธีร์ สั่งยกเลิกโครงการรถไฟจีน 20,000 ล้านดอลลาร์ 640,000 ล้านบาท พร้อมกับโครงการจีนอีก 2 โครงการทันที
ทำให้จีนต้องรีบไปเจรจาเอาอกเอาใจมาเลเซีย
จนกระทั่ง 2 สัปดาห์ก่อน ก่อนที่ ดร.มหาธีร์ จะเดินทางไปร่วมประชุม B&R ครั้งนี้ด้วย ดร.มหาธีร์ก็ยอมฟื้นโครงการรถไฟความเร็วสูงจีนอีกครั้ง โดย รัฐบาลจีนยอมลดราคาโครงการลงไปถึง 1 ใน 3 ของราคาเดิม จากราคาเดิม 65,500 ล้านริงกิต เหลือเพียง 44,000 ล้านริงกิต ลดราคาไปถึง 21,500 ล้านริงกิต 1 ริงกิตเท่ากับ 7.70 บาท ผู้นำมาเลเซียลดราคารถไฟความเร็วสูงจีนลงไปรวดเดียว 165,550 ล้านบาท สุดยอดจริงๆ
ของไทยแค่ 1,000 ล้านบาท ต่อรองกันแทบเป็นแทบตายจีนไม่ยอมลดให้สักบาท
ประเทศที่ตกอยู่ใน “กับดักหนี้ B&R จีน” ไปแล้วก็คือ ศรีลังกา ต้องยอมให้จีนเช่าท่าเรือยุทธศาสตร์เป็นเวลา 99 ปี เพราะไม่มีเงินใช้หนี้ค่าก่อสร้างท่าเรือมูลค่า 1,400 ล้านดอลลาร์ 44,800 ล้านบาท ประเทศที่สองที่กำลังจะตกอยู่ใน “กับดักหนี้ B&R จีน” ในอนาคต น่าจะเป็น สปป.ลาว เพราะโครงการรถไฟความเร็วสูงจีนลาว ที่จะมาเชื่อมกับไทยที่หนองคาย มีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 6,700 ล้านดอลลาร์ 214,400 ล้านบาท มูลค่าเกือบครึ่งหนึ่งของจีดีพีประเทศลาวเลยทีเดียว แล้วจะเอาเงินจากที่ไหนไปใช้หนี้.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
; สบายคนไทยละ เป็นหนี้กันไปตายแล้วเกิดใหม่ใช้หนี้ไม่หมด ลูกหลานไทยใช้หนี้ต่อไปตลอดชีวิต ขอบคุณรัฐบาลคนดีไม่โกง
23 เม.ย. 2562 เวลา 00.06 น.
pui soil4 ถ้าอาเซียนร่วมกัน และต่อรองกดราคาลง ก็จะได้ราคาที่ถูกลง การยอมง่ายๆต่อจีนแบบนี้ไม่ดีเลย
รู้อยู่ว่าเขาก็ต้องการเรา
ต้องกล้ายืนแบบมหาเธร์
แบบนี้จะไม่หนักเรา
23 เม.ย. 2562 เวลา 00.42 น.
อนันต์ ค่าโดยสาร กรุงเทพ โคราช 2000 บาท คิดว่า จะมี ผดส. กี่คน
23 เม.ย. 2562 เวลา 00.23 น.
1️⃣ โฮบเวล..2
23 เม.ย. 2562 เวลา 00.21 น.
m ไงล่ะ พี่ใหญ่ที่แสนดี
23 เม.ย. 2562 เวลา 00.01 น.
ดูทั้งหมด