กว่าจะมาเป็น “ดาเอ็นโดรฟิน” ชีวิตที่ต้องขอบคุณ“ความบ้า”
“ธนิดา ธรรมวิมล” ถ้าพูดถึงชื่อนี้ หลาย ๆ คน อาจจะงงว่าเธอคือใคร แต่ถ้าเอ่ยชื่อ “ดา เอ็นโดรฟิน” ภาพของนักร้องหญิงเจ้าของเนื้อเสียงทรงพลังทว่าอ่อนโยน เข้มแข็งแต่ไม่ทิ้งความอ่อนไหว หวานแต่ซ่อนเปรี้ยว และร็อกในคราวเดียวกันอย่างลงตัว จนเป็นเอกลักษณ์ที่ใครยากจะเลียนแบบก็ปรากฏชัดเจนขึ้นมาทันที แต่ไม่เพียงภาพลักษณ์และผลงานของเธอเท่านั้นที่น่าสนใจ เรื่องราวเบื้องหลังการเดินทางมาถึงจุดนี้ของเธอนั้นก็ไม่ธรรมดาเลยเช่นเดียวกัน วันนี้เราจึงขอพาทุกท่านไปพบกับเรื่องราวการเดินทางของเธอ ซึ่งอาจเป็นแรงบันดาลใจให้การเดินทางของชีวิตเราเช่นกัน
“ลูกตาล Black Angels”
ชื่อเล่นจริง ๆ ขอดานั้น คือ "ลูกตาล" ซึ่งช่างออกแนวสวยหวานเสียเหลือเกินต่างกับบุคลิกภาพเด็กกิจกรรมของเธอ ที่ขอให้ได้ออกไหนก็ได้ เป็นเด็กกิจกรรมที่ทำทุกอย่าง ตั้งแต่สวดมนต์ไปจนประกวดร้องเพลง ภายใต้ชื่อวงดนตรีสมัยมัธยมของเธอในนาม “Black Angels” นางฟ้าสีดำเก๋ ผู้ออกไปล่ารางวัลทุกเวที ถึงตกรอบก็ยังออกประกวดไปเรื่อย ๆ จนคว้าที่ 1 มาได้ ซึ่งเธอก็เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เป็นความโชคดีของเธอที่สมัยเด็กเธอมีความ "บ้าบิ่น” จนทำให้เธอมีทุกวันนี้
“ดาเอ็นโดรฟิน”
ที่มาของการร่วมวง “เอ็นโดรฟิน” ( Endorphine) นั้น เกิดขึ้นจากเวทีประกวดดนตรีเช่นกัน แต่คราวนั้นดาไปในฐานะของผู้ชมการประกวดดนตรีที่เซ็นเตอร์พอยท์ สยามสแควร์ (ลานน้ำพุในตำนานนั่นแหละ !) แล้วได้พบกับสามหนุ่ม เกี้ย - อนุชา บ่อทองคำกุล / บอมบ์ - ฐปพล อมรมานัส และเบิร์ด - ธนัศม์ อมรมานัส สามหนุ่มนักดนตรีที่กำลังมองหานักร้องนำของวงอยู่ จึงได้ชักชวนดา ผู้หญิงที่พวกเขามองเห็น “ความหวานก็ได้ ร็อกก็ได้” มาร่วมวง ส่วนชื่อวง “เอ็นโดรฟิน - Endorphine” นั้น เกิดขึ้นจากเป็นความบังเอิญระหว่างที่พวกเขากำลังขับรถไปประกวด แต่พวกเขายังไม่มีชื่อวง จนเมื่อรถติดไฟแดงอยู่ ก็เห็นไปเห็นสติกเกอร์คำว่า "Endorphine" (เป็นชื่อสารที่หลั่งในร่างกายเมื่อเรามีความสุข) ท้ายรถคันข้างหน้านั่นเอง
“เปิดหมวก” ตามฝัน
น้อยคนที่จะทราบว่าเส้นทางชีวิตการเป็นนักร้องของเธอนั้น ไม่เคยง่าย เพราะในช่วงแรกนั้น เธอต้องแอบที่บ้านไปประกวดดนตรีทั้งหมด เธอออกไปประกวดเองตลอด โดยที่ที่บ้านไม่เคยเห็นเธออยู่บนเวทีสักครั้ง จนถึงวันที่เธอเซ็นสัญญากับแกรมมี่ เพราะภาพลักษณ์ของ “ร็อกสตาร์” ในยุคนั้นที่มีข่าวคาวมากมาย เธอจึงตั้งเป้าหมายที่จะประสบความสำเร็จในเส้นทางดนตรี และไม่เป็น “เด็กใจแตก” สำหรับที่บ้านให้ได้ เธอจึงเข้มแข็งผ่านทุกอุปสรรค ไม่ว่าจะโดนโกง ไม่มีเงินสักบาทจ่ายค่าห้องซ้อม เธอก็แก้ผ่านมันมาได้ด้วยการไปเล่นดนตรีเปิดหมวกที่ถนนข้าวสารในตอน ม. 3 ที่มีค่าตัวในการเล่นดนตรีต่อเวลา 3 ชั่วโมง เพียง 200 บาทเท่านั้น เพราะเธอไปขอเขาขึ้นเล่นดนตรีแทนการเช่าห้องซ้อม !
“เพื่อนสนิท” ฮิตสนั่น
เมื่อเราทุกคนได้รู้จักเธอใน ฐานะ “ดา เอ็นโดรฟิน” แล้วก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แค่เห็นหน้า เพลง “เพื่อนสนิท” ก็ลอยเข้ามาในหัวเราหลายคนแล้ว เพราะไม่เพียงแต่เพลงนี้จะเป็นเพลงแรกที่ทำให้เราได้รู้จักเอ็นโดรฟิน ยังเป็นเพลงที่เปลี่ยนชีวิตของศิลปินไปตลอดกาลอีกด้วย ไม่ต้องพูดถึงอันดับหนึ่งใน Chart ต่าง ๆ ขอแค่ว่าในยุคนั้นเพลง “เพื่อนสนิท” และ “สิ่งสำคัญ” จากอัลบั้มนี้ กลายเป็นเพลงเรียนจบ ปัจฉิมนิเทศของทุกโรงเรียน หรือมองไปทางไหนก็เห็นสาว ๆ หั่นผมสั้น ทำผมทรงดา เอ็นโดรฟินกันไปหมดก็พอจารันตีความดังได้แล้ว ซึ่งทรงผมนี้ดาเองก็เคยกล่าวไว้ว่าได้แรงบันดาลใจมาจากทรงผมของวง POTATO นักร้องรุ่นพี่ในสมัยแรก ๆ เช่นกัน เรื่องที่ฮาที่สุดคือสมัยที่เพลงนี้ออกมาครั้งแรก ภาพของดายังไม่ได้ปรากฏสู่สาธารณชนมากนัก จนทำให้คนเข้าใจไปว่า นักร้องที่ร้องเพลงคือ โฟร์ - ศกลรัตน์ วรอุไร ซึ่งมาเป็นนางเอก MV ให้นั่นเอง
“One Hit Wonder” คำสบประมาทที่ทำให้ได้พิสูจน์ความสามารถ
หลังจากความสำเร็จในอัลบั้มแรก เอ็นโดรฟินก็ล้างคำสบประมาทที่ว่าเป็นศิลปินดังอัลบั้มเดียว ด้วยการส่งอัลบั้ม "สักวา" ที่บรรจุเพลงฮิตอย่าง “น้ำเต็มแก้ว” “เมื่อเขามา…ฉันจะไป” และ “อย่าทำให้ฟ้าผิดหวัง” และถึงแม้ต่อมาดาจะออกอัลบั้มเดี่ยว แต่เธอก็มุ่งมั่นทำเพลงอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เธอมีคอนเสิร์ตครั้งแรกในชีวิตจากอัลบั้มภาพลวงตา ในชื่อ Da Endorphine Illusion Concert ที่สร้างความประทับใจให้ชีวิตของเธอมาก ด้วยการที่แฟนเพลงลุยน้ำท่วมในหัวหมากไปชมคอนเสิร์ตของเธอในครั้งนั้น
อย่าทำให้ “ฟ้า” ผิดหวัง
เรื่องราวประทับใจเกี่ยวกับแฟนเพลงของเธอนั้นมีอยู่หลากหลาย แต่เรื่องหนึ่งที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าจะอยู่ในใจของเธอไปตลอด คือเรื่องของ “น้องฟ้า” เด็กชายผู้เป็นแฟนเพลงของเธอตั้งแต่อัลบั้มแรก ที่กำลังเผชิญกับโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และมีความหวังอยากพบเธอสักครั้ง และเธอก็ได้ไปพบเขาพร้อมกับร้องเพลง “อย่าทำให้ฟ้าผิดหวัง” เพลงที่เขาชื่นชอบเนื่องจากเป็นชื่อของเขา และได้ร่วมร้องกับคุณแม่ พร้อมพี่ ๆ พยาบาลที่ดูแลน้องฟ้า ก่อนที่น้องจะจากไปอย่างสงบในคืนวันนั้น ซึ่งนี่คือเรื่องที่ดากล่าวว่า “Impact” ชีวิตเธออย่างมาก
“ถ้าคุณทุ่มเทกับงานจริงๆมันไม่มีใครลืมคุณหรอก”
ประโยคนี้คือคำที่เธอให้ให้สัมภาษณ์ไว้ ซึ่งนั่นทำให้เธอยังคงทุ่มเท ทำงานของเธอมาจนถึงทุกวันนี้ และที่สำคัญคือไม่หยุดพัฒนาตัวเอง ไม่คิดว่าตัวเองเก่งที่สุด เธอจึงตัดสินใจไปเข้าค่าย Workshop เรียนแต่งเพลงที่อังกฤษเป็นเวลาหนึ่งเดือน ก่อนที่จะกลับมาทำเพลงกับแกรมมี่อีกครั้งในฐานะ Executive Producer อย่างเต็มตัว ของอัลบั้ม“DAMATIC" ที่เพิ่งเปิดตัวกันไปด้วย Concept 5 Single, 5 เเนวดนตรี, 5 Mood, 5 Character พร้อมเเขกรับเชิญพิเศษที่มา Collaboration ด้วยกัน เป็นครั้งเเรก กับ THE PAKINSON , TWOPEE , SYPS ได้แก่ เพลงฉันยังอยู่ / คำอำลา (Have To Say Good Bye) / ระหว่างเรา…คืออะไร - Da Endorphine x The Parkinson / You’ll Be Mine - Da Endorphine x SYPS และ Revolution - Da Endorphine x Twopee
ซึ่งติดตามกันได้แล้วทาง Youtube Channel : GMM GRAMMY Official
NZ Peter เป็นตัวของตัวเอง
23 เม.ย. 2562 เวลา 00.27 น.
jeab ชอบนางมากตลกและน่ารักดี
23 เม.ย. 2562 เวลา 00.20 น.
ชอบดาร้องเพลงเพราะมาก
23 เม.ย. 2562 เวลา 01.13 น.
โอนีล น่าชื่นชมและยินดีค่ะ
23 เม.ย. 2562 เวลา 00.35 น.
แรกๆก็ไม่ได้สนใจเพราะไม่รู้จักนักร้องสาวคนนี้เพราะไม่เคยฟังเลย พอเจ้าลูกสาวนั่งร้องเพลงที่บ้านไอ้เราก็ได้ยินบ่อยๆเพลงใครว่ะ ลูกสาวบอกพ่อไม่รู้จักเหรอ เชยจัง เลยออกไปซื้อ ซีดี มาฟังอ้าวเฮ้ย!!เสียงเพราะจังสุดยอดมีพลังแน่นนุ่มบอกไม่ถูก สุดท้ายเลยพาลูกสาวไปเรียนร้องเพลง สยามกลการครับ
23 เม.ย. 2562 เวลา 02.24 น.
ดูทั้งหมด