ไลฟ์สไตล์

เพิ่ม 3 ลด 3 วิธีวัดผลการปฏิบัติธรรมแบบง่าย ๆ | พศิน อินทรวงค์

พศิน อินทรวงค์
เผยแพร่ 14 มี.ค. 2563 เวลา 04.49 น.

ถ้าปฏิบัติธรรมได้ผล จะได้รับสิ่งต่อไปนี้

สามสิ่งที่เพิ่ม

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

1. ความเบิกบานในชีวิต

2. สติปัญญาในการดำเนินชีวิต

3. ความเมตตาต่อผู้อื่น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

สามสิ่งที่ลด

1. อัตตาตัวตนหรืออีโก้ลดลง

2. มีความอยากได้น้อยลง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

3. เบียดเบียนผู้อื่นน้อยลง

เมื่อไหร่ก็ตามที่ีท่านสงสัยว่าการปฏิบัติธรรมของท่านได้ผลหรือไม่ ทำถูก หรือทำผิด ตรงทางหรือหลงทาง ขอให้ใช้วิธีตรวจสอบ "เพิ่มสาม ลดสาม" เพราะการปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องที่ดูภายนอกไม่ได้ หลายกิจกรรมที่ดูภายนอกเหมือนการปฏิบัติธรรม แต่เมื่อเราวางใจผิด แทนที่จะปฏิบัติ "ธรรม" ก็กลายเป็นการปฏิบัติ "กรรม" ไปแล้ว

เช่น เราไปทำบุญแท้ ๆ แต่ยิ่งทำ ยิ่งรู้สึกว่าตนเองดีกว่าใคร ๆ ทำแล้วดันไปรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักบุญใหญ่ อัตตาท่วมหัว อีโก้เพิ่มพูน ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ยังไม่ใช่การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง หรือเราไปทำสมาธิ พอทำแล้วรู้สึกว่าตนเองมีสมาธิสูงส่ง เที่ยวพูดจาโอ้อวดใคร ๆ ว่าตนสำเร็จฌานนั้นฌานนี้ อย่างนี้ก็ยังไม่นับเป็นการปฏิบัติธรรม เพราะทำไปเท่าไหร่ ๆ อัตตาก็ไม่ได้ลดลงมีแต่จะเพิ่มขึ้น

ตรงกันข้าม เราเคยทำผิดแท้ ๆ แต่เราใช้ความผิดพลาดนั้นมาสอนใจ เห็นความเลวความชั่วของตน รู้สึกละอาย ทำให้เกิดความคิดว่า สมควรลดละเลิกการกระทำดังกล่าว อย่างนี้ดูภายนอกเหมือนไม่มีอะไร แต่จริง ๆ แล้วนี่คือการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง

ขอให้ท่านทั้งหลายตื่นจากเปลือกความดีฉาบฉวยและตระหนักว่า การปฏิบัติธรรมนั้นเป็นเรื่องภายในที่เราจะดูภายนอกเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะกริยาภายนอกไม่สามารถบอกได้ว่าบุคคลนั้น ๆ วางใจลักษณะใดอยู่ พูดจาไม่ไพเราะอาจมีจิตยิ่งใหญ่ พูดธรรมะได้เป็นฉาก ๆ อาจมีจิตใจต่ำทราม ทุกอย่างมีเพียงเจ้าตัวที่รู้ดีแก่ใจ

ในแง่ของการปฏิบัติทางจิต ผู้ปฏิบัติจึงไม่ควรประมาทว่าตนกำลังปฏิบัติธรรมอยู่ควรตรวจสอบใจของตนเป็นสำคัญ อย่าดูว่าท่านท่องบทสวดอะไร แต่จงดูว่าท่านรู้สึกอย่างไร อย่าดูว่าอาจารย์ของท่านเป็นใคร แต่จงดูว่าจิตใจของท่านเป็นแบบไหน ปฏิบัติธรรมแล้ว อีโก้ต้องลด ความอยากต้องลด การเบียดเบียนผู้อื่นต้องลด ความเบิกบานต้องเพิ่ม สติปัญญาต้องเพิ่ม ความเมตตาผู้อื่นต้องเพิ่ม

"เพิ่มสาม ลดสาม" ใครก็ตามที่ได้ผลลัพธ์ดังที่ว่ามานี้ ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีด้วย เพราะการปฏิบัติธรรมของท่านกำลังก้าวหน้า ส่วนใครก็ตามที่ได้รับผลเป็นอย่างอื่น ได้โปรดอย่าชะล่าใจ จงหยุด เพ่ง สังเกต แล้วตรวจสอบเข้ามาที่ภายในของตน ใครพูด ใครบอก ใครอ้าง ตำราเล่มใดในโลกก็ไม่สำคัญ ตนย่อมรู้ใจตน โกหกกันไม่ได้อยู่แล้ว !!!

ความเห็น 7
  • JadeJidrin
    ขอบพระคุณครับ
    19 มี.ค. 2563 เวลา 02.56 น.
  • ลดา 9491
    จะเห็นกิเลสความอิจฉา ริษยา การคิดไม่ดีต่อผู้อื่น ยังมีอคติอยู่ แต่ทั้งรู้และก็พยายามเตือนตัวเองอยู่เสมอให้คิดดีคิดบวก แต่ก็ยากอยู่ไม่น้อยอาจเป็นเพราะเรายังมีอีโก้อยู่
    14 มี.ค. 2563 เวลา 12.26 น.
  • สิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นมาได้ก็ด้วยเพราะความคิดและจิตใจของเราเองที่จะเป็นเครื่องนำพา.
    14 มี.ค. 2563 เวลา 08.49 น.
  • Yongyuth
    ปฏิบัติธรรมก็คือการปฏิบัติ การทำใจให้ว่าง จากความคิด ปรุงแต่ง ไม่ว่าดี ไม่ว่าชั่ว หรือเป็นกลางๆ มาเห็นด้วยสติ รู้แล้วล่ะ ความคิดนั้น ปล่อยวางความคิด เห็นการเกิดดับของความคิด ไม่ยึดมั่นถือมั่น มันก็วางลง ดับลงตลอดเวลา เป็นผู้ไม่หลง ในสังขารโลก สังขารธรรม ตัวกูของกู มาหายหลง ก็เพราะมามีสติ เมตตา กรุณา ได้บังเกิดขึ้น สามารถปล่อยวาง อุเบกขาเกิดขึ้น รู้ตัว เวลาโกรธ ขันติ เกิดขึ้น อดทนอดกลั้นต่อความโกรธ ความโกรธก็ดับไป เรียกว่าเห็นการเกิดดับ ของจิต เจตสิก เป็นผู้ไม่ยึดมั่น ถือมั่น ได้แล้ว
    14 มี.ค. 2563 เวลา 06.45 น.
  • Ed 0851546395
    จริงแล้วขึ้นอยู่กับเวลาของแต่ละคนนะ ซึ่งเวลามาถึงเร็วหรือช้า ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะอยากให้มาถึงเร็วมั๊ย อยากได้เร็วก็ต้องปฏิบัติเอา ด้วยสติและปัญญาของแต่ละคน เพราะการปฏิบัติ มันต้องถึงพร้อมด้วยศรัทธา คือความเชื่อ ไม่เชื่อก็ลองดูซิ ....... อนุโมทนาบุญกับท่านผู้ลงข้อความด้วยนะครับ
    14 มี.ค. 2563 เวลา 06.26 น.
ดูทั้งหมด