โคโรน่าไวรัสกำลังอาละวาดอย่างมีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนในโลก ทั้งด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ มีหลายเรื่องที่เกี่ยวกับโรคนี้ที่ทราบกันชัดเจน และอีกหลายๆ เรื่องที่ไม่รู้จะบอกว่าอย่างไร การเรียนรู้เรื่องนี้สามารถกระทำได้ผ่านการพิจารณาในลักษณะหนึ่งที่น่าสนใจ
สมมติว่าเราเห็นหนูตัวหนึ่งในห้องนอนจึงปิดไฟและวิ่งออกจากห้องพร้อมกับปิดประตู สถานการณ์นี้ให้สิ่งแรกคือ knowns กล่าวคือรู้แล้วว่ามีหนูตัวหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในห้องพร้อม ทั้งรู้ตำแหน่งที่ตั้งของสิ่งต่างๆ ในห้องรู้ว่าห้องมืด ฯลฯ แต่สิ่งที่ไม่รู้คือ unknowns อันได้แก่ ไม่รู้ว่าตอนนี้มันอยู่ที่ใดในห้อง มันอยู่บนที่นอนหรืออยู่ข้างแก้วน้ำบนโต๊ะ ฯลฯ
หากแยกลงไปอีก เราก็ได้ known unknowns คือ เรารู้ว่า เราไม่รู้อะไร เช่นไม่รู้ว่าหนูจะออกจากห้องไปทางรูที่มันเข้ามาแล้วหรือไม่ ไม่รู้ว่ามันจะฉี่ราดที่นอนเราหรือไม่ ฯลฯ
สิ่งที่น่าหวาดหวั่นที่สุดก็คือ unknown unknowns กล่าวคือเราไม่รู้ว่าเราไม่รู้อะไร เช่นเราไม่รู้ว่าฉี่ที่มันรดที่นอนเรานั้นจะก่อให้เกิดโรคหรือไม่ (ชั้นแรกคือเราไม่รู้ว่ามันฉี่ราดที่นอนหรือไม่ ชั้นสองคือไม่รู้ว่ามันมีผลเสียอย่างใด) กล่าวคือไม่รู้ทั้ง 2 ชั้น เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้อะไร เช่น เราไม่รู้ว่ามันจะมีหนูตัวอื่นเข้ามาในห้องหรือไม่ และมันจะกัดกันเลือดสาดจนสกปรกห้องนอนและเป็นพิษเป็นภัยแก่สุขภาพเราหรือไม่และมันจะมาออกลูกแพร่เชื้อโรคในห้องหรือไม่
ยาตัวอย่าง สารเคมีหนึ่งมีฤทธิ์รักษาอะไรและมีผลข้างเคียงใดที่พอทราบคือ knowns ส่วน unknowns คือ ไม่รู้ว่ามันมีผลข้างเคียงในระยะยาวๆ 20-30 ปีอย่างไร ส่วนknown unknowns นั้นก็คือ ตระหนักดีว่าไม่รู้อะไร เช่นไม่รู้ครบถ้วนว่าหากกินกับยาอีกนับร้อยนับพันตัวจะเกิดปฏิกริยาร่วมอย่างไรต่อร่างกายของเรา
ส่วน unknown unknowns นั้นก็คือ ไม่รู้ว่าต้องพิจารณาประเด็นอื่นใดอีก เช่นไม่รู้ว่าจะเป็นยาที่รักษาโรคอื่นใดได้หรือไม่ ไม่รู้ว่ายานี้จะทำให้ร่างกายดื้อยาในลักษณะใหม่ในอนาคตหรือไม่ ไม่รู้ว่าหากมีการใช้ในร่างกายที่มีอวัยวะเทียมจะมีผลต่อสุขภาพอย่างไร ฯลฯ
กลับมาเรื่องโคโรน่าไวรัส ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Covid-19 หลังจากอุบัติขึ้นมาแล้วประมาณ 3 เดือนตามที่เคยมีการคาดการณ์ ดังนั้นโดยแท้จริงแล้วมันจึงเป็น known unknowns กล่าวคือ ไวรัส (มีขนาดเล็กกว่าแบคทีเรียมาก) ตระกูลโคโรน่า (corona หมายถึงแสงทรงกรดหรือมงกุฎ ซึ่งมีลักษณะเป็นหยักๆ คล้ายหนามแหลม ซึ่งเป็นหน้าตาของไวรัสตระกูลนี้) เชื่อกันในอดีตว่าไม่มีผลร้ายต่อมนุษย์มากนัก
ในปี 2003 เมื่อโรค SARS ซึ่งเกิดจากไวรัสในตระกูลนี้เกิดขึ้นความเชื่อในความไร้อันตรายของไวรัสตระกูลนี้จึงหมดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อโรค MERS ซึ่งเกิดจากไวรัสตระกูลนี้เช่นกันอุบัติขึ้นในปี 2012
อัตราการตายของ SARS คือ 10% ส่วน MERS คือ 30%
SARS มีผู้เป็นโรคอยู่ประมาณ 8,000 คนมีคนตาย 800 คน ส่วน MERS ตัวเลขคือ 2,500 คนและตาย 860 คน หลังจากนั้นมีงานวิจัยจำนวนมากมายโดยเฉพาะโรค SARS และพยากรณ์กันว่าไวรัสตระกูลนี้จะเป็นสาเหตุการเกิดของโรคในมนุษย์อีกหลายโรค มันจึงเป็นลักษณะของ known unknowns คือรู้ว่าจะอุบัติขึ้นแต่ไม่รู้ว่าจะมีลักษณะรุนแรงหรือมีอาการอย่างใด
ไวรัสตระกูลโคโรน่าเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคที่ติดต่อระหว่างสัตว์มานานแล้ว กล่าวคือเป็น knowns แต่เมื่อพันธุกรรมของไวรัสบางตัวในตระกูลนี้กลายพันธ์ุไปจนสามารถทำให้คนเป็นโรคได้ ไวรัสตัวนี้ซึ่งอยู่ในสัตว์บางชนิดเข้าสู่ตัวคนผ่านแผลหรือผนังเยื่อของตาจมูกปากโดยไวรัสอยู่ในสารคัดหลั่งจากสัตว์ (มือไปสัมผัสและนำมาขยี้ตา จมูก หรือสูดหายใจละอองฝอยเข้าปอด)
SARS นั้น เชื่อว่าชะมดเป็นตัวนำไวรัส ส่วน MERS นั้นคือ อูฐ ทั้งสองโรคเกิดขึ้นนานพอสมควรแล้วจนมีเวลาให้นักวิชาการศึกษาพันธุกรรมและสาเหตุของการติดต่อไปสู่คนสำหรับ Covid-19 นั้นยังอยู่ในลักษณะ knowns ในเบื้องต้น กล่าวคือมั่นใจว่าติดจากสัตว์สู่คนและต่อไปถึงคนอื่น อีกทั้งรู้ลักษณะของ DNA (นักวิชาการจีนเป็นผู้ถอดรหัสได้ในเวลาหนึ่งเดือนนับตั้งแต่ระบาดซึ่งนับว่าเร็วมากเมื่อเปรียบเทียบกับสองโรคแรก) แต่ known unknowns ก็คือ ยังไม่รู้แน่ชัดว่าระบาดจากสัตว์ใด (ค้างคาวพันธุ์เกือกม้าหรืองู) ติดมาสู่คนในลักษณะใด (หากรู้ชัดก็ป้องกันได้) ระยะฟักตัวที่แท้จริงนานเท่าใด (รู้คร่าวๆ ว่า 2-14 วัน) ยาใดที่ฆ่าไวรัสนี้ได้ (ยังไม่รู้เพียงแต่รักษาตามอาการซึ่งคล้ายกับเป็นโรคนิวมอเนีย คือ จาม ไอ มีปัญหาในการหายใจ ไข้สูง ฯลฯ)
ที่กล่าวมานี้คือรู้ว่าไม่รู้อะไรซึ่งกำลังรีบทำวิจัยกันอย่างหนักในขณะนี้ ทั้งในจีนและต่างประเทศ แต่ที่น่ากลัวก็คือ unknown unknowns คือไม่รู้ว่าไม่รู้อะไรเช่นต้องตรวจสอบว่ามีการติดต่อทางอื่น นอกจากที่เข้าใจกันหรือไม่ (ตอนนี้พบว่าติดต่อทางอุจจาระได้) ไม่รู้ว่าจะสงสัยเรื่องอะไรเช่นการฟักตัวที่นานกว่า 14 วัน เป็นไปได้หรือไม่การรักษาด้วยยาเท่าที่ทราบกันจะมีผลกระทบในระยะยาวจนทำให้เป็นโรคอื่นได้ง่ายขึ้นหรือไม่ มีวิธีการตรวจสอบอื่นที่ได้ผลกว่านี้หรือไม่ (ตอนนี้พบว่าการใช้ CT Scan ปอดจะทำให้รู้ผลเร็วกว่าการตรวจเชื้อ) ฯลฯ
ขณะที่เขียนนี้ทั้งโลกมีคนเป็น Covid-19 ประมาณ 65,000 คน เสียชีวิต 1,400 คน ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าเป็นตัวเลขจริงหรือไม่ มีการปิดบังมากน้อยเพียงใด ผลจากการปิดบังตัวเลขจะมีผลทำให้การกระจายไปอีกไกลหรือไม่ ในลักษณะใดและก่อให้เกิดโรคแทรกอื่นได้อีกหรือไม่(unknown unknowns) ความไม่แม่นยำของตัวเลขเกิดจากการเอากรณีของคนเป็นโรคนิวมอเนีย ซึ่งมีอาการคล้ายกันไปรวมด้วยหรือไม่ หรือว่าตัดจำนวนคนเป็น Covid-19 ออกโดยตีความว่าเป็นนิวมอเนีย
จำนวนคนที่เป็นโรคนี้พุ่งขึ้นมากใน 2-3 วันที่ผ่านมา อาจเกิดจากการใช้ CT Scan ในจีนเป็นเครื่องมือพิสูจน์โรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จนเปลี่ยนยอดตัวเลขของคนที่สงสัยให้โดดขึ้นมาทั้งที่จำนวนคนเป็นโรคไม่เปลี่ยนแปลงมาก ส่วนยอดคนตายที่เพิ่มขึ้นอาจมาจากคนที่ป่วยอยู่แล้วและเพิ่งเสียชีวิตแต่มิได้เกิดกับคนที่ป่วยใหม่ทั้งหมดคือunknowns
หากถามตรงๆ ว่า Covid-19 น่ากลัวไหม คำตอบก็คือน่ากลัว แต่จากหลักฐานที่พอเก็บได้ถึงวันนี้เชื่อได้ว่า ร้ายแรงน้อยกว่า SARS และ MERS (Covid-19 ตายเพียง 2%) ส่วนจะจบลงเมื่อใดจนโลกเป็นปกตินั้นเข้าลักษณะ unknown unknowns ซึ่งพยากรณ์ได้ยาก ไม่มีใครรู้ว่าระหว่างทางที่โรคนี้กำลังจะคลายอิทธิฤทธิ์ลงนั้น วิธีการป้องกันและรักษาที่ได้ทำกันไปอาจสนับสนุนให้เกิดโรคใหม่ หรือการฟื้นตัวใหม่ของโรคเก่าๆ ขึ้นมาอีกหรือการระบาดของโรคนี้อาจพลักผันกลับมาอีกหรือไม่ (MERS ฟื้นตัวหลายครั้งก่อนจะจบลง)
ญี่ปุ่นกำลังลุ้นอย่างหนักเพราะกีฬาโอลิมปิคฤดูร้อนที่โตเกียว ในเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งลงทุนไปมหาศาลกำลังใกล้เข้ามาทุกที การตัดสินใจเข้าร่วมของนักกีฬาประเทศต่างๆ รวมทั้งคนดูซึ่งเป็นต้นน้ำของความสำเร็จแขวนอยู่กับการจบสิ้นของโรคนี้ในโลกอย่างรวดเร็ว จีนก็อยู่ในลักษณะเดียวกันกำลังพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าสังคมที่ “สั่งได้” นั้น (สั่งให้คน 50 ล้านคน ไม่เดินทางออกนอกเขต) สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าระบบสังคมอื่น
เราควรดูแลรักษาสุขภาพตนเองให้ดีเพื่อเตรียมรับมืออย่างมีสติไม่ตื่นตูมจนสติแตก ขาดกำลังใจในการทำงานและดำเนินชีวิต อย่าลืมว่าถึงแม้จะผ่านโรคนี้ไปแล้วแต่ก็ยังมีอีกหลายปัญหา เช่นโรคใหม่จากตระกูลโคโรนาไวรัสฝุ่นหมอกควัน ภัยแล้ง การเมือง เศรษฐกิจโลก ปัญหาปากท้อง ฯลฯ ถ้าไม่ร่วมมือกันเราจะมีโอกาสป่วยหนักในลักษณะ “ตายหมู่” ได้
KEN-DO1565 ฝรั่งเสนอขายวัคซีนไวรัสโคโรน่าหลังจีนประกาศปิดประเทศไม่ถึง14วันทำไมเค้าคิดค้นวัคซีนเร็วขนาดนี้ทำไมไม่เอาคนเป็นไปวิจัยวิเคราะห์อยู่ๆก็ประกาศเลยน่าสงสัยมากแถมไม่ผลิตยารักษาผลิตแต่วัคซีนเพราะอะไรแค่บ่นและคิดเอง
20 ก.พ. 2563 เวลา 02.03 น.
May รัตน์ ตราบใดคนยังไม่หยุดยั้งในการแข่งขัน แกร่งแย่งกัน เป็นศรัตรูกัน หวังผลประโยชน์เข้าตัว โลกนี้หาความสงบยาก ไวรัส มันจะมาจากไหน ถ้าไม่มีคนผลิตและ สร้างขึ้นมา โทษสัตว์ทั้งหลาย แต่ไม่ได้ดูวัฎจักรของคนสัตว์สมัยก่อน อาหารจากธรรมชาติ มันมียารักษา บำรุง ป้องกันของตัวมันเอง สังเกต ประเทศที่เขาแทบปิดประเทศ คนเข้าไม่ได้ และ ออกประเทศยาก พวกเขาไม่เคยมีปัญหาในการใช้ชีวิตเลย มีความสุขกับธรรมชาติที่ให้
20 ก.พ. 2563 เวลา 03.27 น.
Amnart สู่ๆครับพรรคฝ่ายค้านเพื่อประชาชนที่รักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ส่วนศาล รธน.ท่านก็วินิจฉัยตาม รัฐธรรมนูญปี60ตามนั้น รัฐธรรมนูญปี60 เขียนโดยคณะปฏิวัติรัฐประหารซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารที่ที่กระทำการรัฐประหารมาจากรัฐบาลที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขครับพ่อแม่พี่น้องครับชัดเจนไหมครับ
โปรดพิจารณาด้วยความยุติธรรมมีคุณธรรมจริยธรรมด้วยครับ
21 ก.พ. 2563 เวลา 04.13 น.
peace เผด็จการชั่วปกครองประเทศน่ากลัวกว่า
20 ก.พ. 2563 เวลา 01.57 น.
ดูทั้งหมด