รมว.ยธ. สั่ง ป.ป.ส.คุ้มครองสาวใหญ่ถูกแก๊งยาเผาทั้งเป็นที่สงขลา เผย 13 ธ.ค. นี้นายกฯ เป็นประธานคิกออฟ "แผนปฏิบัติการ 1511" ลุยปราบยาพร้อมกันทั้งลุ่มน้ำโขง แย้มเตรียมตั้ง กก.ศึกษาปลดล็อกใบกระท่อม
วันนี้ (8 ธ.ค.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) กล่าวถึงกรณีแก๊งยาเสพติดในหมู่บ้านโคกเมา ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา รุมซ้อมสาวใหญ่อายุ 50 ปี และจุดไฟเผาร่างทั้งเป็นจนได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากโกรธแค้นที่แอบเก็บยาไอซ์ที่ซุกซ่อนไว้ไปละลายน้ำทิ้ง ว่า ตอนนี้ตนสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ไปคุ้มครองดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว และจะประสานกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพื่อไปคุ้มครองดูแลในฐานะพยาน โดยช่วงแรกมีตำรวจในพื้นที่คอยดูแลอยู่ ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกัน ส่วนเรื่องการเยียวยานั้นต้องดูว่าแพทย์ให้รักษาตัวนานเท่าใดจะออกจากโรงพยาบาลและสามารถกลับไปทำงานได้ ซึ่งก็คิดเป็นค่าเสียหาย ค่าเสียเวลาให้กับเขาต่อไป หากพิการทำงานไม่ได้ เราช่วยทั้งหมดเต็มๆ จะประมาณ 220,000 บาท หรือหากบาดเจ็บไม่มากอาจจะได้ประมาณ 40,000 บาท ซึ่งตอนนี้ยังไม่เห็นว่าเขาบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด เพราะยังอยู่ในช่วงรักษาตัวอยู่ ส่วนความคืบหน้าในคดี ตำรวจได้ออกหมายจับไปแล้ว 5 ราย สามารถจับผู้ต้องหาได้แล้ว 1 คน ซึ่งตนได้เร่งให้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหามาลงโทษโดยเร็วที่สุด
"นอกจากนี้ในวันที่ 13 ธ.ค. นี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล จะมีการประชุมเกี่ยวกับยาเสพติด และจะมีการคิกออฟ "แผนปฏิบัติการ 1511" ซึ่งเป็นการปราบปรามยาเสพติดในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงพร้อมกัน โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธี ซึ่งคือการแสดงว่าเราไม่ได้ปล่อยปละละเลยให้ยาเสพติดแพร่ระบาดและประเทศไทยภายใต้การนำของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เอาจริงเอาจังกับการปราบปรามยาเสพติดและร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มลุ่มน้ำโขงเพื่อขจัดการผลิตและการลำเลียงไปยังขายยังประเทศต่างๆต่อไป" นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า อีกเรื่องหนึ่งที่ตนมีแนวคิดคือ การปลดใบกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด ตนอยากจะทำเรื่องนี้เหมือนเรื่องกัญชา โดยจะตั้งกรรมการขึ้นมาศึกษาผลดีผลเสียกันให้ละเอียดก่อน ประกอบด้วย นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญต่างๆ เท่าที่ตนทราบใบกระท่อมข้อเสียมีน้อยมาก เพราะไม่ทำลายระบบประสาท และที่ผ่านมายังไม่เคยมีรายงานว่ามีผู้เสพติดใบกระท่อมไปก่อคดีอาชญากรรมหรืออุบัติเหตุเหมือนกรณีผู้เสพยาเสพติดชนิดอื่น โดยในสมัยโบราณมีการนำมาใช้เป็นยาแก้โรคบิด ท้องร่วง และปวดท้อง ซึ่งในบางประเทศมีการศึกษาถึงสรรพคุณทางการแพทย์แล้ว ซึ่งหากเราตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาอย่างละเอียดแล้วพบว่ามีผลดีมากกว่าผลเสีย เราจะเสนอกฎหมายเพื่อปลดล็อกจากบัญชียาเสพติดเหมือนกรณีกัญชาต่อไป
Surin Aood งานหลักกลัวไม่มีผลงาน.
08 ธ.ค. 2562 เวลา 23.11 น.
Sretwikrom ทำก่อนแล้วค่อยพูด
08 ธ.ค. 2562 เวลา 16.56 น.
KANUENGSAG แล้วคนรุกป่าสงวนทำไมไม่พูดถึงล่ะ. สส.โดนหมายจับยังมานั่งโหวดเสียงในสภาได้. ยุติธรรมมองไม่เห็นเลย. อยู่ใกล้ๆทำไม่เห็น
08 ธ.ค. 2562 เวลา 16.48 น.
R.CHAIN จับให้จริง ปราบให้จริงที่เถอะ ยาบ้า น้ำแข็ง มีทุก ตางรางเมตรละ ไม่ใช่ระบาด แต่อยู่ร่วมกับประชาชนเลยละ
08 ธ.ค. 2562 เวลา 16.06 น.
ดูทั้งหมด