ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ( UNCTAD) และอดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) กล่าวว่า การที่กระทรวงพาณิชย์จะเร่งผลักดันกรอบเจรจาการค้าเสรี(เอฟทีเอ) กับประเทศต่างๆในประเด็นนี้เห็นด้วย เนื่องจากเป็นการช่วยผลักดันการค้าและเศรษฐกิจไทยในปีหน้าได้เป็นอย่างดี แม้การเจราจรในกรอบต่าง ๆ อาจจะต้องใช้เวลาบ้าง แต่ก็ยังต้องการให้เดินหน้า เช่น สหภาพยุโรป (อียู) ตะวันออกกลาง และแอฟริกา หรือแม้กระทั่งประเทศจีน อินเดีย ตุรกี เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
"การเจรจาเป็นสิ่งที่จะช่วยส่งเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันหากเทียบกับคู่แข่งอย่างเวียดนามซึ่งมีโอกาสทางการค้ามากกว่าจึงเป็นสิ่งที่ประเทศไทยอาจจะต้องหาสิทธิประโยชน์เข้ามาช่วยเหลือ จะเป็นกรอบเจรจาในรูปแบบหลายประเทศหรือในรูปแบบของกลุ่มประเทศใหญ่ เป็นสิ่งที่จะต้องเร่งทำ ให้มากขึ้นและปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์ได้มีการเร่งผลักดันในกรอบต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ดีและต้องทำอย่างต่อเนื่อง"
สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ยังมีโอกาสที่จะขยายตัวเป็นบวก รวมไปถึงภาคการส่งออกหากประเทศไทยมีการเดินหน้าผลักดันสร้างความเข้มแข็งทั้งภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในนโยบายสำคัญ เช่น การลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ที่ต้องการให้มีความชัดเจนและต่อเนื่อง เพื่อดึงโอกาสการค้า การลงทุนเข้ามาให้มากขึ้น ส่วนนโยบายในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรพิจารณาในองค์ประกอบที่สำคัญ เพราะจากนโยบายที่ผ่านมาไม่ได้สามารถกระตุ้น เศรษฐกิจ หรือก่อให้เกิดการลงทุนในภาคเอกชนมากนัก
โดยจะเห็นได้ว่าหนี้ครัวเรือนของประเทศไทยยังปรับตัวสูงขึ้น นั่นเป็นเหตุสำคัญ ที่ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือการจับจ่ายใช้สอยของภาคประชาชน ในขณะที่นโยบายการเงินในเรื่องของการลดอัตราดอกเบี้ยยังเห็นว่าในปีหน้า อาจจะไม่มีแนวนโยบายที่ปรับลดดอกเบี้ยลง จากปัจจัยภายในและภายนอกที่ส่งผลกระทบ แต่สิ่งที่ให้ความสำคัญมองว่าอาจจะต้องพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยให้มาอยู่ในอัตราเดิม เพื่อศักยภาพในการแข่งขัน
ในส่วนของปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นแรงฉุดในเรื่องของการแข่งขันหรือการส่งออกมองว่าควรจะนำจุดแข็งที่เงินบาทแข็งค่า เพิ่มศักยภาพให้กับการแข่งขันภายในหรือประสิทธิภาพให้กับผู้ประกอบการในด้านการผลิตหรือเทคโนโลยีให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ โดยแนวโน้มโอกาสที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าอาจจะเห็นอยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ดีไม่ต้องการให้ผู้ประกอบการหรือผู้ส่งออกมองว่าค่าเงินบาทเป็นตัวฉุดการขยายตัวของภาคส่งออกแต่ต้องการให้ดึงเรื่องของค่าเงินบาทเสริมความแข็งแกร่งในการแข่งขันในตลาดโลก
Tomvorapot ปัญหาของประเทศคือทีมเศรษฐกิจบริหาร"การคลัง" ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ประเทศ (ทั้งๆที่เรามีระบบการเงินที่มั่นคง)
ตัวอย่างง่ายๆ เราใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ทำให้มีข้อดีหลายๆอย่าง ประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก ต่างดึงมาใช้กันเต็มที่
เงินบาทเราแข็งค่าอีก ขณะที่ประเทศอื่นเป็นร้อยเขาไม่เคยได้โอกาสนี้
แต่รัฐบาลใช้จุดแข็ง หรือ แต้มต่อมหาศาล(ที่เป็นของคนไทยตาดำๆทั้งประเทศ ไม่ว่าอยู่ใกล้ำไกล ยากดีมีจน) ให้เป็นประโยชน์แก่พวกเขาไม่เป็นเลย
แถม คอยบอกให้ทุกฝ่ายืช่วยทำจุดแข็งนี้อ่อนลง
เพื่อ? ลุงตู่ลองทบทวนดู
13 ธ.ค. 2562 เวลา 01.59 น.
believer เพื่อเงินมากองอยุ่กับเจ้าสัวและพวกอภิสิทชนน่ะหรือครับ ตราบใดระบบความยุติธรรมยังเป็นแบบนี้ คนรวยล้นฟ้า คนทำมาหากินถูกเอาเปรียบ เสรีภาพถูกริดรอน รัฐมีอำนาจมากเกินไป ทหารอยุ่เหนือการเมือง พัฒนาไปแค่เปลือกนอกเท่านั้น
12 ธ.ค. 2562 เวลา 17.29 น.
Nauts ลอกตำราต่างประเทศมาทั้งนั้น. ทำไม GDP ที่จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีต้องบวกด้วยเหรอ. ลองทำให้เงินเฟ้อติดลบ. ค่าครองชีพลดลง. โดยที่ GDP. ไม่ต้องเพิ่มมาก เพราะประชาชนทั่วประเทศจะได้มีเงินใช้จ่ายมากกว่า. อย่างนี้ผมว่ามีฝีมือบริหารเศรษฐกิจได้ดีกว่านะ
13 ธ.ค. 2562 เวลา 03.26 น.
oah อยากให่ท่านมาบริหารประเทศจังครับ
12 ธ.ค. 2562 เวลา 13.35 น.
... บริหารมา7ปี ไม่มีผลงานซักอย่าง!! แจกๆๆๆ ชิบหาย
13 ธ.ค. 2562 เวลา 05.00 น.
ดูทั้งหมด