สาวใหญ่เสียรู้ ถูกร่างทรงหื่นหลอกสวิงกิ้ง อ้างแก้เคล็ด

14 ธ.ค. 61 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ นางบี (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี สาวใหญ่นักธุรกิจ ได้เข้าพบ พ.ต.อ.ดิษยเดช พัชรภูวดล ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์และดำเนินคดี โดยอ้างว่า ถูกร่างทรงชายอายุ 51 ปี พร้อมพวกรวม 4 คน  ลวงเข้าโรงแรมดัง กลางเมืองอุตรดิตถ์ เพื่อทำพิธีแก้กรรมให้แม่หายป่วย แต่กลับถูกรุมทำอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศ จัดเซ็กซ์หมู่ หญิง 4 ชาย 1 แบบพิสดาร
นางบี เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ตนเองและสามีชาวต่างชาติ เดินทางกลับจากประเทศนอร์เวย์ เพื่อมาเยี่ยมแม่ซึ่งป่วยติดเตียงที่ จ.อุตรดิตถ์ ทำให้นึกถึงร่างทรงนารายณ์อวตาร อายุประมาณ 52 ปี ที่เคารพนับถือและรู้จักมากว่า 8 ปี ปัจจุบันมีตำหนักอยู่ที่ จ.แม่ฮองสอน จึงได้นำเรื่องอาการป่วยของพ่อแม่ปรึกษา และมีการนัดหมายทำพิธีแก้กรรม เพื่อหวังให้อาการของแม่ดีขึ้น ตอนแรกจะประกอบพิธีที่บ้าน แต่ร่างทรงอ้างไม่สะดวก จึงนัดพบและเปิดห้องชั้น 6 โรงแรมดังกลางเมืองอุตรดิตถ์ ถึงเวลานัดหมาย ภายในห้องมีร่างทรงชาย 1 คน มาพร้อมภรรยา 1 คน และหญิงอีก 2 คนที่อ้างว่าเป็นเหล่าบริวารหรือแม่ย่าบายศรี
โดยร่างทรงบอกว่า ตนเองกำลังมีเคราะห์หนัก ต้องทำพิธีแก้กรรมให้แม่ที่ป่วย มิฉะนั้นอาจเสียชีวิตได้ จากนั้นร่างทรงเข้าห้องน้ำถอดเสื้อผ้ายืนรอ และให้หญิง 3 คนที่เป็นภรรยาและเหล่าบริวารต่างกระทำแบบเดียวกับร่างทรง พร้อมทั้งพูดหว่านล้อมให้ตนถอดเสื้อผ้าเพื่อประกอบพิธีแก้กรรม เมื่อตนหลงเชื่อ กลับให้ร่วมจัดเซ็กซ์หมู่ หญิง 4 ชาย 1 โดยบอกเพื่อแก้เคล็ดให้แม่หายป่วย
 
ทั้งนี้ ตนได้รู้จักกับกลุ่มร่างทรงที่ จ.แม่ฮ่องสอน เพราะก่อนหน้า ชีวิตนั้นล้มเหลวมาตลอด พอได้ปรึกษารับคำแนะนำจากร่างทรง ปัจจุบันชีวิตด้านธุรกิจดีขึ้นตามลำดับ จนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาและไว้ใจในร่างทรงนารายณ์อวตาร ที่สวรรค์ส่งให้มาช่วยเหลือประชาชน โดยยอมยกบ้านที่ จ.แม่ฮ่องสอน ให้ตั้งเป็นตำหนักของร่างทรงมากว่า 8 ปีแล้ว ประกอบกับตนมีธุรกิจต้องเดินทางไป-กลับต่างประเทศตลอด จึงไม่ได้รู้ถึงพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลดังกล่าว หลังเกิดเหตุตนได้นำเรื่องร้องเรียนแอดมินเพจบิ๊กเกรียน และนำมาซึ่งการเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุตรดิตถ์ เพื่อเอาผิดร่างทรงพร้อมพวก เพื่อจะได้ไม่ให้กระทำการหลอกหลวงคนอื่นได้อีก
             
พ.ต.อ.ดิษยเดช กล่าวว่า เบื้องต้นรับแจ้งเหตุไว้พร้อมทั้งจะได้สอบสวนด้วยความละเอียดรอบคอบ เพื่อหาช่องทางในด้านกฎหมายดำเนินคดีผู้ที่อ้างตนเองว่าเป็นร่างทรงและหลอกลวงให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ หากข้อเท็จจริงปรากฏว่าเป็นการกระทำผิดจริงทางกฎหมายอาญา ก็จะได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาลออกหมายจับต่อไป