จะเลือกใครเป็นนายกฯ มารำลึกกันว่าแต่ละท่าน เคยสร้างวีรกรรมอะไรให้ประเทศชาติบ้าง!

จะเลือกใครเป็นนายกฯมารำลึกกันว่าแต่ละท่านเคยสร้างวีรกรรมทอะไรให้ประเทศชาติบ้าง !

ก่อนที่เราจะเข้าสู่ฤดูกาลเลือกตั้ง (ที่ก็ไม่รู้จะได้เลือกจริงกันเมื่อไหร่ ?) ก็ถึงเวลาที่เรา ๆ ประชาชนตาดำ ๆ จะต้องพิจารณาตัดสินใจเลือกผู้แทนราษฎรในดวงใจ ด้วยความหวังที่จะให้ท่าน ๆ ได้เข้าไปเป็นปากเป็นเสียง เป็นหูเป็นตาตรวจสอบนโยบายสำคัญ ๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องการทุจริต และปฏิเสธไม่ได้การเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเรานั้น มีบทบาทโดยตรงต่อการจัดตั้งรัฐบาลและเลือกนายกรัฐมนตรีเข้ามาบริหารประเทศ ดังนั้น ก่อนที่เราจะได้เห็นนโยบาย และเดินเข้าคูหากาคะแนน (ไม่นับรวมวิธีการเลือกตั้งแบบใหม่ล่าสุดที่สุดจะงง) เรามาทบทวนกันก่อนจะกา ว่าแต่ละรัฐบาลที่เราเห็น ๆ กันมาได้แสดงศักยภาพ และสร้างวีรกรรม “ค่าโง่” จากนโยบายที่ผิดพลาดหรือความตั้งใจจะทุจริตใด ๆ ก็แล้วแต่เอาไว้กันบ้าง เพื่อเลือกตั้งครั้งหน้า เราจะได้ลดความเสี่ยง ไม่ต้องมานั่ง“รับผิดชอบร่วมกัน” เสียที

"จุดจอด Taxi อัจฉริยะ"มูลค่า1.88 พันล้านบาท

เปิดด้วยวีรกรรมค่าโง่จุดจอด Taxi อัจฉริยะ มูลค่า 1.88 พันล้านบาท ที่ริเริ่มโครงการเมื่อปี พ.ศ. 2548 เพื่อแก้ปัญหาการจราจร และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน รวมถึงรักษาและดูแลความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งเมื่อถูกก่อเหตุอาชญากรรม หรือลืมของ ก็จะสามารถติดตาม และรู้ตัวคนขับแท็กซี่คันที่โดยสารได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แต่ผลปรากฏว่า หลังจากเปิดใช้โครงการมี 12 จุด จาก 150 จุด ที่ไม่สามารถใช้บริการได้ เนื่องจากไม่ได้ติดตั้งระบบและหน้าจอแสดงผล?!?! และผ่านมานับ 10  ปี ในวันนี้จุดจอด Taxi อัจฉริยะก็ไม่มีใครใช้ เพราะ “ไม่ Function”  ซ้ำยังกินค่าไฟฟรีๆ ไปโดยไร้ประโยชน์กว่า 26 ล้านบาท (จากข้อมูลในปี พ.ศ. 2558)

ถึงแม้จะบอกว่านี่คือสนามระดับแค่กรุงเทพมหานคร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยใช่ไหมว่า ผู้ว่าราชการที่ออกนโยบายที่กลายเป็นเพียงอนุสรณ์สถานของความล้มเหลวนี้ เป็นคนของประชาธิปัตย์นั่นเอง นี่ยังไม่นับรวมผลงานของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอีกท่านจากพรรคนี้ ที่ทุจริต ไฟประดับกทม. 39 ล้านบาท ช่วงปีใหม่ พ.ศ. 2558 – 2559 กันเลย !

"GT200" มูลค่า1.13 พันล้านบาท

ในปี พ.ศ. 2548 ปีเดียวกันกับการเริ่มโครงการจุดจอด Taxi อัจฉริยะ ก็ได้เกิดการจัดซื้อเครื่องตรวจจับอาวุธและวัตถุระเบิด หรือที่มีชื่อเต็มว่า “เครื่องตรวจจับสสารระยะไกล” (remote substance detector) และชื่อที่เรารู้จักกันดีว่า GT200 ประเดิมด้วยกองทัพอากาศ (ทอ.) จัดซื้อเครื่องละ 9.66 แสนบาท ต่อมาในปี 2550 - 2552 หน่วยงานรัฐต่างๆ ได้จัดซื้อมาใช้งาน จนกระทั่งมีการจับกุมดำเนินคดีผู้ผลิตเครื่องตรวจจับอาวุธและวัตถุระเบิดในต่างประเทศ แม้จะเป็นคนละรุ่นกับที่ไทยสั่งเข้ามาใช้ แต่ก็เป็นชนวนเหตุให้เกิดการตรวจสอบ จนนายกรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ในสมัยนั้นได้ออกมายอมรับว่า“สุนัขดมกลิ่น” ได้น่าเชื่อถือกว่าเครื่องGT200 นี้ นำไปสู่การเสียค่าโง่ฟรี (จากภาษีประชาชน ?) 1.13 พันล้านบาท ที่ทุ่มทุนไปกับ “ไม้ล้างป่าช้าพันล้าน” นี้

"เรือเหาะ"มูลค่า350 ล้านบาท

นอกจาก GT200 แล้ว รัฐบาล (ประชาธิปัตย์) ในปี พ.ศ. 2552 ยังได้อนุมัติงบ 350 ล้าน จัดหาเรือเหาะตรวจการณ์ แบ่งเป็นราคาบอลลูน 260 ล้าน กล้องตรวจการณ์ทั้งกลางวันกลางคืน 70 ล้าน ส่วนที่เหลือ 20 ล้าน เป็นอุปกรณ์สื่อสารภาคพื้น เพื่อใช้ในกิจของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อใช้ในภารกิจความไม่สงบในภาคใต้ โดยระบุคุณสมบัติว่า สามารถบินได้พ้นรัศมีของปืน M16  ท่ามกลางการวิพาก์วิจารณ์ของฝ่ายค้านในขณะนั้นว่า 30 -50  ล้าน สำหรับเรือเหาะรุ่นนี้นั้น ก็ “เอาอยู่” แล้ว

จนต่อมาหลังจากรับมอบได้เพียง1 ปีกองทัพบกก็ต้องเสนอเรื่องให้บริษัทผู้ผลิตนำเรือเหาะลำใหม่เปลี่ยนลำเดิมเหตุมีรอยปริแตกรั่วซึม และสำหรับการใช้งานนั้นก็ได้นำเรือเหาะออกใช้ช่วงมหาอุทกภัยปี พ.ศ. 2554 เพื่อสังเกตุการณ์ และเมื่อปี พ.ศ. 2557 เมื่อนำออกใช้นั้น เรือเหาะต้องลงจอดฉุกเฉินกลางทุ่งนา อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เนื่องจากเกิดลมแรงทัศนวิสัยไม่อำนวย ก่อนบินกลับฐานโดยไม่ได้รับความเสียหาย และสุดท้ายก็ได้ปลดประจำการลงในปี พ.ศ. 2560 สมศักดิ์ศรี“ราชินีโรงจอด” ที่สื่อมวลชนได้ตั้งให้กับความคุ้มค่า !

"จำนำข้าว"มูลค่า1.78 แสนล้านบาท

ตามมาติด ๆ ด้วยผลงานของรัฐบาลชุดต่อมาจากพรรคเพื่อไทย ที่ Top Form ไม่แพ้กัน นั่นคือคดีทุจริตจำนำข้าว มูลค่าความเสียหาย 1.78 แสนล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการรับจำนำข้าว โดยพบว่าไม่มีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จริง โดยเอาผิด รัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์กับพวก 15 ราย และสุดท้ายนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ดำเนินนโยบายนี้ ต้องชดใช้ 3.57 หมื่นล้าน เหตุจงใจที่ไม่ระงับยับยั้งต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น และไม่ทบทวนโครงการ 

"เครื่องเก็บค่าโดยสาร"มูลค่า1.66 พันล้านบาท

และก็มาถึงคราวของรับบาลชุดปัจจุบันบ้าง ด้วยการจัดซื้อรถโดยสาร NGV. จำนวน 489 คัน มูลค่า 4,221 ล้านบาท ที่แพงเกินจริงและกรณี องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ทำสัญญาเช่าเครื่องเก็บค่าโดยสารอัตโนมัตหรือระบบ อี-ทิคเก็ตและเครื่องหยอดเหรียญ (Cash Box) มูลค่า 1.66 พันล้านบาท แต่ไม่สามารถใช้งานได้จนขสมก. ต้องชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีข้อวิจารณ์การยกเลิกเครื่องเก็บค่าโดยสารอย่างละเอียดยิบ แต่ก็ไม่ทันค่าโง่ที่ปลิวออกจากกระเป๋าเราไปเสียแล้ว

นี่ยังไม่นับรวมการจัดซื้อ "เรือดำน้ำYuan Class S26T" จากสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 1 ลำ วงเงิน 1.35 หมื่นล้านบาท จากโครงการทั้งหมดที่ต้องจัดซื้อ 3 ลำ ในวงเงิน 36,000 ล้านบาท (ตกลำละ 12,000 ล้านบาท) โดยเป็นการจ่ายเงินแบบผูกพันงบประมาณ 3-4 ปี ของกองทัพเรือ และกรณี “เงินบริจาค” โครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ 468 ล้านบาท แต่กลับแจ้งยอดบริจาคที่แจ้งในเว็บไซต์ของกองทัพบกและหน่วยงานในสังกัดเพียง 292 ล้านบาทเท่านั้น นำมาสู่การตั้งคำถามเงินบริจาคหาย 176 ล้านบาท ??? และถึงแม้โครงการนี้จะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเสีย “ค่าโง่” แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีผลกระทบต่อการตั้งคำถามถึง “ความโปร่งใส” ของรัฐบาลชุดนี้อย่างแน่นอน

ดังนั้น “จะเลือกใครต่อไป” เราก็คงต้องคิดดี ๆ แม้เราจะมีทางให้เลือกไม่มากนักก็ตาม…

***************

ข้อมูลเพิ่มเติม:

https://mgronline.com/specialscoop/detail/9610000042991

https://www.thairath.co.th/content/733000

https://www.sanook.com/news/1396293/

https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/69105

https://www.thairath.co.th/content/1069817

https://www.thairath.co.th/content/484912

https://www.thairath.co.th/content/489339

https://www.dailynews.co.th/economic/635433

https://www.thairath.co.th/content/1070190

https://thaipublica.org/2016/06/gt200-29-6-2559/

https://www.bbc.com/thai/thailand-41636203

ภาพประกอบ

https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/88330

https://workpointnews.com/2017/09/18/ศรีสุวรรณ-ยื่นสตง-สอบเรื/

http://daily.bangkokbiznews.com/detail/268557

https://www.pptvhd36.com/news/ประเด็นร้อน/70321