ทั่วไป

ภาคเอกชน จี้ รบ.ทบทวนแบน 3 สารเคมีเพื่อการเกษตร โอดลงทุนไปแล้ว ต้องขายให้หมด

MATICHON ONLINE
อัพเดต 22 ต.ค. 2562 เวลา 01.31 น. • เผยแพร่ 22 ต.ค. 2562 เวลา 01.31 น.

ภาคเอกชน จี้ รบ.ทบทวนแบน 3 สารเคมีเพื่อการเกษตร โอดลงทุนไปแล้ว ต้องขายให้หมด

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการสำรวจตลาดจำหน่ายสารเคมีกำจัดแมลงศัตรูพืชและวัชพืชในพื้นที่จังหวัดเชียงราย พบว่าตัวแทนจำหน่ายสารเคมีกำจัดศรัตรูพืช ยังคงมีการนำสินค้าที่มีสารเคมีทั้ง 3 ชนิด วางจำหน่ายและก็ยังมีกลุ่มเกษตรเลือกซื้อและสั่งไปจำหน่ายตามพื้นที่เกษตรกรรมตามปกติ แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สาธารณสุข อุตสาหกรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศจุดยืนในการแบนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช 3 ชนิด ได้แก่พาราควอต ไกลโพเซตและคลอร์ไพริฟอส ให้หมดไปจากประเทศไทย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

โดยนายชวลิต สุธรรมวงศ์ เจ้าของบริษัทชวลิตกิจเกษตร จำกัด อ.เมือง จ.เชียงราย และประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ทางภาครัฐยังไม่ได้มีการประกาศห้ามจำหน่ายหรือใช้เกี่ยวกับสารเคมีทั้ง 3 ชนิด ทำให้ทางร้านต่างๆ ซึ่งมีการสั่งสินค้ามาจำหน่าย จำเป็นต้องขายให้หมดเพราะมีการลงทุนไปแล้ว และตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าสารเคมีทั้ง 3 ชนิดจะให้หยุดใช้หรือจะให้ใช้โดยผ่านการอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกร อย่างไรก็ตาม สภาพดินฟ้าอากาศที่ไม่ปกติ การจำหน่ายสารเคมีดังกล่าวมีปริมาณที่ลดลงกว่าทุกปี

นายชวลิต กล่าวว่าจริงๆแล้วสารเคมีทั้ง 3 ชนิดเป็นยาพื้นฐานที่เกษตรกรใช้ในการป้องกันและกำจัดศัตรูพืช ซึ่งทั้ง 3 ตัวเป็นยาที่ใช้ต้นทุนต่ำเกษตรกรมีกำลังซื้อในการนำไปใช้ได้ ส่วนสารเคมีตัวอื่นๆทีทใช้ป้องกันและจำกัดเช่นเดียวกันก็มีแต่มีราคาสูงอาจไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน ขณะที่ร้านค้าก็ทำตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งสารเคมีที่นำมาจำหน่ายก็ได้รับอนุญาต และมีการนำเข้ามาอย่างถูกต้อง ซึ่งหากทางภาครัฐห้ามใช้สารตัวไหนทางร้านก็จะไม่มีการนำมาจำหน่าย

นายชวลิตกล่าวด้วยว่า ทางผู้ประกอบการค้าก็เห็นด้วยที่ทางภาครัฐจะจัดให้มีการอบรมการใช้สารเคมีต่างๆแก่เกษตรกร แต่ทางรับฐาลจะต้องมีการวางแผนในเรื่องของวิชาการกับทางปฎิบัติให้ไปด้วยกันได้ ไม่ไช่จะแก้ไขที่ปลายเหตุอย่างเดียว รวมการส่งเสริมการทำเกษตรปลอดภัยด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องคำนึงถึงส่วนได้ส่วนเสียในภาควิชาการกับเชิงพาณิชย์ เพราะทุกวันนี้เกษตรกรก็มีการปรับตัวการใช้สารเคมีและการทำการเกษตรเช่นกัน การจะตัดสินใจทำอะไรควรมีการสอบถามข้อมูลจากหลายฝ่ายทั้งจากเกษตรกร จากผู้ประกอบการและภาควิชาการ หากห้ามการเลิกใช้ก็จะต้องมีการมาตรการมาช่วยเหลือผู้ประกอบการ และเกษตรกรด้วยไม่ไช่จะห้ามเพียงอย่างเดียว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

 

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 56
  • 🌧🌤🌈☁️🌟🌙
    👌🏾ท่านก็ค่อยเบิกๆ จากสต๊อค มาฉีด หญ้าวัชรพืช ฉีดแปลงผัก แปลงผลไม้ ของท่าน & ญาติๆ สิค้าป 🙏😳
    22 ต.ค. 2562 เวลา 09.27 น.
  • Pyin
    ขายแค่เท่าทุนสิ
    22 ต.ค. 2562 เวลา 09.04 น.
  • Tuk
    เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน คนไทยต้องกืนพืชผักที่มีสารพิษ อาหารน้ำมีสารปนเปื้อนสารพิษ ไม่เคยสนใจ มี่ผ่านมาก็ขายได้กำไรไปมากมายแล้ว ขาดทุนเพื่อให้คนไทยสุขภาพดีขึ้น กินของไร้สารพิษบ้างเถอะ สงสารประเทศบ้าง
    22 ต.ค. 2562 เวลา 09.00 น.
  • รัฐจะช่วยได้ก็ต่อเมื่อไปทำให้สารที่ไม่ทำลายต่อสุขภาพให้ต้นทุนต่ำลงสิครับเพื่อความสุขสุขภาพของเกษตรหรือไปสยับสนึนกลุ่มที่จะทำปุ๋ยเองผ่านสหกรณ์สิครับหรือขี้เกลียดบริหารถ้างะ้นก็ลาออกใฟ้คนที่เขาจะทำการบริหารด้วยใจด้วยแรงกายดีกว่าไหมฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนะครับจิตอาสาเยอะทำดีด้วยใจไม่ใช่อำนทจทางการเมืองความสุขที่แท้งจริงจงบังเกิด
    22 ต.ค. 2562 เวลา 05.46 น.
  • nawin
    การค้าขายโดยทั่วไปผู้ค้าอาจมีการสต็อกสินค้าบางอย่างไว้เพื่อหวังเก็งกำไร หากสินค้าชนิดนั้นขาดตลาดราคาก็อาจเพิ่มสูงขึ้น
    22 ต.ค. 2562 เวลา 05.33 น.
ดูทั้งหมด