ถ้อยคำที่ทำให้หัวใจฟู - ศุ บุญเลี้ยง

ช่างเป็นถ้อยคำอันรื่นใบหู เมื่อมีคนเอ่ยวจีแหวกวงล้อมของความเงียบขึ้นมาว่า 

ผลงานของคุณเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเหล่านั้นมีวันนี้ที่ดียิ่ง

ถ้าคุณเป็นนักเขียน หัวใจคุณคงฟู เมื่อนักอ่านกล่าวคำนั้น 

…เพราะงานเขียนของพี่ ทำให้ผมนี่เปลี่ยนชีวิต…. 

…เพราะฟังบทสัมภาษณ์ก้อนนั้นจึงทำให้เพื่อนผมกลายร่างจากเด็กเกเรเป็นคนมีสัมมาคารวะ….

…ผมเลือกคณะนี้ก็เพราะบทสัมภาษณ์ของพี่….

และยิ่งกว่านั้น…. ….ดิฉันไม่ฆ่าตัวตาย ก็เพราะได้ฟังแนวคิดล้ำค่า ที่อาจารย์สอน…

ประโยคทองเหล่านี้ ทำเอานักเขียนหน้าใหม่ นักพูดหน้าเก่า ปลาบปลื้มเป็นล้นพ้น อาจนำไปนอนฝันแล้วบอกกล่าวเล่าต่อ

หลายครั้งเมื่อข้าพเจ้าได้ยิน ผู้คนสร้างความเชื่อมโยงตรรกะเช่นนั้น บางครั้งสามารถคาดเดากระทั่งทำนายประโยคต่อไปได้

…เพราะเจอพี่ชีวิตหนูจึงเปลี่ยนผัน….

…หากไม่เจอพี่นักปั้น ป่านนี้ผมคงเป็นเพียงเด็กปั๊ม….

…ตั้งแต่วันที่ได้พบถ้อยคำคมคายของท่าน ชีวิตข้าพเจ้าพลันมีแสงสว่างส่องนำทาง…..

มันน่าจะยินดี ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้ยินประโยคทองเหล่านี้ บ่อยขึ้น บ่อยเข้า แม้คนบอกกล่าวมิได้คิดจะโกหกให้ชื่นใจ  แต่ก็นั่นแหละมันอาจไม่ใช่อย่างนั้น…เสียทีเดียว

ทั้งนี้ก็เพราะว่า  มนุษย์เป็นสัตว์ชอบแสวงหาสาเหตุ เชื่อมั่นว่าสาเหตุที่ตนคิด เป็นสาเหตุอันแท้จริง

ทั้งๆ ที่ชีวิตมนุษย์กลับซุกซ่อนเหตุผลอันผันแปร  แลสาเหตุนานาประการ  ซึ่งต่างแฝงเร้นด้วยปมอดีตมากมายสารพัดปัจจัย 

บ้างบ่มเพาะคุณธรรมท่ามกลางความเลวร้ายของพฤติกรรม  

บ้างสั่งสมประสบการณ์ร้อนเย็นยุ่งเหยิง  

ในโมงยามซึ่งวิถีโคจรมาพานพบประสบเจอเหล่าไอดอล  จึงพลันคิดว่าทำให้ชีวิตบรรลุถึงจุดพลิกผัน

ไม่มีดาวดวงใดโคจรเพราะแรงเหวี่ยงจากดาวดวงอื่นแต่เพียงลำพัง  ต่างมีพลังจากจักรวาลสั่งสมให้เกิดเป็นวงโคจร มนุษย์ก็เช่นกัน

เขาย่อมมีเชื้อไฟความปรารถนาจะขีดจะเขียน จะสร้างสรรค์งานศิลป์อยู่เป็นทุน ครั้นเมื่อเจอะเจอผลงานและศิลปินตัวเป็นๆ ย่อมทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะกล่าวประโยคทองทั้งแท่งนั้นออกมา….

ขณะในมือของบางคนอาจมีสารพิษ หรือถืออาวุธร้ายคิดทำลายตัวเอง  เพราะเคยเห็นในภาพยนตร์ หรืออ่านนิยายมาหลายเล่ม.เขาอาจจะรักชีวิตของเขาเป็นทุน หากกำลังหักเหลังเลว่า จะเหนี่ยวรั้งความสูญเสียนั้นเช่นไร 

ครั้นได้ฟังธรรมเทศนา หรือพบหน้าท่านอาจารย์ก็เป็นไปได้ที่จะลดละเลิก  ปล่อยวางไม่คิดท้อแท้ทำลายตน

เหตุผลเหล่านี้ ถูกนำมาปะปน และเชื่อมต่อ

ตัวอย่างคลาสสิคอันน่าจะเข้าใจง่ายที่สุด  ควรเป็นตอนดาราลูกครึ่งหน้าตาดี กล่าวคำให้สัมภาษณ์ว่า 

หากไม่ได้พบกับพี่แมวมองส่องเห็น และนำมาเข้าวงการ ชีวิตเขาคงเป็นเพียงสามัญมนุษย์…ไม่มีพี่จุดจุดจุดในวันนั้น คงไม่มีผมจุดจุดจุดในวันนี้

ข้าพเจ้าเพียงอยากชี้ให้เห็นช่องโหว่น้อยๆ นั้นว่า ถ้าหากเขาหน้าตาสมส่วน เรือนร่างเข้าขั้นหุ่นดีขนาดนั้น ถึงพี่แมวตัวไหนตัวนั้นไม่ทันมอง ย่อมมีอีกหลายเพลา อีกหลายพี่แมวหมาจะส่องตาเห็น  เชื่อเถอะวงการบันเทิงพร้อมเสาะหาคนหน้าตาดี ไม่เข้าตาวันนี้ วันหน้าคงได้เข้ามาอยู่ดี จะช่องทางนี้หรือหน้าต่างประตูใด

ดังนั้น….ประโยคทองดังว่า …ถ้าไม่มีเขาวันนั้นคงไม่มีฉันในวันนี้…

อาจไม่ใช่ความจริงอย่างที่คิดว่าน่าจะเป็น

ในงานอีเว้นต์แจกลายเซ็น เหล่านักเขียนผู้กำลังตวัดลายเส้นบนหน้ากระดาษ คงมีไม่น้อยเมื่อได้พบปะเสวนากับผู้อ่าน ใช้จังหวะอันแสนสั้นนั้น เหล่านักอ่านอาจเอ่ยคำหวานต่อท่านนักเขียน มากไปยิ่งกว่าแค่คำว่าเป็นเอฟซี ด้วยรอวันนี้มาเนิ่นนาน ในช่วงกระพริบตา ก็เพียงพอจะยื่นคำหอม ส่งคืนกลับให้เป็นของขวัญอันล้ำเลอค่า

…“เพราะตัวหนังสือของพี่ ทำให้วิถีชีวิตหนูพบแนวทาง ..ไปสู่ภพชาติที่ดี …” เพียงแค่นี้ นักเขียนก็ตัวลอยจากเก้าอี้

อีกไม่กี่นาที อาจจะมีอีกคนเดินมาแล้วเอ่ยว่า… “เพราะพี่ทำให้เกิดปรากฏการณ์รุ่งโรจน์กับชีวิต”

ถ้อยคำอันเป็นแรงบันดาลใจเหล่านี้ ไม่ใช่ถ้อยคำซึ่งโกหกพกลมเสียทีเดียว  เขาอาจคิดเช่นนั้นจริงๆ แต่เราต่างเป็นเพียงระบบนิเวศน์ทางความคิดของคนอื่นๆ เขายังมีสิ่งแวดล้อมทางโลกอีกนานาประการรายล้อม

จึงไม่ต้องแปลกใจหากมนุษย์คนเดิมคนเดียวกันนั้น จะบอกกับกูรูคนอื่นอีกคน และอีกหลายต่อหลายคนด้วยคำพูดเดียวกันว่า  เขาต่างมีท่านเหล่านั้นเป็นแรงบันดาลใจ ทั้งยังบอกกับใครต่อใครว่า เขาเปลี่ยนวิถีชีวิตของเขาไป  เพราะใครบางคน และใครอีกบางคน

ทั้งนี้เป็นเพราะมนุษย์เป็นสัตว์ซึ่งชอบแสวงหาสาเหตุ เชื่อมั่นไปเองว่าสาเหตุที่ตนคิดนั้น เป็นสาเหตุอันแท้จริง

ติดตามบทความใหม่ ๆ จากศุ บุญเลี้ยง ได้ทุกวันพุธ บน LINE TODAY และหากสามารถอ่านบทความอื่นได้ที่เพจศุ บุญเลี้ยง