ทั่วไป

ร้องนายพลคนดัง! นำชายฉกรรจ์ยึดบ้าน 40 ล้าน

TNN ช่อง16
อัพเดต 10 ต.ค. 2562 เวลา 14.31 น. • เผยแพร่ 10 ต.ค. 2562 เวลา 14.31 น. • TNN Thailand
ลูกสาวเจ้าของร้านเพชรถูกนายพลคนดัง นำชายฉกรรจ์ ยึดบ้านที่ดินกว่า 4 ไร่ มูลค่ากว่า 40 ล้าน

วันที่ 10 ตุลาคม 2562 น.ส.พิมพ์นรี หรือ บี โหตะไวทยากร อายุ 33 ปี บุตรสาวได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชน ด้วยน้ำตาว่า  ตนเอง มีชื่อเป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 95 หมู่ที่ 2 ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี ทั้งในทะเบียนบ้านและโฉนดที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อวันที่ 4 ต.ค.62 ที่ผ่านมา กับมีชายฉกรรจ์คล้ายทหารหรือตำรวจจำนวนหลายสิบนาย เข้ามาที่บ้านหลังดังกล่าว ซึ่งขณะนั้นตนเองไม่ได้อยู่ในบ้าน กลุ่มชายดังกล่าว จึงให้แม่บ้านที่ดูแลอยู่เปิดประตูบ้าน ก่อนจะเข้าไปทำการ เปลี่ยนลูกกุญแจบ้านทั้งหมด ทำให้ตนเอง และ น้องสาวคือ น.ส.พิมพ์ลริล ไม่สามารถเข้าไปในบ้านได้ ตนเองจึงได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.บางศรีเมืองกับ พ.ต.ต.อานนท์ แพรงาม สว.สอบสวน สภ.บางศรีเมือง ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน  

 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ผู้เสียหาย เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ครอบครัวนั้นประกอบกิจการอัญมณีชื่อร้าน จารุเพ็ชรรังสรรค์ อยู่ที่บ้านหม้อ มาตั้งแต่สมัยปู่ย่า ตายาย กว่า 50 ปี จนตกทอดมาถึงรุ่นคุณแม่ก็คือ นางสุคนธกาญจน์ โหตะไวทยกร ซึ่งคุณแม่ได้แต่งงานอยู่กิน จดทะเบียนสมรสกับนายธนัช เกตุมงคล คุณพ่อของตน จนมีบุตรสาวด้วยกัน 2 คน คือตนเองและน้องสาว ชีวิตครอบครัวอยู่กันอย่างมีความสุข ประกอบธุรกิจค้าขายอัญมณีเรื่อยมา

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ต่อมาราวๆปี 2541 นายประวิทย์ โหะไทยกร ซึ่งเป็นพี่ชายของคุณแม่ ได้พาเพื่อนนายทหารเรือ (สงวนชื่อ นามสกุล)ปัจจุบันเกษียณราชการแล้ว มาที่บ้านให้ทุกคนได้รู้จัก จนกระทั่งมีความสนิทสนมกับทุกคน โดยเฉพาะคุณแม่กับคุณพ่อ ก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี เมื่อนายทหารคนดังกล่าวมาเที่ยวทุกครั้ง ต่อมาคุณพ่อคือนายธนัชได้หย่าร้างกับคุณแม่เพราะเกิดปัญหาสาเหตุมาจากเรื่องนี้ ทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องแยกทางกัน  ช่วงจังหวะเวลาดังกล่าว ทำให้นายทหารคนดัง ได้เข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณแม่ของตนเอง ไปไหนมาไหนด้วยกัน จนเวลาต่อมาในปี 2549 คุณแม่ได้ไปดูและถูกใจที่ดินกว่า 4 ไร่ ใน ซ.วัดบางกร่าง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งปัจจุบันคือ บ้านเลขที่ 95 หลังดังกล่าว  จนถูกใจและตกลงซื้อในราคากว่า  17,500,000บาท พร้อมทั้งถมที่ปลูกบ้านตกแต่งไปรวมกว่า 40,000,000 บาทใช้ชื่อบ้านและโฉนดที่ดินเป็นชื่อของคุณแม่ แต่เพียงผู้เดียว 

โดยขณะนั้นคุณแม่ซึ่งคบหาดูใจกับนายทหารคนดัง ก็ได้พาช่างตบแต่ง ผู้รับเหมา เข้ามาดูแล ซึ่งคุณแม่เองได้มีการโอนเงิน การซื้อและตกแต่งมูลค่าบ้านหลังนี้ทั้งหมด ผ่านบัญชีนางเปรมจิต โหตะไวทยกร ซึ่งเป็นมารดาของคุณแม่ โดยการโอนแต่ละครั้งจะโอนให้นางเปรมจิต เป็นงวดๆครั้งละหลายล้านบาท เนื่องจากคุณแม่ไม่อยากให้ตนเองและน้องสาวคิดว่า นำเงินส่วนของร้านอัญมณี ที่มีตนเองและน้องสาวเข้ามามีส่วนร่วมบริหารไปใช้จ่าย เพราะขณะนั้นคุณแม่คบหาสนิทสนมกับนายทหารคนดัง ทั้งๆที่คุณแม่ก็รู้ว่านายทหารคนดังกล่าวนั้นมีครอบครัวแล้ว 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ต่อมาตนเองพร้อมน้องสาวและคุณแม่ได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังที่ซื้อ พร้อมทั้ง นายทหารคนดังกล่าวไปมาหาสู่กับคุณแม่ และพักอยู่บ้านหลังนี้เป็นครั้งคราว ต่อมาราวปี 2559 คุณแม่เริ่มมีอาการป่วยจึงได้ทำนิติกรรมและโอนที่ดินพร้อมบ้านหลังนี้ให้เป็นชื่อของตนเอง ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตนและน้องสาวก็พักอาศัยที่บ้านหลังกล่าวพร้อมสาวใช้ โดยมีนายธนัช คุณพ่อพักอาศัยอยู่ด้วยเช่นกัน 

จนกระทั่งเรื่องราวมาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา กลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 10 นาย ได้บุกเข้ามาในบ้านพร้อมอ้างว่าได้รับคำสั่งจาก นายทหารคนดัง ให้เข้ามาดูแลและเฝ้าบ้าน ในฐานะเจ้าครองผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม ซึ่งเองและครอบครัวเกรงว่าจะได้รับอันตรายจาก กลุ่มชายดังกล่าว จึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งแสดงโฉนดและชื่อทะเบียนบ้านที่มีชื่อของตนเอง เป็น เจ้าของ พร้อมวอนขอให้กลุ่มชายดังกล่าวออกจากบ้าน หลังจากนี้คงต้องปรึกษาข้อกฎหมายเพื่อดำเนินการต่อไปกับนายทหารคนดังกล่าว

     

ผู้เสียหาย เล่าต่อว่า หลังคุณแม่ป่วยด้วยมะเร็งลำไส้ ทาง นายพลคนดังกล่าว ที่มีครอบครัวอยู่แล้ว ไม่เคยมาเหลียวและใส่ใจในตัวคุณแม่เลยมีเพียงนายธนัชคุณพ่อเพียงคนเดียวที่กลับมาดูใจคุณแม่จนถึงนาทีสุดท้าย  

"หนูขอความเป็นธรรมกับพี่ๆสื่อมวลชนด้วย บ้าน ที่ดิน ล้วนแล้วแต่เป็นชื่อของหนูที่คุณแม่มอบไว้ให้ก่อนเสียชีวิต แต่อยู่ดีๆกับถูกนายทหารชื่อดังคนนี้เข้ามายึดครองและบอกว่ามีส่วนร่วมในบ้านหลังนี้  ตอนนี้หนูเองลำบากมากเพราะไม่สามารถเข้าไปในบ้านได้ เนื่องจากเขานำช่างมาเปลี่ยนกุญแจบ้านทั้งบ้านไม่ให้หนูกับน้องสาวเข้าไปอยู่ แม้แต่สุนัขพันธ์ เฟ้นบูด๊อก ที่เลี้ยงไว้ก็ยังไม่สามารถนำออกมาได้ ต้องขอร้องคนในบ้านให้ช่วยส่งคืน จนกระทั่งแม่บ้านเก่าแก่ของคุณแม่อุ้มออกมาให้ตนเอง ก่อนที่คุณแม่จะเสียนายทหารคนนี้ยังพยายามแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับหนูและน้องสาว จนคุณแม่ประกาศตัดความสัมพันธ์และเขาหายไปจากครอบครัวนานกว่า 3 ปี  แต่อยู่ดีๆกลับมาอ้างสิทธิ์ในบ้านหลังนี้ทั้งๆที่เป็นเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ครอบครัวเราหาซื้อมาด้วยหยาดเหงื่อตัวเอง"

    

ขณะที่นายธนัช  บิดาน้องบี กล่าวว่า  รู้สึกสงสารลูกสาวเป็นอย่างมากในฐานะหัวอกคนเป็นพ่อ  ช่วงที่อดีตภรรยาตนเองป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายตนเองทราบข่าวก็มาเยี่ยมดูแลป้อนน้ำป้อนข้าว แต่ไม่เคยเห็น นายพลคนนั้น มาเยี่ยมเยียนหรือดูใจอดีตภรรยาของตนเองแม้แต่ครั้งเดียวเลย  ครอบครัวตนเองต้องเป็นแบบนี้เพราะอะไร อยากให้สังคมตัดสินและให้ความเป็นธรรมกับลูกสาวตนเองด้วย  "ไม่มีพ่อ-แม่คนไหนหรอกที่ไม่รักลูกและห่วงใยอนาคตลูก สมบัติที่หามาได้ถ้าไม่ให้ลูกแล้วจะไปให้ใคร"นายธนัช กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสลด

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 61
  • หนุ่ย#nuii
    เอาใจช่วยนะคะสู้ให้ชนะค่ะ ดิฉันก็มีเรื่องกะอดีตนายทหารเรือแต่ดิฉันไม่สู้เพราะดิฉันคนธรรมดาไม่มีเงินทองมากมายจะไปฟ้อง เพราะตัวมันเคยฟ้องกองทัพเรือ ละชนะคดีมาแล้วเมื่อ18ปีก่อน ดิฉันจึงยอมถอย
    11 ต.ค. 2562 เวลา 04.02 น.
  • HENG CHILL
    มาจากนรกชัดๆเลย
    11 ต.ค. 2562 เวลา 03.34 น.
  • 🧸-Myz:oMi-🧸
    ตอนเอากันดีๆก้รักกันๆๆๆน่ะ
    11 ต.ค. 2562 เวลา 01.23 น.
  • ปุ๊ค้าบ
    ให้รู้ชื่อกันไปเลยนายพลคนดังแอบอยู่ทำไมไม่เจ๋งนี่หว่า
    11 ต.ค. 2562 เวลา 00.52 น.
  • Somchai
    ถ้าเป็นจริงให้รู้จักศีลธรรมบ้างนะ
    11 ต.ค. 2562 เวลา 00.50 น.
ดูทั้งหมด