วันนี้ (13 ก.ค.2563) นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หมอตี๋ สาธิต ปิตุเตชะ ระบุว่า กรณีที่พบมีผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าพักจังหวัดระยองนั้น สาเหตุการออกจากระบบที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดนั้น เกิดจากอะไรกำลังรอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองทัพอากาศ และ การบินพลเรือน ซึ่งขณะนี้ดำเนินการสอบสวนอยู่
ผมขอให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ให้ข้อมูล แต่ในส่วนของงานสาธารณสุขที่อยู่ในความรับผิดชอบของผม คือ จะต้องควบคุมโรคให้ประชาชนมีความเสี่ยงน้อยสุด และปลอดภัยมากที่สุด
ขณะนี้ สธ.ได้ดำเนินการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในโรงแรม และห้างสรรพสินค้าแหลมทอง และห้างฯ Central รวมถึงพาหนะในการเดินทางของกลุ่มเสี่ยงทะเบียนรถที่ใช้ และบุคคลที่ร่วมเดินทาง โดยจะนำผู้ที่มีความเสี่ยงทั้งหมดมาตรวจหาเชื้อ
อย่างไรก็ตามยังเชื่อมั่นว่าตามสถานที่ให้บริการต่างๆ ยังคงยึดตามระเบียบและกฎเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขได้วางไว้คือ เช็กอินให้ข้อมูลโดยแอปพลิเคชันไทยชนะ การสวมใส่หน้ากากอนามัย การใช้แอลกอฮอร์ล้างมือซึ่งมาตรการดังกล่าวจะมีช่วยในการป้องกันการติดต่อ
ผมขอให้ประชนในพื้นที่มีความมั่นใจว่าในส่วนงานของสาธารณสุขจะสามารถควบคุมการแพร่กระจายโรคได้ โดยพรุ่งนี้ผมจะเดินทางลงไปพื้นที่ พร้อมรถตรวจเชิงรุกพระราชทานเพื่อดูแลและแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
ขณะที่ รมช.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอสว่า ต้องรอสอบสวนโรคให้ครบถ้วนก่อน แล้วค่อยมาว่าเกิดขึ้นเพราะใคร อย่างไร เราต้องดำเนินการสอบสวนโรคตามข้อมูลเสี่ยงมาก เสี่ยงปานกลาง เสี่ยงน้อย และดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 อย่างเร่งด่วน พรุ่งนี้ผมและอธิบดีกรมควบคุมโรคจะลงพื้นที่แต่เช้าพร้อมด้วยรถตรวจเชิงรุก
ตอนนี้พื้นที่เสี่ยง มีห้างสรรพสินค้าดัง 2 แห่ง ในระยอง ส่วนการสืบสวนต้องดูจากกล้องวงจรปิดก่อน และดูการสอบสวนกับคนต่อไป
ทั้งนี้ โรงแรมที่ลูกเรือทั้ง 31 คน ไม่ได้เป็นโรงแรมที่ลงทะเบียนเป็น State Quarantine กับรัฐบาล เนื่องจากไม่ต้องกักตัว เพราะเป็นกลุ่มนักบินลูกเรือที่ต้องพักในโรงแรม แต่ไม่อนุญาตให้ออกไปนอกที่พัก ดังนั้น จึงต้องสอบสวนโรคอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเครื่องบินนี้ เป็นเครื่องบิน C130 ของทหารเดินทางมาจากอียิปต์ ผ่านประเทศปากีสถาน ก็ต้องสอบสวนย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นเพื่อหาว่าผิดพลาดในส่วนใด
ทหารอียิปต์ออกจากไทย เพราะยังไม่มีหลักฐานติดเชื้อ
ด้าน พล.ร.ท.กฤชพล เรียงเล็กจำนงค์ ผอ.ท่าอากาศยานอู่ตะเภา เปิดเผยว่า การท่าอากาศยานอู่ตะเภาได้ดำเนินการดูแลในส่วนผู้โดยสารที่เข้ามา เมื่อทราบว่ามาจากต่างประเทศ ผู้โดยสารทุกคนจะเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโดยด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ และเข้าสู่กระบวนการ PUI ตามปกติ
สำหรับกรณีของลูกเรือทั้ง 31 คนจากอียิปต์นี้ ได้รับแจ้งว่า เครื่องที่เข้ามาในฐานะลูกเรือ เข้ามาเพื่อเติมน้ำมันและหยุดพัก ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดผู้ควบคุมยานพาหนะที่จำเป็นต้องเข้ามาปฏิบัติภารกิจ สามารถเข้ามาในประเทศได้ หากมีการกำหนดเวลาที่ชัดเจน โดยเมื่อออกจากท่าอากาศยานอู่ตะเภาเข้าไปพักในเมืองแล้วจะเป็นหน้าที่ของจังหวัดดูแลต่อไป ซึ่งภายหลังทราบว่ามีรายงานว่า มีบางคนออกไปเที่ยวนอกที่พักด้วย ส่วนในช่วงขาออกนอกประเทศนั้น ท่าอากาศยานอู่ตะเภายังไม่มีหลักฐานว่าลูกเรือติดเชื้อ COVID-19 จึงไม่สามารถกักตัวไว้ที่ประเทศไทยได้
ทั้งนี้ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า ทหารอียิปต์ที่เดินทางมาลงท่าอากาศยานอู่ตะเภาและเข้าพักโรงแรมใน จ.ระยอง และตรวจพบเชื้อ COVID-19 ไม่มีภารกิจที่เกี่ยวข้องกับทางกองทัพบกแต่อย่างใด
S.R.R.The hip. ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเหรอ...กรุเดาไว้ก่อนกล้องเสียตรวจสอบไม่ได้(ประโยคนี้คนไทยคุ้นชิน)5555
13 ก.ค. 2563 เวลา 15.16 น.
ตรณทรรศ เพราะความสะเพร่าของหน่วยงานรัฐ ทำโกลาหลไปหมด เวร
13 ก.ค. 2563 เวลา 13.42 น.
กฤติเดช สุขเนืองนอง ไทย กระจอกในสายตา ต่างประเทศ จะเข้าจะออกมี อภิสิทธิ์ ส่วนคนไทย ตัวลีบ เพราะเคารพกฏ
13 ก.ค. 2563 เวลา 13.34 น.
pornsri p.🐀🐁 โยนขี้กันสนุกไหม
13 ก.ค. 2563 เวลา 13.32 น.
zenkohan แขกของทางการไทยใหญ่โขนาดได้รับการยกเว้นมันไปไหนบ้างตอบไม่ได้เลยเหรอ
นี่แค่คนเดียวนะ ถ้าเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะๆไม่ชิบหายทั้งประเทศเหรอ
กับคนไทยละมันเข้มงวดจริง ตั้งด่านถี่จนหมาแทบไม่กล้าเดิน
13 ก.ค. 2563 เวลา 13.32 น.
ดูทั้งหมด