ไลฟ์สไตล์

ผู้หญิงคนหนึ่งต่อสู้กับมลพิษ และเธอชนะเพื่อสิ่งแวดล้อม 'Lois Gibbs คุณแม่ลูกสอง'

Environman
เผยแพร่ 01 พ.ค. เวลา 13.22 น.

หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นมาต่อสู้กับมลพิษ และเธอชนะ Lois Gibbs ผู้ได้รับฉายาว่า ‘คุณแม่ที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมทางสิ่งแวดล้อม’

“ฉันเข้าใจมาตลอดว่าหากคุณมีปัญหา รัฐบาลก็ควรจะช่วยเหลือคุณ” Lois Gibbs คุณแม่ลูกสอง กล่าวในปี 1998 “พวกเขาสอนคุณเรื่องนั้นในโรงเรียน” แต่ทว่าในปัจจุบันนี้ “มีคนไม่กี่คนที่มีอำนาจ ทุกครั้งที่คุณเดินไปรอบ ๆ คุณก็จะกลับมาคนไม่กี่คนเหล่านั้นอยู่เสมอ”

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อ Lois และ Harry Gibbs ย้ายไปอยู่บ้านสามห้องนอนใกล้กับน้ำตกไนแอการา รัฐนิวยอร์กในปี 1972 Lois คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าโชคดีที่สุดราวกับถูกรางวัลที่ 1 เพราะมันเป็นพื้นที่ที่สวยงามตระการตาอย่างยิ่ง เรียบร้อยเงียบสงบ อีกทั้งยังมีสามีที่ดีและเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกัน มันถูกเรียกว่าย่าน ‘Love Canal’

แต่สิ่งต่าง ๆ กลับไม่ใช่อย่างที่ตาใหเห็น พื้นที่ที่สวยงามนี้กลับมีปัญหาซ่อนอยู่ ปัญหาที่จะนำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บและการสูญเสีย จนกลายเป็นความขัดแย้งในเวลาต่อมา

#ภัยร้ายที่ซ่อนอยู่

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

หลายปีก่อนหน้าที่จะถูกพัฒนาเป็น Love Canal พื้นที่ดังกล่าวเคยเป็นที่ทิ้งขยะมาก่อน ซึ่งมาจากบริษัท Hooker Chemical and Plastics Corporation ซึ่งฝังสรารเคมีที่เป็นมลพิษลงไปใต้พื้นดินมากกว่า 20,000 ตันในระหว่างปี 1942 ถึง 1952 พร้อมกับมีสัญญาที่ระบุว่าจะไม่มีการรับผิดชอบใด ๆ เกี่ยวกับสารเคมีที่ถูกทิ้งเพื่อจำกัดความรับผิดชอบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เมื่อเวลาผ่านไป ที่ดินเหล่านั้นกลายเป็นย่านชุมชนที่มีทั้งบ้าน โบสถ์ ร้านค้า โรงเรียน สวน และต้นไม้ พร้อมกับเด็กที่วิ่งเล่นไปมาจำนวนมาก ในตอนแรกชาวเมืองใช้ชีวิตอย่างปกติสุข หลายครั้งผู้คนพาลูก ๆ มาปิกนิกตามสวน ตามต้นไม้ในสนามเด็กเล่นของโรงเรียนเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน

แต่แล้วสัญญาณแรกของปัญหาก็เริ่มต้น ในปี 1976 หรือ 4 ปีหลังจากการย้ายเข้าอยู่ครั้งแรก หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น Niagara Gazzett ก็ได้รายงานว่าบ้านบางหลังในย่าน Love Canal มีปัญหาเรื่องการทำความสะอาดสารเคมีที่อยู่ในห้องใต้ดิน ซึ่งทาง Lois ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก จนกระทั่งลูกชายวัย 5 ขวบของเธอมีความผิดปกติ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ในตอนแรก “ฉันคิดว่า Michael มีความอ่อนไหวมากกว่าเด็กทั่วไป และคณะกรรมการโรงเรียนควรย้ายเขา(ไปโรงเรียนอื่น)ในทันที” Lois กล่าว

Michael ที่เป็นเด็กปกติกลับเริ่มมีอาการชัก แต่สิ่งที่แปลกก็คือครอบครัวนี้ไม่มีใครมีประวัติเป็นโรคลมชัก (epilepsy) เลย รวมทั้งการปรึกษาหารือกับนักชีววิทยาที่เป็นพี่เขยระบุว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับโรคทางพันธูกรรม Lois จึงสงสัยว่า ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับสารเคมีที่อยู่ในสถานที่นั้น ๆ หรือไม่ จึงทำเรื่องขอย้าย Michael ไปโรงเรียนอื่น ทว่าคณะกรรมการกลับปฏิเสธคำขอ

“ฉันมีอารมณ์แบบชาวไอริช คุณไม่สามารถนั่งตรงนั้นแล้วบอกฉันว่า จะไม่ย้ายลูกของฉัน” Lois บอก “เราควรจะแก้ไขปัญหานี้”

#เต็มไปหมดทุกที่

Lois ลุกขึ้นมาอย่างกล้าหาญด้วยการเดินไปเคาะประตูตามบ้าน พร้อมกับคำเรียกร้องให้มีการปิดโรงเรียนเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริง และเมื่อเธอพบกับคนอื่น ๆ Lois ก็ตระหนักได้ในทันที่ว่า ลูกของเธอไม่ได้ป่วยแค่คนเดียว กลายเป็นเด็กและคนส่วนใหญ่มีปัญหาสุขภาพ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นอะไรเลย

ผู้คนใน Love Canal ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ตั้งแต่สมาธิสั้นไปจนถึงโรคลมชัก ไมเกรน มีการแท้งลูกจำนวนมาก เพื่อนบ้านหลายคนเริ่มเป็นมะเร็ง มีปัญหาไต ปัญหาปอด และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง ท้ายที่สุดแล้วเมื่อรวบรวมข้อมูลออกมา เด็กกว่า 56% ที่เกิดนภายใน 5 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ Lois ย้ายเข้ามาอยู่มีความผิดปกติแต่กำเนิด

“ฉันได้ยินมาว่ามีเด็กอายุ 12 ปีที่ต้องผ่าตัดมดลูก” Lois บอก “ผู้หญิงที่ตั้งท้องลูกกลับเสียชีวิตถึง 2 คน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ”

หน่วยงานสาธารณะสุขของรัฐตกลงที่จะเข้ามาทำการตรวจสอบพื้นที่ แต่ทว่ากลับมีความคืบหน้าอย่างช้า ๆ ยังไงก็ตามเมื่อเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อมเริ่มทำการทดสอบ ผู้คนก็ตกใจกับผลลัพธ์ที่ได้ มันไม่ใช่แค่สนามเด็กเล่น แต่รวมถึงห้องใต้ดิน ลานหลังบ้าน ห้องนอน ท่อระบายน้ำ และทุก ๆ อย่าง

ไม่เพียงเท่านยั้น มหาสมุทรก็เต็มไปด้วยสารเคมีร้ายแรงที่ไหลซึมออกไปจากพื้นดินของเมืองเช่น benzene, dioxin, toluene เป็นต้น นักวิทยาศาสตร์สามารถยืนยันสารประกอบที่อันตรายถึงชีวิตได้มากกว่า 100 ชนิดในย่าน Love Canal มันมีอยู่เต็มไปหมดทั้งในอากาศ และน้ำบาดาล

#ไร้ซึ่งคำตอบ

Lois และเพื่อนบ้านอีกหลายคนร่วมกันก่อตั้งสมาคมที่ชื่อว่า ‘Love Canal Neighborhood Association’ เพื่อรวบรวมข้อมูลความผิดปกติที่เกิดขึ้นในละแวกบ้านรอบ ๆ และนำมาเป็นหลักฐานยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ทว่าการหาคนที่เหมาะสมมารับฟังปัญหากลับแทบเป็นเรื่องที่ยากเย็น

Lois และทุกคนในสมาคมใช้เวลาหลายร้อยชั่วโมงในการคุยโทรศัพท์ไปตามสำนักงานต่าง ๆ เพื่อขอร้องให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและระดับชาติเข้ามาช่วยเหลือ กระนั้นคำร้องก็ถูกหมุนเวียนไปตามหน่วยงานต่าง ๆ ราวกับเป็นของที่ไม่มีใครต้องการ

ขณะเดียวกัน ชีวิตที่อยู่รอบ ๆ ของ Lois ก็เริ่มพังทลายลงทีละคนสองคน บางคนตายอย่างน่าเศร้ารวมถึง John Allen Kenny ที่มักจะว่ายน้ำลำธารหลังบ้านของเขาเอง ซึ่งเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว ผู้คนร้องไห้ กดดัน และหวาดกลัว แต่คำร้องและคำขอความช่วยเหลือกลับไม่ได้รับคำตอบ

ในเดือนสิงหาคม 1978 เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ทำการเคลื่อนย้ายสตรีมีครรภ์และเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบออกจากย่าน Love Canal ทว่าก็ยังไม่เพียงพอในการแก้ไขปัญหา ทีมของ Lois ทำการฟ้องร้อง ล้อมรั้ว และเผยแพร่หลักฐานจำนวนมากขึ้นเกี่ยวกับมลพิษ

ผลกระทบด้านสุขภาพนั้นเลวร้ายมาก รายงานวิจัยที่ติดตามผลในเวลาต่อมาได้เผยให้เห็นว่าผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในระแวกย่าน Love Canal นั้นมีความเสี่ยงที่จะคลอดลูกที่มีความผิดปกติแต่กำเนิดถึง 2 เท่า ไม่เพียงเท่านั้น ชาวเมืองก็ยังเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ มะเร็งปอด ไต และกระเพาะปัสสาวะ

เมื่อกระแสปัญหาโหมกระหน่ำรุนแรงขึ้น ในที่สุดรัฐบาลก็ไม่สามารถทนอีกต่อไป ในเดือนพฤษภาคมปี 1980 ประธานาธิบดี Jimmy Carter ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติ ครัวเรือนมากกว่า 950 ครอบครัวก็ออกจากพื้นที่มลพิษดังกล่าว พร้อมกับมีคำสั่งเคลียร์พื้นที่ ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของผู้หญิงคนหนึ่ง

#ดำเนินต่อไป

Lois Gibbs ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้นำการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมของโลก ความพยายามและการต่อสู้ดั่งกล่าวทำให้สารเคมีอันตรายที่ถูกซุกซ่อนไว้ใต้พื้นดินกลายเป็นที่สนใจของทั่วประเทศ ทำให้เกิดโครงการ Superfund ของหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมขึ้น พร้อมกันนั้นยังกระตุ้นให้เกิดงานวิจัยเกี่ยวกับอันตรายของสารเคมีในมนุษย์มากขึ้น

แม้ว่าลูก ๆ ของ Lois จะมีสุขภาพดีขึ้นในปัจจุบัน แต่เธอยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพระยะยาวอยู๋ตลอดเวลา แต่การกระทำของเธอได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักอนรุกษ์และผู้คนทั่วไปในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่สะอาดให้กับลูกหลานรุ่นต่อ ๆ ไป

เรื่องราวนี้ได้ถูกถ่ายทอดในภาพยนต์สารคดีหลายเรื่อง โดยเรื่องล่าสุดคือ Poisoned Ground ของ American Experience: The Tragedy at Love Canal ซึ่งเปิดตัวในวันคุ้มครองโลกปี 2024 ที่ผ่านมา

“ประชาธิปไตยได้ผล” Lois กล่าว “เรายืนหยัดร่วมกันและมีเป้าหมายที่เป็นเอกภาพ คุณสามารถทำเช่นนั้นกับปัญหาใดก็ได้ หากผู้คนมีส่วนร่วมในระบอประชาธิปไตย เราก็สามารถเปลี่ยนโลกในแบบที่ไม่อาจจินตนาการได้ในทุกวันนี้”

ที่มา

https://www.washingtonpost.com/…/style/daily/loisgibbs.htm

https://www.goldmanprize.org/recipient/lois-gibbs/…

https://www.fredonia.edu/academics/convocation/gibbsbio

https://www.nationalgeographic.com/…/love-canal-lois…

https://www.loe.org/shows/segments.html…

https://chej.org/about-us/story/love-canal

https://lsa.umich.edu/…/all-events…/88793-21657768.html

https://tarc.tufts.edu/…/lois-gibbs-love-canal-papers

Photo : US Department of Justice