เรื่องสั้น

เกิดมาชาตินี้ข้าจะรวย!!

นิยาย Dek-D
อัพเดต 04 พ.ย. 2566 เวลา 09.16 น. • เผยแพร่ 04 พ.ย. 2566 เวลา 09.16 น. • angel94
เมื่อกฤตนักศึกษาคณะวนศาสตร์ตปี 4 ต้องมาเสียชีวิตกะทันหันย้อนมายุคจีนโบราณจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ข้อมูลเบื้องต้น

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น

ขอให้คนอ่านมีความสุขกับการอ่านนะคะ

คำโปรย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อกฤตนักศึกษาทุนปี4 คณะวนศาสตร์เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตทำให้เขาได้ย้อนกลับมาในยุคจีนโบราณแต่ดันมาเกิดในครอบครัวที่ยากจน เขาจึงตั้งมั่นว่าชาตินี้เขาจะต้อง รวย!!!! และมีชีวิตที่ดีให้ได้

ตอนที่ 1

“กฤต มึงจะไปกินข้าวกับพวกกูปะ”เปรมถามขึ้นเมื่อคลาสเช้าของวันนี้จบลง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

“ไม่เป็นไรวะ ว่าจะไปกินข้าวที่ห้องและจะออกไปทำงานต่อเลย”กฤตตอบกลับเปรมออกไปและเก็บข้าวของและเดินออกจาห้องเรียนทันที กฤตเป็นนักเรียนทุนมหาลัยแห่งหนึ่งของภาคอีสานและได้มีโอกาสไปแลกเปลี่ยนที่จีนตอนมัธยมเขาจึงพอพูดภาษาจีนได้บ้าง กฤตเป็นเด็กกำพร้าจึงต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเขาจึงไม่ได้ไปทานข้าวกับเพื่อนๆ

เมื่อออกจากมหาลัยแล้วกฤตก็รีบกลับห้องเพื่อที่จะทานข้าวเที่ยงและอาบน้ำเพื่อที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงานต่อในช่วงเย็นเขาคิดว่าจะขอนอนสักงีบก่อนออกไปทำงาน คิดได้ดังนั้นกฤตก็รีบทานข้าวและเปลี่ยนชุดและล้มตัวนอนในทันที

กริ๊ง กริ๊ง นอนได้ไม่นานเสียงนาฬิกามือถือที่กฤตตั้งไว้ก็ดังขึ้น “ได้เวลาแล้วเหรอเนี้ย” กฤตนั่งพึมพำกับตัวเองอยู่บนเตียงและบิดขี้เกียจไปด้วยเมื่อตื่นดีแล้วกฤตก็หยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำทันที เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วกฤตก็เตรียมตัวและขับรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจออกจากห้องและมุ่งหน้าไปทำงานในทันที

“อ้าว ไอ้กฤตมาแล้วหรือ”พี่กานทักขึ้นเมื่อเห็นกฤตเดินเข้ามาหลังร้าน

“ครับ สวัสดีครับพี่กาน”กฤตตอบรับและยกมือขึ้นไหว้ งานที่กฤตทำนั้นเป็นงานที่ผับชื่อดังแห่งหนึ่งกฤตมาทำงานเด็กเสิร์ฟที่ร้านนี้ได้จะ 2 ปีแล้วถึงจะเหนื่อยแต่ก็ถือว่าได้เงินดีเลยทีเดียว เมื่อทักทายพี่ๆเสร็จกฤตก็นำของไปเก็บและออกมาช่วยพี่ๆที่ร้านเตรียมของในทันที

“กฤตมาช่วยพี่ตรงนี้หน่อย”พี่ในร้านคนหนึ่งตะโกนเรียกกฤตให้ไปช่วยยกเก้าอี้

“ครับ”กฤตตอบกลับมาและเดินเข้าไปช่วยในทันที “วันนี้คนเยอะเหรอครับถึงได้เอาโต๊ะออกมาเพิ่ม” กฤตถามขึ้นระหว่างที่ยกโต๊ะช่วย

“ใช่ วันนี้มีคนมาจองที่เพื่อจัดงานวันเกิด”พี่เค้าตอบขึ้น

“ไม่ได้จองวีไอพีเหรอพี่”กฤตถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะปกติแล้วถ้าจัดงานอะไรแบบนี้ส่วนมากจะจองห้องส่วนตัวกันมากกว่า

“ก็ห้องส่วนตัวแหละ แต่โต๊ะมันไม่พอเลยต้องยกไปเสริม”พี่ตอบออกมากฤตพยักหน้าเข้าใจและช่วยยกของต่อจนเสร็จเมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว 20.30 น.ก็เริ่มเปิดร้าน ลูกค้าก็เริ่มทยอยเข้ามาในร้านเรื่อยๆ

“กฤตมานี่ดิ”เจ้าของร้านถามกฤตขึ้น

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”กฤตเดินมาถามเจ้าของร้านขึ้น

“วันนี้นายขึ้นไปช่วยดูแลห้องวีไอพีที่จะจัดวันเกิดวันนี้นะ”เจ้าของร้านพูดขึ้น

“ได้ครับ”กฤตตอบรับออกไปและเดินขึ้นไปเพื่อจัดเตรียมเครื่องดื่มบางส่วนให้กับลูกค้า เตรียมของไม่นานแขกที่มางานวันเกิดก็เริ่มทยอยเข้ามา

“น้องมานี่หน่อย”แขกคนหนึ่งเรียกขึ้นกฤตเดินเข้าไปหาทันที

“มีอะไรครับ”กฤตถามขึ้น

“ขอเตกีล่าขวดหนึ่ง น้ำแข็งเพิ่มด้วยนะ”แขกสั่งขึ้น

“รอสักครู่นะครับ”กฤตบอกลูกค้าและเดินออกไปเพื่อที่จะเตรียมของที่ลูกค้าสั่งในทันที เมื่อเตรียมของเสร็จกฤตกำลังจะเดินขึ้นชั้นบนเพื่อเอาของที่ลูกค้าสั่งขึ้นไป กฤตก็ได้ยินเสียงดังโวยวายดังขึ้นจึงรีบขึ้นชั้นบนและวิ่งลงมาช่วยด้านล่างในทันที

“เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่กาน”กฤตวิ่งมาถึงก็ถามกานที่อยู่บริเวณนั้นขึ้น

“ลูกค้าทะเลาะกันอะดิมึง จ้องผู้หญิงคนเดียวกันแล้วทะเลาะกันเองกูละงงใจ”กานพูดขึ้นอย่างหัวเสีย

“แล้วทำไมพี่ไม่เข้าไปห้าม”กฤตพูดขึ้น

“เข้าไปตอนนี้ก็โดนลูกหลงซิวะ”กานพูดขึ้น

“แล้วนี้แจ้งตำรวจยังพี่”กฤตถามขึ้นอีกครั้ง

“แจ้งแล้วเดี๋ยวคงจะถึงตอนนี้พวกพี่รปภกำลังห้ามอยู”กานหันมาบอกกฤต

เมื่อยืนดูและกันลูกค้าด้านล่างออกจากบริเวณเกิดเหตุกันอยู่นั้นตำรวจก็เดินทางเข้ามาถึงพอดีและทำการคลีคลายสถานการณ์ทันที ในขณะที่กฤตกำลังจะเดินขึ้นไปนั้นคนที่ก่อเหตุทะเลาะกันก็ใช้โอกาสที่ตำรวจเผลอหยิบปืนขึ้นมาจะยิงฝั่งตรงข้ามอีกฝั่งเห็นแบบนั้นก็ดึงกฤตที่อยู่ใกล้เข้ามาบังตัวเองทันที

“เฮ้ย ไอ้กฤต”กานที่เห็นแบบนั้นรีบวิ่งมาดูน้องทันที “มึงเป็นไงบ้างมทำไมมึงไม่หลบ”กานพูดออกมา “เรียกรถพยาบาลทีใครก็ได้”กานตะโกนขึ้นอย่างร้อนรน

“พี่ผมไม่เป็นอะไร”กฤตพูดบอกพร้อมกับสำลักเลือดออกมา

“ไม่เป็นอะไร มึงดูเลือดเต็มไปหมด”กานพูดออกมาอย่างร้อนรนรอไม่นานรถพยาบาลก็มาถึงและนำส่งโรงพยาบาลในทันที ในระหว่างที่ไปโรงพยาบาลกฤตคิดว่าเขาคงไม่รอดแล้วเขาเหนื่อยเหลือเกิน

“ไอ้กฤต ฟื้นสิวะ”กานตะโกนขึ้นเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณชีพดังขึ้นพยาบาลรีบเข้ามาช่วยปั๊มหัวใจในทันทีแล้วชีพจรก็กฤตก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อมาถึงโรงบาลก็รีบส่งเข้าห้องผ่าตัดในทันที

“ญาติคนไข้รอด้านนอกก่อนนะคะ”พยาบาลพูดขึ้นและรีบเข้าไปในห้องผ่าตัดในทันที

รอไม่ได้เจ้าของร้านที่เคลียร์ทุกอย่างเสร็จแล้วก็เดินทางมาถึงพอดี “เป็นอย่างไรบ้างกาน” เมื่อเดินมาถึงก็ถามกานขึ้นทันที

“ยังไม่รู้เลยครับแต่น้องหัวใจหยุดเต้นไปครั้งหนึ่งแล้ว”กานตอบเจ้าของร้านออกไปเมื่อได้ยินดังนั้นเจ้าของร้านก็ตกใจเป็นอย่างมากพูดคุยกันไปไม่นานทุกคนก็มานั่งรอที่ห้องฉุกเฉินเวลาผ่านไปแล้วไปเล่าหมอก็ไม่ออกมาสักที

“ญาติคุณอรงค์กร สิงห์การ อยู่ไหมค่ะ”พยาบาลเรียกขึ้นกานรีบเดินไปทันที

“น้องผมเป็นยังไงบ้างครับ”

“หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ เราพยายามสุดความสามารถแล้วแต่กระสุนโดนจุดสำคัญผู้ป่วยได้เสียชีวิตแล้วครับ”หมอพูดออกไปแบบนั้นทำให้กานและเจ้าของร้านตกใจเป็นอย่างยิ่งเพราะทุกคนรู้ดีว่าปีนี้กฤตก็จะเรียนจบแล้วกฤตเป็นที่รักของคนในร้านเพราะเป็นคนน่ารักและขยันทำงานเป็นอย่างมากไม่น่ามาอายุสั้นเพราะเรื่องแบบนี้เลย

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่แต่งนะคะชอบไม่ชอบตรงไหนแนะนำได้นะคะ ขอให้มีความสุขกับการอ่านค่ะ

ตอนที่ 2

กฤตตื่นขึ้นมาและนั่งมองไปรอบๆบริเวณที่เขาอยู่ที่นี่ที่ไหนกันเขาไม่คุ้นชินเลยสักนิดบ้านที่มี่ทั้งไม้และดินปนๆกันไปหลังคาที่ไม่รู้ว่าจะพังลงมาหรือไม่ไหนจะชุดที่ใส่อยู่นี้มันไม่ใช่ที่เขาเคยใส่เลยสักนิด กฤตยกมือขึ้นมาดูก็ตกใจนี่มือเด็กไม่ใช่หรือไงอะไรกันเขางงไปหมดแล้ว

”ซางจือพี่ชายเจ้าดีขึ้นแล้วหรือยัง”เขาได้ยินเสียงคนข้างนอกถามกันดังขึ้นกฤตค่อยๆเดินไปที่ประตูและแง้มประตูดู

”ไข้ลดลงบ้างแล้วขอรับท่านปู่”เด็กที่นั่งอยู่ตอบคนที่ชื่อว่าท่านปู่ขึ้น

”เฮ้ออ เจ้าซางเหยียนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหายป่วยบ่อยๆแบบนี้สะที”คนที่ถูกเรียกท่านปู่พูดขึ้น

”ท่านปู่ไม่ต้องเป็นห่วงนะขอรับข้าจะแข็งแรงและดูแลพี่ซางเหยียนอย่างดีเลย”เด็กที่ซางจือตอบออกไปพร้อมรอยยิ้ม

”ซางจือลูกเอาข้าวไปให้พี่ชายเจ้าที”มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเขามาและยื่นข้าวมาให้เด็กที่นั่งอยู่

”ได้ขอรับ”วางจือรับคำแล้วยกถ้วยข้าวต้มที่มารดายกมาให้แล้วหันไปทางห้องทันที กฤตที่เห็นเด็กคนนั้นกำลังเดินมาทางเขาก็รีบกลับไปนอนบนเตียงทันที “ท่านพี่ข้าเอาข้าวมาให้ขอรับ” ซางจือเมื่อเปิดประตูเข้ามาก็รีบเดินไปที่เตียงที่พี่ชายอยู่ทันที

”เอามาให้เราเหรอ”กฤตถามออกไปด้วยความงงๆ

”ใช่ขอรับ พี่ใหญ่ท่านพูดภาษาอะไรแปลกจริง”ซางจือมองพี่ชายอย่างงงๆ “รีบกินขอรับก่อนที่มันจะหายร้อน”ซางจือว่า กฤตเลยลุกขึ้นจากเตียงและรับชามข้าวมากินเงียบๆเมื่อซางจือเห็นว่าพี่ชายทานข้าวในชามหมดแล้วก็บอกให้นั่งรอสักครู่เดี่ยวเขาจะไปเอายามาให้

กฤตพยักหน้าอย่างไม่เข้าใจ นี่มันอะไรกันเนี้ยยิ่งคิดยิ่งปวดหัว “ท่านพี่ยามาแล้วรีบดื่มเร็วขอรับ”ซางจือเดินมาพร้อมถ้วยยา

”ทำไมมันขมแบบนี้”กฤตดื่มไปแค่อึกเดียวก็เบ้หน้าออกมา

”นี่มันยาดีนะขอรับขมไปหน่อยแต่ท่านจะได้หายป่วยไงขอรับ รีบดื่มเร็วเข้า”กฤตได้ยินแบบนั้นก็กลั้นใจดื่มจนหมดแล้วยื่นถ้วยคืนน้องชายออกไป “ท่านพี่พักผ่อนนะขอรับ มีอะไรเรียกข้าได้ข้าอยู่หน้าห้องนี่แหละ”ซางจือพูดจบก็รับถ้วยชาและเดินออกไปทันที กฤตได้แต่งง และนอนลงไปที่เตียงเช่นเดิมเพื่อจะเรียบรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขา

เขาทำงานอยู่ที่ผับแล้วโดนยิงไม่ใช่เหรอแล้วเขามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร กฤตคิดไปคิดมาไม่นานเขาก็ผล๊อยหลับไป

”สวัสดีพี่ชาย” กฤตที่หลับไปได้ยินเสียงเด็กเรียกเลยหันมองหา “ข้าอยู่ทางนี้ขอรับ” กฤตได้ยินแบบนั้นก็หันไปมอง

”เด็กน้อยเธอมาทำอะไรที่นี่”กฤตถามออกไป

”ข้าตายแล้วขอรับตอนนี้ท่านได้มาอยู่ในร่างของข้า ข้าฝากพ่อแม่และน้องชายกับท่านด้วยนะขอรับ”เด็กคนนั้นบอกกับกฤตออกมา

”เธอหมายความว่ายังไง ฉันงงไปหมดแล้ว”กฤตงงกับสิ่งที่เด็กคนนั้นบอกมา

”ข้าชื่อซางเหยียนขอรับ ข้าหมดอายุไขแต่ท่านยังมีกรรมที่ต้องชดใช้อยู่ที่อยู่ร่างเดิมไม่ได้ท่านเลยต้องมาใช้ร่างของข้าขอรับ”เด็กคนนั้นบอกมากฤตใช้ความคิดไม่นานและเริ่มทำความเข้าใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

”ได้ข้าจะดูแลพ่อแม่และน้องของเจ้าอย่าดีเจ้าอย่าห่วงเลยนะ”กฤตตอบเด็กที่ชื่อซางเหยียนออกไป

”ขอบคุณขอรับข้าต้องไปแล้ว อ่อ ถ้าท่านได้เข้าป่าให้ท่านเดินไปทางทิศตะวันตกเดินไปเรื่อยๆท่านจะเจอลำธารเมื่อท่านถึงแล้วให้ท่านหาต้นไม้ใหญ่คู่เห็นแล้วให้เดินไปท่านจะเจอโสมคนที่นั้นให้ท่านนำมันไปขายนะขอรับ นี่ถือว่าคำขอบคุณจากข้านะขอรับ”ว่าเสร็จเด็กคนนั้นก็หายไปในทันที

วันต่อมาซางเหยียนตื่นขึ้นเขารู้สึกว่าร่างกายของเขาดูเหมือนจะหายเป็นปกติแล้วจึงลุกจากเตียงเขาอยากออกไปดูว่าเขาพอจะทำอะไรได้บ้าง

”ซางจือเจ้าอยู่ไหน”เมื่อเปิดประตูออกมาซางเหยียนก็ตะโกนเรียกน้องชายในทันที

”ข้าอยู่นี่ขอรับ”ซางจือวิ่งมาหาพี่ชายทันที

”ทุกคนไปไหนหมดเหรอ”ซางเยียนถามขึ้น

”ท่านพ่อท่านแม่ขึ้นเขาไปหาของป่าขอรับ”ซางจือตอบออกมา

”ข้าอยากออกไปข้างนอก”ซางเหยียนบอกน้องชายออกไป

”ได้ขอรับ เราไปนั่งที่ลานหน้าบ้านกัน”ว่าจบซางจือก็เดินนำพี่ชายออกไปหน้าบ้านทันทีเมืื่อเดินออกมาซางเหยียนมองดูแล้วบ้านหลังนี้อยู่ติดกันกับบ้านอีก 2 หลังนั้นคงเป็นบ้านท่านลุงกับท่านปู่สินะ บ้านหลังนี้อยู่ท้ายหมู่บ้านไม่ห่างจากเขามากนักเป็นหมู่บ้านเล็กๆมีอยู่ราวๆ 30 กว่าครัวเรือนหมู่บ้านแห่งนี้ทำนาเป็นหลังและหาของป่ากินประทังชีวิตแต่ก็ไม่พอกินกันอยู่ดี

”ซางจือนอกจากเขาลูกนั้นมีเขาลูกอื่นๆอีกหรือไม่”ซางเหยียนถามน้องชายขึ้นเขายังจำคำพูดของเจ้าของร่างเดิมได้เรื่องโสมคน

"มีขอรับ" ซางจือตอบออกไป “มีเขาอยู่ประมาณ 3 เขาที่ชาวบ้านเราหากินกันอยู่ขอรับ”ซางจือตอบออกไป “เขาลูกนั้นติดทะเลด้วยนะพี่ใหญ่” ซางจือตอบพี่ชายออกมาซางเหยียนได้แต่คิดแล้วเขาที่เจ้าของร่างว่าเนี้ยมันเขาลูกไหนกันเล่า

”หืมม มีทะเลด้วยเหรอ”ซางเหยียนถามน้องชายออกไป

”ใช่ขอรับ”ซางจือตอบออกมา

”แล้วทำไมชาวบ้านไม่จับของทะเลมาทานละ”ซางเหยียนถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ

”ข้าก็ไม่รู้ขอรับ ต้องถามท่านปู่แล้วละ”ซางจือหันมาบอกพี่ชาย ซางเหยียนพยักหน้าเข้าใจ

”นี่ก็จะเที่ยงแล้วทำไมทุกคนไม่กลับมาทานข้าวละ”ซางเหยียนถามน้องชายออกมา

”เราไม่ทานอาหารเที่ยงกันนะขอรับเราทานแค่ตอนเช้าและตอนเย็นเท่านั้น”ซางจือตอบพี่ชายออกมา ซางเหยียนเข้าใจในทันทีว่าทำไมพวกเขาถึงตัวเล็กหัวโตกันแบบนี้กันไม่ได้ละเข้าต้องทำให้คนในบ้านได้ทานอาหารครบ 3 มื้อเพื่อสุขภาพของคนในครอบครัว แต่ก่อนอื่นต้องได้เดินสำรวจรอบๆหมู่บ้านนี้สะก่อน เริ่มจากป่าที่ติดหลังบ้านดีไหมนะ ซางเหยียนคิดในใจและหันไปมองน้องชายทันที

……………………………………………………………………………………………………….

ยังไม่ตรวจคำผิดนะคะ ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ

ตอนที่ 3

“ซางจือเราไปดูป่าติดกับบ้านเราดีหรือไม่”ซางเหยียนถามน้องชายขึ้น

“ไปกันขอรับ”ซางจือตอบกลับมาอย่างตื่นเต้น

“งั้นไปกัน”ซางเหยียนบอกน้องชายและเข้าไปเตรียมอุปกรณ์เพื่อเข้าป่า เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้วสองคนพี่น้องก็เดินเข้าป่าหลังบ้านทันที ซางเหยียนรู้สึกว่าที่นี่ร่มรื่นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

“ซางจือเจ้าเคยมาป่าแถบนี้หรือไม่"ขณะที่เดินดูบริเวณรอบๆซางเหยียนก็ถามน้องชายขึ้น

“มาขอรับแต่นานๆทีเพราะแถบนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้เก็บมาทานได้เลย”ซางจือตอบพี่ชายออกไป

“แต่ป่าที่นี้ก็อุดมสมบูรณ์ดีนะ ทำไมถึงบอกว่าไม่มีอะไรเก็บกินได้เลยเล่า”ซางเหยียนถามออกไปอย่างสงสัย

“ท่านพี่เดินมาทางนี้ขอรับ”ซางจือพูดเสร็จก็พาพี่ชายเดินไปอีกทางที่ไม่ไกลมากนักเป็นที่ลาดชันและมีต้นไม้เป็นพุ่มมากมาย นั้นมันไม่ใช่ต้นชาหรอกเหรอ ถึงจะดูรกไปบ้างแต่เขามั่นใจว่าใช่แน่ๆ ซางเหยียนรีบเดินไปดูในทันที ใช่จริงๆด้วยนี่มันต้นชา แล้วนั้นไม่ใช่ดอกเก๊กฮวยหรอกเหรอซางเหยียนยิ้มออกมาอย่างดีใจ นี่คือหนทางในการหาเงินของเขาไม่ใช่เหรอ

“พี่ใหญ่ท่านยิ้มหัวเราะอะไรอยู่คนเดียวขอรับ”ซางจือถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ

“พี่คิดหาทางทำเงินให้บ้านเราได้แล้วละซางจือ”ซางเหยียนบอกน้องชายออกมาอย่างดีใจ ใบชามีประโยชน์มากมายแถมนำมาแปรรูปเป็นสินค้าได้หลายอย่างมากมายไหนจะดอกเก๊กฮวยอีก มีทางหาเงินแล้วเรา

”หาเงิน หาจากไหนขอรับ”ซางจือพูดออกมาละมองหาสิ่งที่พี่ขายพูดขึ้น

”เจ้านี่ไงมันคือต้นชา และเจ้านั้นดอกเก๊กฮวยไงละ”ซางเหยียนบอกกับน้องชายออกไป

”ชาเหรอขอรับ มันคือต้นชาเหรอ”ซางจือถามออกมาอย่างตื่นเต้นเพราะที่หมู่บ้านของเขาไม่มีใครรู้จักต้นชารู้จักแต่ชาที่ตากแห้งมาแล้ว อีกอย่างชามีราคาแพงในหมู่บ้านจะซื้อชามาแค่ฉลองเท่านั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าต้นของชามีหน้าตาเป็นอย่างไร

”ใช่น่ะซิ มานี่เจ้าเก็บแค่ยอดมันนะแบบนี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่”ซางเหยียนเด็ดให้น้องชายดูและถามขึ้น

”เข้าใจขอรับ”ซางจือตอบรับพี่ชาย

จากนั้นสองพี่น้องก็ช่วยกันเก็บใบชาอย่างขยันขันแข็งเมื่อเก็บได้พอประมาณแล้วซางเหยียนก็บอกให้น้องชายพอก่อนและพาน้องชายไปเก็บดอกเก๊กฮวยต่อเมื่อได้จนพอใจเด็กน้อยทั้งสองก็เดินออกมาจากป่าเมื่อมาถึงบ้านซางเหยียนก็เห็นทุกคนนั่งอยู่หน้าบ้านแล้ว

”เจ้าสองคนหายไปไหนมา”ลี่อิงที่นั่งอยู่เอ๋ยถามลูกชายทั้ง 2 ขึ้น

”พวกเราเดินไปดูป่าหลังบ้านขอรับ”ซางเหยียนตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม

”เจ้าหายแล้วเหรอซางเหยียน”ลี่อิงได้ยินแบบนั้นก็เดินมาลูบหัวลูกชายและถามอย่างเป็นห่วง

”ข้าหายดีแล้วขอรับท่านแม่”ซางเหยียนตอบออกมาด้วยความซึ้งใจนี่นะหรือความเป็นห่วงจากครอบครัว เขาพึ่งจะเคยได้รับเป็นครั้งแรกช่างอบอุ่นยิ่งนัก

”แล้วนั้นพวกเจ้าได้อะไรมาเล่า”เป็นซางทังท่านปู่ของพวกเขาถามขึ้น

”ท่านปู่ๆ พวกข้าได้ใบชากับดอกเก๊กฮวยมาละขอรับ”ซางจือเมื่อได้ยินท่านปู่ถามขึ้นก็รีบวิ่งไปหาในทันที

”อะไรนะใบชา ดอกเก๊กฮวยในหมู่บ้านเรามีอะไรแบบนี้ด้วยรึ ข้าอยู่จนปูนนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน”ซางทังถามออกไปและทำหน้างงๆออกมา

”มีสิขอรับ นี่ไงพวกข้าได้มาเยอะเลย”ซางจือหยิบใบชาและดอกเก๊กฮวยออกมา

”เจ้านี่น่ะหรือที่เรียกว่าใบชา”ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างมาล้อมวงดู

”ใช่ขอรับถ้าเรานำใบชามาตากแห้งก็จะได้ชาขาว ถ้าเรานำไปคั่วก็จะได้ชาเขียวขอรับ ”ซางเหยียนเดินเข้ามาตอบ

”แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเจ้านี่คือใบชา”ซางทู่ที่เป็นท่านลุงถามขึ้น

”เอ๋ยยย คือว่าอ่อ ข้าเคยเจอพ่อค้าเร่บอกข้ามานะขอรับ”ซางเหยียนโกหกออกมาคำโต “และเขายังสอนข้าอื่นหลายอย่างเลยนะขอรับ”ซางเหยียนบอกออกไปเผื่อมีครั้งหน้าอีกทุกคนจะได้ไม่สงสัยเขาอีก

”มีช่วงที่เจ้าหายไปบ่อยๆเพราะงี้สินะ”ซางทู่ถามหลานออกมา ซางเหยียนได้แต่ยิ้มอ่อนๆกลับไป

”งั้นเรามาทำที่ตากชาก่อนดีไหมขอรับ”ซางเหยียนพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้น

”เป็นพรุ่งนี้แล้วกันนี่ก็จะค่ำแล้ว”ซางทู่กล่าวขึ้น

“แต่เราต้องตากวันนี้นะขอรับนี่ก็จะบ่ายสองแล้ว เรานำใบชาไปคั่วและมาตากกันเถอะขอรับ”ซางเหยียนบอกกับทุกคนเมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นลี่อิงก็พูดขึ้น

“งั้นเดี๋ยวแม่ไปช่วยเจ้า”เมื่อได้ยินแบบนั้นซางเหยียนและท่านแม่ก็ถือตะกร้าเข้าไปในครัว

“แล้วมันทำอย่างไรเล่า”ลี่อิงถามลูกชายขึ้น

“ท่านแม่ก่อไฟเลยขอรับแล้วนำกระทะมาตั้งเมื่อร้อนแล้วค่อยๆนำใบชาไปคั่วพลิกไปมาสัก 2-3 นาทีแล้วนำลงมาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนหมดนะขอรับ”ซางเหยียนบอกท่านแม่ออกไป

ลี่อิงเมื่อได้ยินลูกชายบอกแบบนั้นเธอก็เริ่มก่อไฟและทำการคั่วใบชาอย่างที่ลูกชายบอกในทันทีเมื่อทำการคั่วเสร็จแล้วซางเหยียนก็บอกให้ท่านแม่กดชาเสร็จแล้วก็ใส่กระด้งไปตากแดด

"ก็ทำไม่ยากนะแต่แค่มีขั้นตอนในการทำ แล้วดอกเก๊กฮวยละลูก"ลี่อิงเมื่อตากในชาเสร็จแล้วก็หันมาถามลูชายขึ้น

“นำมาตากเลยขอรับท่านแม่แต่อย่าให้ดอกมันทับกันนะขอรับ”เมื่อลูกชายบอกเสร็จลี่อิงกับซางเหยียนก็ช่วยกันทำและตากแดดในทันที

“ตอนเย็นเราค่อยมาเก็บนะขอรับ”ใบชาที่เก็บมาวันนี้ได 3 กระด้งและ ดอกเก๊กฮวยได้ 1 กระด้ง ถ้าทุกอย่างแห้งดีแล้วซางเหยียนจะลองเอาไปขายในอำเภอดูเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเหมยลี่กับซางเหยียนก็เดินมาหาทุกคน ลี่อิงเมื่อมาถึงก็ขอตัวเข้าไปทำอาหารเย็นช่วยพี่สะใภ้ในทันที

”พรุ่งนี้ข้าไปเก็บด้วยหรือไม่”ซางกู่ถามน้องชายทั้งสองขึ้น

”ได้ซิขอรับพี่ซางกู่” ซางเหยียนตอบออกมาซางกู่เป็นลูกของท่านลุง “ท่านพ่อขอรับป่าหลังบ้านเราซื้อได้ไหมขอรับ”เมื่อตอบพี่ชายแล้วซางเหยียนก็ถามท่านพ่อขึ้น

”ซื้อได้ไหมมันก็ซื้อได้อยู่ลูกแต่มันติดที่ว่าครอบครัวของเราไม่มีเงินนี่สิ”ซางอี้ตอบลูกชายออกมา

”งั้นข้าจะหาเงินมาซื้อป่าหลังบ้านเราให้ได้เลย”ซางเหยียนพูดออกไปอย่างตั้งใจเขาต้องรีบหาเงินมาซื้อที่ดินหลังบ้านก่อนที่ชาวบ้านจะรู้เรื่องต้นชาและดอกเก๊กฮวยให้ได้ “ท่านพ่อต้นชานอกจากที่นี่มีที่อื่นอีกไหมขอรับ”

“มีอีกนะ พ่อเคยเห็นอยู่แต่ที่เยอะก็ป่าติดบ้านเรานี่แหละลูก”ซางอี้ตอบกลับมา

“ขอรับ”ซางเหยียนตอบรับคำท่านพ่อมาและเปลี่ยนเรื่องคุยกันไปไม่นานท่านแม่ก็นำอาหารออกมาที่ลานหน้าบ้านและทานอาหารด้วยกันครอบครัวของเขาถือว่าเป็นครอบครัวใหญ่ถึงจะอยู่บ้านคนละหลังแต่ก็อยู่รั่วเดียวกันทุกคนรักใคร่ปรองดองกัน ทานข้าวก็จะทานร่วมกันและพูดคุยกันอย่างมีความสุข เมื่อทานข้าวเสร็จแล้วทักคนก็แยกย้ายกันเข้าบ้าน

”ท่านพี่ข้าขอไปอาบน้ำด้วย”ซางจือที่เดินตามเข้ามาพูดขึ้น

”ได้ งั้นเราไปเตรียมเสื้อผ้ากัน”เมื่อพูดเสร็จทั้งคู่ก็เดินเข้าห้องไปหยิบผ้าเพื่อที่จะไปอาบน้ำเขากับน้องชายนอนห้องเดียวกันเมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จซางเหยียนก็เดินเข้าไปหาท่านพ่อ

”ท่านพ่อว่างไหมขอรับ”ซางเหยียนถามขึ้น

”เจ้ามีอะไรกับพ่อหรือเปล่า”ซางอี้เงยหน้าขึ้นมาถามลูกชาย

”ท่านพ่อเคยเห็นลำธารบนเขาไหมขอรับ แถวๆลำธารมีต้นไม้ใหญ่สองต้นคู่กัน ท่านพ่อเคยเห็นไหมขอรับ”ซางเหยียนเดินเข้ามาและถามขึ้นในเมื่อไม่รู้ก็ถามท่านพ่อที่เข้าป่าบ่อยๆก็แล้วกันจะได้นำโสมไปขายมาซื้อที่ดิน

”อืมม ลำธารและต้นไม้ใหญ่ 2 ต้นเหรอ พ่อเคยเห็นอยู่นะเจ้าถามทำไมรึ”ซางอี้ถามลูชายออกมา

”พรุ่งนี้หลังจากทำที่เก็บใบชาและทำที่ตากใบชาแล้วพาข้าไปได้หรือไม่ขอรับ”ซางเหยียนบอกท่านพ่อออกไป

”ถ้าเจ้าอยากไปพ่อก็จะพาไป พรุ่งนี้ยังมีอะไรทำอีกมากเจ้ารีบไปนอนเถอะ”ซางอี้ตอบลูกชายออกไปและให้ลูกชายไปนอนพักผ่อน

”ขอรับ”เมื่อได้ยินแบบนั้นซางเหยียนก็ดีใจเป็นอย่างมากและรับเดินกลับห้องเพื่อที่จะไปในทันที

…………………………………………………………………………………………………………….

จบไปอีกหนึ่งตอน หวังว่าจะมีความสุขในการอ่านนะคะ

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ