หุ้น การลงทุน

เคลียร์ชัด! ‘ยื่นภาษี 2566’ ใครต้องยื่นภาษีบ้าง เงินเดือนเท่านี้ต้องเสียภาษีมั้ย?

The Bangkok Insight
อัพเดต 05 ธ.ค. 2566 เวลา 16.29 น. • เผยแพร่ 06 ธ.ค. 2566 เวลา 00.55 น. • The Bangkok Insight

เคลียร์ชัด!! ยื่นภาษี 2566 ใครต้องยื่นภาษีบ้าง เงินเดือนเท่านี้ต้องเสียภาษีเท่าไหร่ ใบ 50 ทวิ คืออะไร ตอบทุกคำถามคาใจที่นี่!!

การยื่นภาษี 2566 กับคำถามที่พบบ่อย สำหรับมนุษย์เงินเดือนหลายคน น่าจะคุ้นเคยกับการยื่นภาษี และจ่ายภาษีกันอยู่บ้างแล้ว แต่สำหรับคนที่เพิ่งยื่นภาษีครั้งแรก และมีคำถามเกี่ยวกับภาษีมากมาย เราได้รวบรวมข้อสงสัยสุดฮิตเกี่ยวกับการยื่นภาษีไว้ที่นี่

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ยื่นภาษี 2566

1. ใครบ้างที่ต้องยื่นภาษี

กฎหมายกำหนดให้ผู้มีรายได้ทุกคนต้องทำการยื่นภาษีเงินได้ประจำปี และหลายคนมักกลัวการยื่นภาษี เพราะคิดว่า เมื่อยื่นภาษีจะต้องเสียภาษีด้วย แต่ในความจริงแล้ว การที่คุณต้องยื่นภาษีไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องจ่ายภาษีเสมอไป ทั้งนี้เพราะ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
  • การยื่นภาษี เป็นเพียงการแสดงรายได้ที่ได้รับมาตลอดทั้งปีเท่านั้น โดยปกติการยื่นภาษีจะอยู่ในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม ของทุกปี
  • การเสียภาษี เป็นหน้าที่ของผู้เสียภาษีที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด กล่าวคือ คุณจะต้องเสียภาษีก็ต่อเมื่อมีเงินได้สุทธิเกิน 150,000 บาท เท่านั้น ซึ่งคุณสามารถคำนวณเงินได้สุทธิได้ง่ายๆ โดยคำนวณจาก

"เงินได้ตลอดทั้งปี - ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ฿100,000 – ค่าลดหย่อนส่วนตัว (฿60,000) – ค่าลดหย่อนเงินสมทบประกันสังคม (฿9,000) = เงินได้สุทธิที่ต้องเสียภาษี"

  • เงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ต้องทำการยื่นภาษีเท่านั้น ไม่ต้องเสียภาษี
  • เงินได้สุทธิเกิน 150,000 บาท ต้องทำการยื่นภาษีและเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนด

หมายเหตุ ค่าลดหย่อนเงินสมทบประกันสังคม อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามนโยบายของรัฐบาล โดนค่าลดหย่อนเงินสมทบประกันสังคม สำหรับการยื่นภาษี 2566 (ยื่นต้นปี 2567) เงินสมทบประกันสังคม ผู้ประกันตนมาตรา 33 จะอยู่ที่ 9,000 บาท (อ่านเพิ่มเติมที่ได้ ค่าลดหย่อนภาษี 2566)

ยื่นภาษี 2566
โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

2. เงินได้ คืออะไร?

เงินได้ คือ รายได้ที่เราได้รับจากการทำงาน ขายของ ขายของออนไลน์ ฯลฯ ไม่ว่ารายได้ของคุณจะเป็นเงินสด ทรัพย์สินหรือสิทธิประโยชน์ที่ตีราคาได้ เครดิตเงินปันผล ฯลฯ ล้วนเป็นเงินได้ที่ต้องเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ยกเว้นมีกฎหมายระบุไว้ว่า รายได้ของคุณได้รับการยกเว้นภาษี

3. เงินเดือนเท่านี้ ต้องเสียภาษีเท่าไหร่?

หากคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้จากงานประจำอย่างเดียว และเป็นผู้มีรายได้ทั้งปีไม่เกิน 120,000 บาท (หรือมีเงินเดือน 10,000 บาท) ไม่ต้องยื่นภาษี และมีการกำหนดขอบเขตของรายได้ที่ต้องยื่นภาษีและต้องเสียภาษีเพิ่มเติมไว้ดังนี้

  • เงินเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ไม่ต้องยื่นภาษี
  • เงินเดือนไม่เกิน 26,583.33 บาท ต้องยื่นภาษี แต่ไม่ต้องเสียภาษี
  • เงินเดือนมากกว่า 26,583.33 บาท ต้องยื่นภาษี และต้องเสียภาษี
  • ในกรณีที่มีเงินเดือนไม่เกิน 25,833.33 บาท และไม่ได้จ่ายเงินสมทบประกันสังคม ต้องยื่นภาษีแต่ไม่ต้องเสียภาษี
  • ในกรณีที่มีเงินเดือนเกิน 25,833.33 บาท และจ่ายเงินสมทบประกันสังคม ต้องยื่นภาษีและเสียภาษี

ยื่นภาษี 2566

หมายเหตุ

ค่าภาษีตามฐานเงินเดือนตามตารางข้างต้น คิดจากค่าลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท และเงินประกันสังคม 9,000 บาทเท่านั้น หากคุณมีสิทธิลดหย่อนภาษีอื่นๆ เพิ่มเติม ค่าภาษีที่ต้องจ่ายก็อาจจะลดลง รวมถึงโอกาสได้รับเงินคืนภาษีก็จะมากขึ้นด้วย

4. ใบ 50 ทวิ คืออะไร ขอได้จากใคร?

ใบ 50 ทวิ หรือ หนังสือหัก ณ ที่จ่าย คือ เอกสารที่ใช้ยืนยันว่าการรับเงินค่าจ้างของคุณถูกหัก ณ ที่จ่ายเรียบร้อยแล้ว และเป็นเอกสารที่ช่วยให้คุณยื่นภาษีได้ง่ายขึ้น เพราะคุณสามารถนำรายได้ที่ได้รับทั้งปีและภาษี ณ ที่จ่ายที่ถูกหักสะสม มากรอกยื่นภาษีได้ทันที ซึ่งคุณสามารถขอใบ 50 ทวิ หรือ หนังสือหัก ณ ที่จ่าย ได้จากบริษัท หรือ คนที่จ่ายเงินค่าจ้างให้คุณ

และไม่ว่าคุณจะมีรายได้จากการทำงานประจำเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือ เป็นฟรีแลนซ์ หรือประกอบอาชีพอิสระ ทุกครั้งที่ได้รับเงินค่าจ้างจากผู้ว่าจ้าง จะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย และต้องได้รับใบ 50 ทวิเหมือนกัน เพราะกฎหมายกำหนดไว้ว่า

กรณีทำงานประจำ

  • ทำงานจนถึงสิ้นปี นายจ้างหรือบริษัทจะต้องออกใบ 50 ทวิ ให้แก่ลูกจ้างภายในวันที่ 15 ก.พ. ปีถัดไป
  • ออกจากงานระหว่างปี นายจ้างหรือบริษัทจะต้องออกใบ 50 ทวิ ให้แก่ลูกจ้างภายใน 1 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออกจากงาน

กรณีเป็นคนทำงานอิสระ (Freelance) หรือมีรายได้อื่น ๆ

  • หากคุณเป็นฟรีแลนซ์ ประกอบอาชีพอิสระ หรือรายได้อื่นๆ คุณจะต้องได้รับใบ 50 ทวิทุกครั้งที่มีการรับเงิน เพราะกฎหมายกำหนดให้ผู้จ่ายเงินหรือผู้ว่าจ้าง ต้องออกใบ 50 ทวิ ให้ผู้รับเงิน หรือผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายทันที

5. เลขประจำตัวผู้เสียภาษี หาได้จากไหน?

  • เลขประจำตัวผู้เสียภาษี คือ เลขที่กรมสรรพากรกำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นฐานในการบริหารจัดเก็บภาษี และถูกระบุอยู่ที่ส่วนบนของหนังสือหัก ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) ที่คุณได้รับ เมื่อมีการจ่ายเงินค่าจ้างแก่คุณ โดยสามารถแบ่งออกเป็นเลขประจำตัวผู้เสียภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา คือ เลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือ เลขประจำตัวคนต่างด้าว
  • บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เลขทะเบียนนิติบุคคล ที่ออกโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ยื่นภาษี 2566

6. ความแตกต่างของ ภ.ง.ด. 90 กับ ภ.ง.ด. 91?

แม้ว่าภ.ง.ด. 90 กับ ภ.ง.ด. 91 คือแบบฟอร์มที่แสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่

  • ภ.ง.ด. 90 คือ แบบฟอร์มสำหรับผู้เสียภาษีที่มีรายได้อื่นๆ นอกเหนือจากการทำงานประจำหรือเงินเดือน
  • ภ.ง.ด. 91 คือ แบบฟอร์มสำหรับผู้เสียภาษีที่มีรายได้จากการทำงานประจำหรือเงินเดือนเพียงอย่างเดียว

7. เด็กจบใหม่ทำงานไม่ถึงปี ต้องยื่นภาษีมั้ย?

เด็กจบใหม่ทำงานไม่ถึงปีก็ต้องยื่นภาษี เพราะการยื่นภาษีเป็นเรื่องของรายได้ ไม่ใช่เรื่องของอายุหรือระยะเวลาการทำงาน และถึงแม้คุณจะเป็นเด็กจบใหม่ที่มีอายุงานยังไม่ครบ 1 ปี หรือมีอายุน้อยกว่า 18 ปี หากมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องยื่นภาษี ก็ต้องทำการยื่นภาษีเงินได้บุคคลประจำปีเหมือนผู้มีรายได้คนอื่นๆ

8. มีรายได้แต่ไม่ยื่นภาษีได้ไหม?

บอกก่อนว่า คุณจะได้รับการยกเว้นการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาก็ต่อเมื่อ คุณมีรายได้ตลอดทั้งปีไม่เกิน 120,000 บาท หรือมีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาทเท่านั้น แต่หากคุณมีรายได้ทั้งปีมากกว่า 120,000 บาท คุณจะต้องทำการยื่นภาษีทุกปี แม้ว่าจะมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีก็ตาม โดยกฎหมายได้กำหนดขอบเขตของรายได้ที่ต้องยื่นภาษีและต้องเสียภาษีเพิ่มเติมไว้ดังนี้

  • เงินเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ไม่ต้องยื่นภาษี
  • เงินเดือนไม่เกิน 26,583.33 บาท ต้องยื่นภาษี แต่ไม่ต้องเสียภาษี
  • เงินเดือนมากกว่า 26,583.33 บาท ต้องยื่นภาษี และต้องเสียภาษี
  • ในกรณีที่มีเงินเดือนไม่เกิน 25,833.33 บาท และไม่ได้จ่ายเงินสมทบประกันสังคม ต้องยื่นภาษีแต่ไม่ต้องเสียภาษี
  • ในกรณีที่มีเงินเดือนเกิน 25,833.33 บาท และจ่ายเงินสมทบประกันสังคม ต้องยื่นภาษีและเสียภาษี

สำหรับใครที่สงสัยว่า สรรพากรทราบรายได้ต่อปีของคุณได้อย่างไร? เราต้องบอกว่า สรรพากรมีข้อมูลรายได้ของผู้เสียภาษีทุกคนอยู่แล้ว เพราะบริษัทจะต้องทำการหัก ณ ภาษีที่จ่ายไว้ และบริษัทที่ว่าจ้างคุณจะต้องส่งข้อมูลการหัก ณ ที่จ่ายให้สรรพากรตามที่กฎหมายกำหนด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สรรพากรรู้ได้ไม่ยากว่า คุณมีรายได้เท่าไหร่ และมีรายได้จากบริษัทหรือนายจ้างคนไหนบ้าง

ยื่นภาษี 2566

9. รับเงินเดือนหรือค่าจ้างเป็นเงินสด ต้องยื่นภาษีไหม?

หลายคนมักจะเลือกรับค่าจ้างเป็นเงินสดเพราะไม่ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย และมีความเชื่อว่า การรับเงินสดจะทำให้สรรพากรไม่มีทางรู้ว่าคุณมีรายได้ตลอดทั้งปีเท่าไหร่ แต่ความเชื่อดังกล่าวอาจจะไม่ถูกนัก ทั้งนี้เพราะไม่ว่าคุณจะได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างแบบเงินสด หรือ ไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย แต่บริษัทที่จ่ายเงินค่าจ้างจะต้องส่งรายการค่าใช้จ่ายของบริษัทให้สรรพากร (รวมถีงข้อมูลเงินค่าจ้างของคุณด้วย) ทำให้สรรพากรก็สามารถรู้ได้ว่าทั้งปีที่ผ่านมาคุณมีรายได้จากบริษัทไหน เท่าไหร่บ้าง

และหากคุณมีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องยื่นภาษี แต่ไม่ยื่นภาษีเงินได้ประจำปีให้เรียบร้อย คุณจะมีความผิดตามกฎหมาย และมีโทษปรับทางอาญาสูงสุด 200,000 บาท จำคุกสูงสุด 1 ปี และในบางกรณีคุณอาจจะต้องเจอกับค่าปรับและเงินเพิ่มด้วย

10. ย้ายงานระหว่างปี ต้องยื่นภาษีอย่างไร?

สำหรับคนที่มีการเปลี่ยนงานระหว่างปีและไม่รู้ว่าต้องยื่นภาษีเงินได้ประจำปีอย่างไร คุณสามารถเลือกยื่นภาษีได้ดังนี้

  • ออกจากงานแล้วทำงานที่ใหม่ : คุณสามารถนำรายได้ที่ได้รับจากบริษัททั้ง 2 แห่ง เงินสมทบประกันสังคม ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย มาบวกรวมกันและยื่นภาษีได้เลย ส่วนหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (นายจ้างหรือบริษัท) ให้เลือกกรอกหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของบริษัทที่จ่ายเงินให้เราสูงที่สุดในปีนั้น
ยื่นภาษี 2566

11. ยื่นภาษีผิด ทำอย่างไรดี?

การยื่นภาษีผิดแทบจะเป็นเรื่องปกติของผู้เสียภาษี ไม่ว่าจะเป็น กรอกค่าลดหย่อนภาษีไม่ครบ, กรอกเงินได้ไม่ครบ ฯลฯ หากคุณยื่นภาษีไปแล้วก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะคุณสามารถยื่นภาษีใหม่อีกครั้งได้ด้วยการ เริ่มต้นยื่นภาษีใหม่ตั้งแต่ขั้นตอนแรก และคุณสามารถทำการยื่นภาษีใหม่กี่ครั้งก็ได้จนกว่าจะครบกำหนดเวลาการยื่นภาษี

  • ยื่นภาษีแบบกระดาษ ได้ตั้งแต่ 1มกราคม – 31 มีนาคม 2566
  • ยื่นภาษีออนไลน์ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 8 เมษายน 2566

11.1. กรณียื่นภาษีออนไลน์

คุณสามารถกรอกข้อมูลใหม่ ซึ่งระบบจะเตือนว่า คุณทำการยื่นภาษีเรียบร้อยแล้ว ให้เลือก “การยื่นเพิ่มเติม” และแก้ไขเป็นข้อมูลรายได้ที่ถูกต้อง ในกรณีที่คุณทำการยื่นภาษีเพิ่มเติม เราแนะนำให้คุณตรวจสอบรายละเอียดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลรายได้ ข้อมูลค่าลดหย่อน จำนวนภาษีที่ถูกหักไว้ ให้ครบถ้วน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเริ่มต้นยื่นภาษีใหม่อีกครั้ง

11.2. ยื่นภาษีผิด ได้เงินคืนภาษีแล้ว ต้องทำอย่างไร?

ส่วนใครที่ยื่นภาษีผิดและได้รับเงินคืนภาษีจากสรรพากรเรียบร้อยแล้วแต่พบว่า

  • ได้รับเงินคืนภาษีมากกว่า ติดต่อกับเจ้าหน้าที่สรรพากรเขตพื้นที่สาขา แจ้งความผิดพลาดที่เกิดขึ้น จากนั้นสรรพากรจะพิจารณาคืนเงินภาษีตามการยื่นภาษีครั้งใหม่ให้แก่คุณ
  • ได้รับเงินคืนภาษีไม่ครบ เจ้าหน้าที่สรรพากรจะทำการโอนเงินคืนภาษีในส่วนที่เหลือให้คุณอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่สรรพากรพิจารณาแบบแสดงรายการภาษีที่คุณยื่นแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

แต่บอกก่อนว่า ในกรณีที่คุณต้องได้รับเงินคืนภาษี แต่ยื่นภาษีผิด อาจจะทำให้คุณได้รับเงินคืนภาษีช้ากว่าเดิม เพราะเจ้าหน้าที่ต้องทำการตรวจสอบแบบภาษีที่คุณยื่นใหม่อีกครั้ง จึงเป็นเหตุผลให้คุณได้รับเงินคืนภาษีช้านั่นเอง

12. ยื่นภาษีไว แต่ทำไมได้เงินคืนภาษีช้า สาเหตุที่ทำให้คุณได้เงินคืนภาษีช้านั้นประกอบไปด้วย

  • ยื่นภาษีไม่ครบ เช่น กรอกรายได้ไม่ครบถ้วน ทำให้สรรพากรต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบว่า รายได้ที่คุณยื่นมา ตรงกับข้อมูลที่สรรพากรมีหรือไม่
  • เอกสารไม่ครบ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารยืนยันรายได้ หรือเอกสารเกี่ยวกับการใช้สิทธิค่าลดหย่อนภาษี ฯลฯ และแน่นอนว่า หากคุณเตรียมเอกสารครบถูกต้องทุกอย่าง คุณก็จะได้รับเงินคืนภาษีเร็วตามไปด้วย
  • ไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์ (PromptPay) เจ้าหน้าที่สรรพากรจะทำการโอนเงินคืนภาษีในส่วนที่เหลือให้คุณอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่สรรพากรพิจารณาแบบแสดงรายการภาษีที่คุณยื่นแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

ทั้งหมดนี้คือ 12 ข้อข้องใจสุดฮิตของผู้เสียภาษีที่เรารวบรวมมาให้คุณ เพื่อให้คุณสามารถเตรียมตัวสำหรับการยื่นภาษี 2566 (ยื่นภาษีต้นปี 2566) และเริ่มวางแผนทางการเงินสำหรับการช้อปสินค้าลดหย่อนภาษี และการจัดการจ่ายภาษีได้อย่างราบรื่น

ขอบคุณข้อมูลจาก ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 1
  • Dit
    ยื่นไปแต่ยังไม่ได้คืน ต้องทำยังไงครับ
    08 ธ.ค. 2566 เวลา 16.16 น.
ดูทั้งหมด