5 วิธีเอาตัวรอด ในวันที่ไม่มีกระเป๋าสตางค์

สมัยนี้จะเดินทางออกจากบ้านไปไหนทีล้วนต้องมีค่าใช้จ่ายกันทั้งนั้น ทั้งค่ารถรา ค่าอาหาร ค่าช้อปปิ้ง ออกไปหากาแฟกินสักแก้วก็เสียสตางค์อย่างน้อยก็หลักร้อย แต่หากวันนั้นดันเป็นคราวเคราะห์ที่คุณลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ในรถ หรือกระเป๋าสตางค์หายเดือดร้อนต้องแจ้งความและจะเอาชีวิตรอดจากวันนั้นได้อย่างไร เรามี 5 วิธีมาให้เป็นทางเลือก

เลือก ‘แสกนจ่าย’

สมัยนี้โชคดีที่หลายร้านมีการตั้งคิวอาร์โค้ดสำหรับจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชั่นของธนาคาร เรียกว่าไม่จำเป็นจะต้องควักเงินสดในกระเป๋าออกมาเลยด้วยซ้ำ ซึ่งหากวันนั้นคุณไร้เงินสดก็สามารถจ่ายค่าอาหารหรือซื้อของได้แค่มีแอปของธนาคารในโทรศัพท์มือถือ

ลองขอใช้การ ‘โอน’

ใช่ว่าทุกร้านจะมีคิวอาร์โค้ดรองรับการจ่ายเงิน แต่โลกก็ไม่โหดร้ายเสมอไป ในบางร้านที่ใจดี พ่อค้า-แม่ค้าอาจให้โอนเข้าบัญชีโดยตรงผ่านบัญชีพร้อมเพย์และทำการถ่ายรูปหน้าจอสลิปโอนเงินเก็บไว้เป็นหลักฐาน เท่านี้ก็รอดไปได้อีกหนึ่งมื้อ

‘กดเงินไม่ใช้บัตร’

หลายคนคงลืมไปว่าเดี๋ยวนี้แอปพลิเคชั่นของธนาคารส่วนใหญ่มีระบบรองรับการโอนเงินโดยไม่ใช้บัตร เพียงหาตู้ของธนาคารเดียวกับบัญชีที่มีก็สามารถกดเงินสดออกมาใช้ได้ รอดตายแล้ว

โทรยืมเงินจากคนใกล้ชิด

ประยุกต์จากข้อที่แล้ว ในกรณีที่ตัวเลขเงินในบัญชีช่างน่าเวทนา อาจต้องเดือดร้อนคนที่บ้านช่วยโอนเงินเข้าบัญชีมาให้ นอกจากนี้แอปพลิเคชั่นของบางธนาคารก็สามารถช่วยได้ แค่มีหมายเลขเบอร์โทรกับรหัส OTP ที่เจ้าของบัญชีจะต้องเป็นคนบอก คุณก็สามารถกดเงินสดออกมาได้ โดยคนที่บ้านไม่ต้องรีบวิ่งมาหา

ให้ ‘แอปพลิเคชั่น’ พาคุณเดินทางกลับบ้าน

เงินไม่มี จะกลับบ้านได้อย่างไรล่ะทีนี้ อาจต้องลองให้แอปเรียกรถช่วยพาคุณส่งถึงบ้านหักผ่านบัตรเครดิต หรือหากที่บ้านมีคนอยู่ก็อาจลงไปเรียกให้มาช่วยจ่ายให้ก่อน ยังไงค่ารถก็จ่ายปลายทางอยู่แล้ว

*เคล็ดลับ : การลืมกระเป๋าสตางค์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว สามารถเกิดขึ้นได้ในวันที่เร่งรีบ หรืออาจเป็นวันดวงกุดทำกระเป๋าสตางค์หาย เคล็ดลับรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าแบบนี้ขอแนะนำให้เก็บเงินแยกไว้หลายๆที่ เช่นอาจมีแบงค์ร้อยในซอกกระเป๋าถือ หรือจะเก็บเหรียญรวมไว้ใส่กระปุกในรถ เผื่อเคราะห์หามยามร้าย เศษเงินที่รวมไว้จะสามารถช่วยชีวิตยามคับขันได้เหมือนกันนะ

**รู้หรือไม่ : ยังมีบริการบางอย่างที่สามารถค้างค่าชำระไว้ก่อนได้ หนึ่งในนั้นก็คือ ‘ค่าทางด่วน’ ซึ่งหากคุณไร้เงินสดติดตัวมาจริงๆ เจ้าหน้าที่ประจำด่านจะบันทึกรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ยี่ห้อรถ, ทะเบียนรถ และวันเวลาที่ผ่านด่านเอาไว้ โดยคุณสามารถนำเงินมาชำระที่ด่านเดิมได้ภายใน 7 วัน โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าปรับใดๆ แต่หากไม่ได้กลับไปชำระค่าผ่านทางภายใน 7 วัน จะมีจดหมายแจ้งเตือนไปถึงบ้าน ขอให้รีบนำจดหมายดังกล่าวไปชำระค่าผ่านทางที่ด่านใดก็ได้ภายใน 30 วัน หรือตามที่ระบุไว้ในจดหมาย มิเช่นนั้นอาจมีค่าปรับเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลยเชียว