อิวาตะ (Iwate) เป็นชื่อของหนึ่งในจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคโทโฮคุ ซึ่งอยู่ถัดจากโตเกียวขึ้นไปทางด้านบน สำหรับภูมิภาคนี้ได้ชื่อว่าเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ใกล้กับภูมิภาคฮอกไกโด โดยจุดเด่นของภูมิภาคนี้คือล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ และมีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์มากมายที่หาไม่ได้จากที่ไหน หากใครที่เบื่อกับทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยตึกสูง หรืออยากหลบหนีความวุ่นวายจากบรรยากาศในเมืองล่ะก็เราขอแนะนำให้มาเยือนที่นี่เลยค่ะ
จังหวัด Iwate เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่รองลงมาจากเกาะฮอกไกโด แต่ละเมืองในจังหวัดนี้จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลาย นอกจากนี้ ยังมีสถานท่องเที่ยวทางศาสนา อาทิ วัดเก่าแก่หลายแห่งซึ่งล้วนแล้วแต่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และยังได้รับการกล่าวขาญว่าเป็นมรดกโลกอีกด้วย และฤดูกาลที่ควรค่าแก่การไปเยือนมากที่สุดคือ "ช่วงฤดูใบไม้ร่วง" หรือ "ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี"
สำหรับการเดินทางไปจังหวัด Iwate นั้นง่ายนิดเดียวค่ะ เพียงแค่นั่งรถไฟชิงคันเซ็นจากโตเกียวโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง และครั้งนี้เราได้เลือกนั่งไปลงที่สถานีรถไฟอิชิโนะเซคิ (Ichinoseki Station) โดยราคาค่าโดยสารสำหรับตู้ Non-Reserved Seat อยู่ที่ราคา 12,530 เยน/เที่ยว หากเป็นตู้ Reserved Seat อยู่ที่ราคา 13,060~13,480 เยน/เที่ยว (ราคาเปลี่ยนแปลงโดยขึ้นอยู่กับขบวนรถไฟที่ขึ้น)
- โซน Ichinoseki -
ล่องเรือชมใบไม้เปลี่ยนสี Geibikei Gorge
หากใครที่ชื่นชอบการล่องเรือหรือทริปแบบชิลล์ ๆ ไม่ควรพลาดกับหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของจังหวัด Iwate กับหุบเขาเกบิเค (Geibikei Gorge) สถานที่ดังกล่าวนั้นเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอันเลื่องชื่อ โดยคุณจะได้ล่องเรือผ่านช่องแคบระหว่างหุบเขา ซึ่งมีแม่น้ำอิวาอิ (Iwai River) ไหลผ่าน หากเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือช่วงฤดูหนาว ควรเตรียมเสื้อผ้าหนา ๆ ถุงมือและผ้าพันคอมาด้วย เพราะอากาศค่อนข้างหนาวเย็นเลยทีเดียวค่ะ
สำหรับการล่องเรือนั้นเราจะได้นั่งเรือร่วมกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ลักษณะเรือเป็นเรือไม้สุดวินเทจสามารถบรรจุนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 30 คน ใช้ระยะเวลาต่อรอบประมาณ 1 ชั่วโมง หลายคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้อาจจะคิดในใจว่า "นานไปรึเปล่านะ" แต่ต้องบอกเลยค่ะว่าหากทุกคนได้สัมผัสกับความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสี และฟังเรื่องราวของหุบเขาเกบิเคจากสต๊าฟบังคับเรือแล้วล่ะก็ รับรองว่าจะเพลิดเพลินจนลืมเวลาอย่างแน่นอนค่ะ
นอกจากการนั่งล่องเรือเฉย ๆ แล้ว ณ บริเวณทางขึ้น-ลงเรือยังมีอาหารสำหรับนกเป็ดน้ำจำหน่ายอีกด้วย เพราะขณะที่คุณล่องเรืออยู่นั้นจะมีฝูงนกเป็ดน้ำคอยว่ายน้ำตามเรือไปตลอดทาง น่ารักสุด ๆ ไปเลยล่ะค่ะ
เมื่อล่องเรือไปจนถึงข้างในจะมีจุดแวะจอดพักที่ถ้ำบิชามน (Bishamon Cave) ประมาณ 20-25 นาที หากเดินไปจนถึงด้านในสุดจะพบกับจุดโยน "ก้อนหินหรือลูกบอลแห่งโชคลาภ" ซึ่งหากใครสามารถโยนก้อนหินดังกล่าวให้เข้าไปในช่องหินได้ล่ะก็เชื่อกันว่าคำอธิษฐานของคุณจะเป็นจริง
ก่อนอื่น อันดับแรกเลยเราต้องไปเลือกก้อนหินกันก่อนค่ะ สำหรับ 100 เยนจะสามารถหยิบได้ 5 ก้อน โดยแต่ละกองก็จะมีความหมายแตกต่างกันไป ที่นี่มีป้ายภาษาต่างประเทศ รวมถึงภาษาไทยกำกับด้วย ใครที่อยากจะลองไปโยนดูล่ะก็ต้องฝึกกำลังแขนกันสักหน่อยนะคะ เพราะการจะโยนให้เข้าช่องหินนั้นยากกว่าที่คิดค่ะ
- ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (มัธยมต้นขึ้นไป) 1,800 เยน, เด็ก (ประถม) 900 เยน
- เวลาเปิดให้บริการ : 8:30 น. – 16:30 น. (เรือออกรอบสุดท้าย 15:00 น.)
- โลเคชั่น Geibikei Gorge : https://goo.gl/maps/ZjS3LbrmuZpoUtit8
เดินชมใบไม้เปลี่ยนสี Genbikei Gorge และสัมผัสประสบการณ์ทานขนมดังโงะสไตล์ใหม่ Kakko Dango
ร่องผาเกนบิเค (Genbikei Gorge) เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่เราอยากแนะนำให้นักท่องเที่ยวที่มีโอกาสได้มาเยือนจังหวัดIwate แวะมามากที่สุด เนื่องจากคุณจะได้เต็มอิ่มกับการเดินชมทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีท่ามกลางริมแม่น้ำร่องผา Genbikei ไม่ว่าจะมองไปทางไหนจะเจอแต่ใบไม้สีส้ม สีแดงหลากสีสันที่รับรองว่างดงามราวกับหลุดไปอยู่ในหนังเลยล่ะค่ะ ใครที่เป็นสายถ่ายรูปอาจจะเผลอใช้เวลาอยู่ที่นี่ครึ่งวันเลยก็เป็นได้
นอกจากการชมใบไม้เปลี่ยนสีแล้ว ที่นี่ยังมีไฮไลท์แสนน่ารักที่เราอยากจะแนะนำให้คุณได้สัมผัส นั่นก็คือ คักโคดังโงะ (Kakko Dango) หรือชื่อภาษาอังกฤษเรียกว่า Flying Dango ก็คือการสั่งดังโงะแบบชักรอกส่งจากอีกฟาก เพียงแค่คุณวางเงินลงไปในตะกร้าที่ตั้งไว้ตามราคาแล้วใช้ค้อนเคาะที่ป้ายไม้ให้ดังประมาณ 2-3 ครั้ง ทางร้านจะชักรอกรับเงินและส่งขนมดังโงะพร้อมชาร้อน ๆ กลับมา
ดังโงะดังกล่าวมีถึง 3 รสชาติด้วยกันได้แก่ รสงาดำ รสโชยุ และรสถั่วแดง ครั้งแรกที่เราเห็นต้องร้องว้าว! เพราะไอเดียดีมาก ๆ เลยค่ะ เป็นสีสันที่หาไม่ได้จากที่ไหนเลยค่ะ
- โลเคชั่น Genbikei Gorge : https://goo.gl/maps/sueQB3v5MPAP7NRK9
รู้จักวัฒนธรรมทานโมจิของภูมิภาคโทโฮคุ Seikino-Ichi
ตามปกติแล้วเรามักจะคุ้นเคยกับการทานข้าวสวยกันใช่ไหมคะ แต่สำหรับที่ภูมิภาคโทโฮคุแห่งนี้มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไปคือคนส่วนใหญ่มักจะทาน "โมจิ" แทนข้าวสวยกันค่ะ และไม่ใช่เป็นการทานแบบขนมหวานทั่วไปนะคะ แต่เป็นการทานโดยนำมาผสมกับของคาวเป็นอาหารมื้อหลักเลย
ร้านอาหารที่เราจะแนะนำทุกคนในวันนี้ก็คือเซคิโนะอิจิ (Seikino-Ichi) เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ติดกับโรงผลิตสุรา และเมนู Signature ของทางร้านที่เราภูมิใจนำเสนอมากมีทั้งหมด 2 เมนูด้วยกันได้แก่ "Kaho Mochi Zen" และ "Ichinoseki Ushi Karashi Soup"
Kaho Mochi Zen เป็นเมนูเซ็ตที่ประกอบไปด้วยโมจิ 9 ทั้งชนิดมาคู่กับผักดองกับแกล้มและเหล้าหวาน หากใครได้เห็นแล้วจะต้องตะลึงกับความอลังการของเซ็ตนี้อย่างแน่นอนค่ะ สำหรับลูกเล่นของเมนูนี้ก็คือหนึ่งในก้อนโมจิทั้ง 9 ชิ้นจะมีกิ่งไม้ฮากิซ่อนอยู่ข้างใน เชื่อกันว่าถ้าสุ่มกินโมจิแล้วเจอกิ่งไม้ตั้งแต่ถ้วยแรก แสดงว่าวันนั้นจะโชคดี โดยเมนูนี้ราคา 2,000 เยนค่ะ
ส่วนอีกเมนูคือ Ichinoseki Ushi Karashi Soup หรือเมนูเซ็ตโมจิกับซุปเนื้อวัวค่ะ เมนูนี้ก็อร่อยไม่แพ้กันเลย เพราะเนื้อวัวดังกล่าวได้รับการปรุงรสชาติอย่างเข้มข้น เนื้อนุ่ม สามารถเข้ากับความเหนียวนุ่มของก้อนโมจิได้เป็นอย่างดี รสชาติเข้มข้น อร่อยมาก ๆ โดยเมนูนี้ราคา 1,500 เยนค่ะ
- เวลาเปิดให้บริการ : 11:00 น. - 15:00 น.
- โลเคชั่น Seikino-Ichi : https://goo.gl/maps/hrjVCj4iSYYVoXXS9
เต็มอิ่มกับเรียวกังและแช่ออนเซ็นที่ Itsukushi-en
มาญี่ปุ่นทั้งทีโรงแรมที่ขาดไม่ได้เลยก็คือโรงแรมสไตล์เรียวกังแบบญี่ปุ่นแท้กันใช่ไหมคะ ครั้งนี้เราจะมาแนะนำโรงแรมเรียวกังสุดหรูอย่างอิตสึคุชิเอ็น (Itsukushi-en) ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Ichinoseki จังหวัด Iwate ติดกับร่องผา Genbikei ที่เราได้แนะนำไปข้างต้นเลยค่ะ ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งบริการอาหารค่ำ อาหารเช้า เหมาะกับการมาพักผ่อนกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงเป็นอย่างมาก
ห้องพักในครั้งนี้เป็นแบบเสื่อทาทามิ ขนาดกว้างขวางมาก สามารถนอนได้ 4-5 คน มีระเบียงให้ชมวิว สามารถมองเห็นใบไม้เปลี่ยนสีและร่องผา Genbikei ได้จากในห้องเลย อีกทั้งยังมีให้บริการชุดยูกาตะ ออนเซ็นทั้งโซนในร่มและกลางแจ้งซึ่งเป็นอ่างไม้ฮิโนกิแบบรับลมข้างนอกอีกด้วย เรียกได้ว่างานนี้ฟินสุด ๆ ไปเลยล่ะค่ะ
- โลเคชั่น Itsukushi-en : https://g.page/itsukushien?share
- โซน Hiraizumi -
ชมวิหารท้าวเวสสุวัณในหน้าผา Takkoku no Iwaya Bishamon-do
หากเอ่ยถึงสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และพุทธศาสนา จุดที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือหอบิชามอน ถ้ำทัคโคคุโนะอิวะยะ (Takkoku no Iwaya Bishamon-do) ที่นี่เป็นอุโบสถที่สร้างขึ้นภายในถ้ำที่มีประวัติยาวนานประมาณ 1,200 ปี คุณสามารถไปชมสถาปัตยกรรมอันล้ำค่าได้พร้อมเพลิดเพลินกับอาคารเก่าแก่ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และทิวทัศน์ตามฤดูกาลที่สวยงาม
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองมรดกโลกก็คือเมืองฮิระอิซุมิ (Hiraizumi) จุดเด่นที่สำคัญก็คือหอท้าวเวสสุวัณที่สร้างขึ้นภายในถ้ำจึงถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ควรค่าแก่การแวะมาสักการะ นอกเหนือจาก Bishamon-do แล้ว ที่นี่ก็ยังมีอาคารเก่าแก่อีกหลายแห่งกระจายอยู่ คุณจึงสามารถแวะเยี่ยมชมอุโบสถที่เป็นที่รู้จักกันในฐานะเทพเจ้าแห่งโชคลาภเรื่องเงิน หรืออุโบสถที่มีพระพุทธรูปอันล้ำค่าประดิษฐานอยู่ภายในได้ค่ะ
- ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 300 เยน, มัธยมต้นและมัธยมปลาย 100 เยน, เด็กประถมเข้าฟรี
- เวลาเปิดให้บริการ : ช่วงเดือนพฤศจิกายน - มีนาคม 8:30 น. – 16:30 น. และช่วงเดือนเมษายน - ตุลาคม 8:30 น. – 17:00 น.
- โลเคชั่น Takkoku no Iwaya Bishamon-do : https://goo.gl/maps/mUmby1iQRUmXoZHj6
ตื่นตาตื่นใจไปกับความยิ่งใหญ่ของวัดมรดกโลก Chusonji และความงดงามของ Light Up ใบไม้เปลี่ยนสียามค่ำคืน
หากใครที่ได้มาเยือนในญี่ปุ่นแล้ว หนึ่งในทริปนั้นต้องมีแวะเวียนไปที่วัดหรือศาลเจ้าญี่ปุ่นอย่างแน่นอน สำหรับครั้งนี้เราจะแนะนำวัดจูซงจิ (Chusonji Temple) ซึ่งเป็นวัดที่ได้รับการลงทะเบียนเป็นหนึ่งในมรดกโลกทางวัฒนธรรมอันสำคัญที่ชาวพุธไม่ควรมองข้าม สำหรับวัด Chusonji เป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนานิกายเทนไดในภูมิภาคโทโฮคุ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 850 ที่นี่เป็นทั้งจุดสักการะบูชาพระพุทธรูป และยังเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมอีกด้วย
สำหรับทริปนี้เราได้พระชาวญี่ปุ่นชื่อ "ฮะเซกิ ชินโซ" หรือ "พระแจ็ค" มาแนะนำข้อมูลด้วยตนเอง จุดเยี่ยมชมที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ "วิหารสีทอง" ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1124 เป็นสมบัติของชาติ โดยอาคารนี้เป็นอาคารเดียวที่ยังคงเหลือเค้าเดิมอยู่จากการถูกเผาทำลายในช่วงศตวรรษที่ 14 จุดเด่นของวิหารสีทองดังกล่าวก็คือ ระหว่างที่เราเข้าเยี่ยมชมในตัววิหารจะมีเสียงคำบรรยายไทยประกอบด้วย ทำให้เราสามารถเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ในสมัยก่อนได้ไม่เบื่อเลยค่ะ
ฤดูกาลที่ควรค่าแก่การมาเยือนมากที่สุดคือช่วงฤดูใบไม้ร่วงในเดือนพฤศจิกายน เพราะเป็นช่วงเวลาตรงกับใบไม้เปลี่ยนสีพอดี และไฮไลท์ที่สำคัญมากที่สุดก็คือ "Light Up Koyo Ginga" ในยามค่ำคืนนั่นเองค่ะ โดยเทศกาล Light Up ปีนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม ไปจนถึงวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน
ปกติแล้ว Light Up ใบไม้เปลี่ยนสีค่อนข้างหาชมได้ยากค่ะถ้าไม่ไปตามต่างจังหวัด และสำหรับเทศกาล Light Up ที่วัด Chusonji แห่งนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ ค่ะ แสงสีในยามค่ำคืนตัดกับใบเมเปิ้ลสีแดงสีส้คัลเลอร์ฟูลสุด ๆ เรียกได้ว่าทิวทัศน์ในยามกลางวันกับยามค่ำคืนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย
นอกจากในช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ที่นี่ก็ยังมีจัดเทศกาลต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละฤดูกาล ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินได้ตลอดทั้งปีเลยล่ะค่ะ ใครที่มีโอกาสได้มาเยือนจังหวัด Iwate ล่ะก็อย่าลืมบุคมาร์ควัด Chusonji เข้าไปอยู่ในลิสต์แพลนของคุณกันนะคะ
- ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 800 เยน, มัธยมปลาย 500 เยน, มัธยมต้น 300 เยน, เด็กประถม 200 เยน
- เวลาเปิดให้บริการ : ช่วงเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ 8:30 น. – 16:30 น. และช่วงเดือนมีนาคม - ตุลาคม 8:30 น. – 17:00 น.
- โลเคชั่น Chusonji : https://goo.gl/maps/dcDDFfYwUGLaLrEt5
ชมความงามของมรดกโลกกับวัด Motsuji
วัดโมซือจิ (Motsuji Temple) นั้นเป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานพิเศษระดับชาติและยังเป็นมรดกโลก จึงได้ชื่อว่าเป็นจุดที่ขาดไม่ได้สำหรับการท่องเที่ยวในภูมิภาคโทโฮคุ ที่นี่เป็นวัดเก่าแก่ที่ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 850 กล่าวกันว่าในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดนั้นเคยเป็นวัดขนาดใหญ่ที่มีสิ่งปลูกสร้างและอารามต่าง ๆ กว่า 40 แห่งและมีพระสงฆ์นับ 500 รูป แต่ทว่าหลังจากเกิดภัยพิบัติหลายครั้ง ทำให้อาคารทุกหลังก็ถูกไฟไหม้จนหมด
เมื่อเข้ามาแล้วคุณจะพบกับสวนโจวโด (Jodo) ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับเดินเล่นหรือชมใบไม้เปลี่ยนสี บริเวณสวนที่ด้านหน้าของอุโบสถทอง มีการสร้างสระโออิซุมิกะอิเคะ (Oizumigaike) เป็นจุดศูนย์กลาง ที่นี่นับเป็นสวนสำคัญที่ว่ากันว่า มีการออกแบบและใช้เทคนิคในการจัดสวนที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น
พื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างกว้างขวางและใหญ่มาก มีทั้งเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมายที่ยังเหลือร่องรอยให้ได้ศึกษาอยู่ และถ้าหากมาเยือนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน คุณจะได้สัมผัสกับทิวทัศน์ของสระน้ำใสสะอาดที่สะท้อนเงาใบเมเปิ้ลหลากสีสัน สวยสุด ๆ ไปเลยล่ะค่ะ
- ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน, มัธยมปลาย 300 เยน, มัธยมต้นและเด็กประถม 100 เยน
- เวลาเปิดให้บริการ : ช่วงเดือนพฤศจิกายน - มีนาคม 8:30 น. – 16:30 น. และช่วงเดือนเมษายน - ตุลาคม 8:30 น. – 17:00 น.
- โลเคชั่น Motsuji : https://goo.gl/maps/qh6YYxi8j4sfHRjq7
สนุกกับกิจกรรมวาดรูปประดับบนเครื่องเขิน ณ ร้าน Ochiya
สำหรับใครที่พาคุณน้อง ๆ หนู ๆ มาด้วยควรแวะมาที่ร้านจำหน่ายเครื่องเขินอย่างโอชิยะ (Ochiya) เลยค่ะ เพราะที่นี่มีกิจกรรมสนุก ๆ ที่เด็ก ๆ และผู้ใหญ่สามารถเข้าร่วมด้วยกันได้ นั่นก็คือ "การวาดรูปประดับบนเครื่องเขิน"
กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่จะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และทักษะเฉพาะตัวเล็กน้อย ในการรังสรรค์ผลงานชิ้นเอก โดยจะมีสต๊าฟคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แต่เมื่อทำเสร็จแล้วจะไม่สามารถนำกลับบ้านได้ทันที เพราะว่ากว่าสีจะแห้งต้องใช้เวลาประมาณ 3 วัน ดังนั้น ต้องใช้บริการส่งไปรษณีย์ตามไปทีหลังค่ะ โดยคุณสามารถเลือกให้ส่งไปยังโรงแรมที่คุณพักก็ได้
นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเครื่องเขินสวย ๆ อีกมากมายวางจำหน่ายด้วย หากใครสนใจซื้อติดไม้ติดมือเป็นของที่ระลึกล่ะก็อย่าลืมแวะกันนะคะ
- โลเคชั่น Ochiya : https://goo.gl/maps/qmbdUHnepx1iUnNK8
แวะเติมพลัง ทานโซบะกันที่ Bashokan
อาหารญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อนอกจากซูชิ ซาชิมิแล้วก็ยังมีโซบะที่อยากให้คุณได้ลิ้มลองกัน ครั้งนี้เราได้มีโอกาสไปทานโซบะที่ร้านบะโชคัง (Bashokan) เพื่อเติมพลังจากการที่ลุยมาทั้งวันกันหน่อย โดยร้านโซบะร้านนี้เป็นร้านที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงมากในเมือง Hiraizumi โดยเมนูโซบะดังกล่าวเสิร์ฟมาพร้อมกับเซ็ตของชุบแป้งทอดมีทั้งกุ้งและผักมาคู่กับเครื่องเคียงต่าง ๆ ที่เรียกว่ามีความญี่ปุ่นสุด ๆ
จุดเด่นเลยก็คือทางร้านไม่เสิร์ฟเส้นโซบะเป็นถ้วยใหญ่ให้นะคะ แต่จะแบ่งเป็นถ้วยเล็กทั้งหมด 12 ถ้วย โดยให้มาจุใจถึง 2 ถาดด้วยกัน แน่นอนว่าแต่ละคนนี่ทานได้หมดถาดเดียวก็เก่งแล้วค่ะ
- เวลาเปิดให้บริการ : 10:00 น. - 15:00 น.
- โลเคชั่น Bashokan : https://goo.gl/maps/rf9o6F4WctTAzLBJ7
ประสบการณ์ Homestay ที่หาไม่ได้จากที่ไหนกับ Minpaku Hiraizumi
หากใครที่เบื่อกับการนอนโรงแรมแบบเดิม ๆ แล้วอยากลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ เราขอให้คุณลองเลือกที่พักแบบ "Homestay" ค่ะ การพักสไตล์ Homestay หมายถึงการพักอาศัยอยู่ในบ้านร่วมกับเจ้าของ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าคุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง แถมยังได้ฝึกใช้ภาษาญี่ปุ่นอีกด้วยนะคะ หรือใครที่พูดญี่ปุ่นไม่ได้กลัวสื่อสารไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องกังวลเลย เพราะงานนี้แม้ภาษาจะเป็นอุปสรรค แต่เจ้าของบ้านจะดูแลและพยายามสื่อสารกับเราด้วยความจริงใจสุด ๆ
สำหรับมินปาคุ ฮิราอิสุมิ (Minpaku Hiraizumi) เป็นเกสต์เฮาส์กึ่งโฮมสเตย์ที่มีห้องแบ่งเป็น 2 ประเภทคือห้องแบบญี่ปุ่น 2 ห้องที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อน (สามารถเข้าพักได้สูงสุด 6 คน) และห้องแบบเตียงทั่วไปเหมือนบ้านคนญี่ปุ่น (สามารถเข้าพักได้ 1-2 คน) โดยเจ้าของเป็นคุณลุงและคุณป้าสามีภรรยาแสนอารมณ์ดีและใจดีมากเลยล่ะค่ะ ที่สำคัญทั้งคุณลุงและคุณป้าต่างมีประสบการณ์ให้บริการแขกต่างชาติมาแล้วนับไม่ถ้วน จึงคุ้นเคยกับชาวต่างชาติที่ไม่สามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี
สำหรับที่พักที่นี่มีบริการอาหารเช้า คือเป็นเซ็ตอาหารเช้าสไตล์ญี่ปุ่น หากใครไม่อิ่มสามารถขอเติมข้าวหรือซุปมิโซะได้เรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังมีชา กาแฟให้บริการหลังมื้ออาหารอีกด้วย ความรู้สึกอบอุ่นมากเหมือนเราไปเที่ยวบ้านญาติคนญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ
เรื่องการบริการและความใส่ใจเราให้เต็มร้อยสมกับเป็นการบริการสไตล์ญี่ปุ่นจริง ๆ แม้จะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ที่ได้มีโอกาสไปพักก็ตาม แต่ตอนจากกันก็รู้สึกเหงาเล็กน้อยเหมือนกันค่ะ ถ้าครั้งหน้ามีโอกาสได้ไปเยือนจังหวัดอิวาเตะอีกล่ะก็ จะต้องกลับไปเยี่ยมคุณลุงคุณป้าอีกแน่นอน
- โลเคชั่น Minpaku Hiraizumi : https://goo.gl/maps/U3mmNMwrxQubSFPA9
- โซน Mizusawa -
สัมผัสฝูงม้าระยะประชิดพร้อมกับเรียนรู้วิธีขี่ม้า ณ Hinata Farm
กิจกรรมนี้เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของทริปในครั้งนี้เลย ซึ่งเราค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ที่รักสัตว์ต่างต้องชอบที่นี่อย่างแน่นอน แม้ว่าในประเทศไทยเองจะมีฟาร์มม้า หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่บ้านเราจะมีฝูงม้าให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปก็ตาม แต่ต้องบอกเลยว่าสำหรับฟาร์มที่นี่นั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงค่ะ เพราะไม่ใช่แค่การขึ้นไปบนหลังม้าเพื่อถ่ายรูปเฉย ๆ เพียงเท่านั้น แต่คุณจะได้เรียนรู้วิธีขี่ม้าและวิธีบังคับม้าอย่างแท้จริง
ฟาร์มฮินาตะ (Hinata Farm) เป็นฟาร์มม้าที่ตั้งอยู่ในโซนHiraizumi เมือง Oshu จังหวัด Iwate ที่นี่เป็นสถานที่เลี้ยงม้านานาพันธุ์ตามธรรมชาติ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้ โดยมีทั้งกิจกรรมให้อาหารม้าอย่างใกล้ชิด และเรียนรู้การขี่ม้ากับสต๊าฟผู้เชี่ยวชาญ สำหรับกิจกรรมขี่ม้าดังกล่าวแม้แต่เด็กประถมก็สามารถเข้าร่วมได้ค่ะ เหล่าฝูงม้าที่ฟาร์มนี้ล้วนแต่เชื่องและคุ้นเคยกับคนมากจึงไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับอันตรายเลย
อันดับแรก เราจะได้ขึ้นรถบริการของทางฟาร์มที่จอดรอเราอยู่แล้ว เพื่อเตรียมตัวให้อาหารม้ากันก่อน โดยสต๊าฟจะขับรถไปตามทางเรื่อย ๆ แล้วฝูงม้าก็จะวิ่งตามพวกเรา มีทั้งม้าสีขาว ม้าสีน้ำตาล ม้าสีดำและลูกม้า เป็นภาพที่น่ารักมาก ๆ นอกจากนี้ ความสนุกอีกอย่างหนึ่งก็คือความรู้สึกตอนที่นั่งอยู่บนรถนี่ล่ะค่ะ กระแทกเด้งไปเด้งมาเหมือนอยู่บนรถบั๊มพ์เลย
จากนั้นสต๊าฟก็จะจอดรถให้เราลงไปสัมผัสและใกล้ชิดกับฝูงม้าจริง ๆ โดยไม่มีแผงกั้นเหมือนที่ไหน เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่เราได้อยู่ท่ามกลางฝูงม้านับสิบตัวในระยะประชิดขนาดนี้ ตื่นเต้นสุด ๆ ไปเลย ช่วงนี้จะใช้ระยะเวลาประมาณ 15-20 นาทีค่ะ
หลังจากเต็มอิ่มกับการให้อาหารและเล่นกับฝูงม้ากันแล้ว อันดับต่อไปจะเป็นไฮไลท์ของที่นี่คือ "การขี่ม้า" ค่ะ สำหรับการขี่ม้าของที่นี่จำเป็นต้องสวมหมวกกันน็อค ถุงมือ และเสื้อเกราะเพื่อความปลอดภัยเสียก่อน แล้วจะมีสต๊าฟพาเราไปยังม้าที่ถูกเหลือ ในทริปนี้เรามีกันประมาณ 5-6 คน ซึ่งสต๊าฟจะดูแลเราแบบตัวต่อตัวเลยล่ะค่ะ
สำหรับครั้งนี้เป็นการขี่ม้าที่ได้ฝึกบังคับบังเหียนม้าด้วยตนเองเป็นครั้งแรก สต๊าฟจะสอนเราตั้งแต่วิธีการส่งสัญญาณให้ม้าเดิน วิธีการจับบังเหียนที่ถูกต้อง วิธีการบังคับเลี้ยวซ้าย-ขวา วิธีหยุด และอื่น ๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามากค่ะ สำหรับการเตรียมอุปกรณ์ไปจนถึงการขี่ม้าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 30 นาทีค่ะ
และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย ใครที่สนใจกิจกรรมนี้ควรมีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นสักเล็กน้อย หรือมีล่ามที่สามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ติดตามไปด้วยนะคะ รับรองว่าจะเป็นกิจกรรมดี ๆ ที่คุณจะไม่มีวันลืมเลยล่ะค่ะ
- โลเคชั่น Hinata Farm : https://goo.gl/maps/BnCyqtdJZw4pwcj56
ย้อนยุคไปสมัยเฮอันกับอุทยานประวัติศาสตร์ Esashi Fujiwara Heritage Park
หมู่บ้านโบราณเอะสะชิฟูจิวาระ (Esashi Fujiwara Heritage Park) ตั้งอยู่ในเมือง Oshu จังหวัด Iwate ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จะพาทุกคนย้อนกลับไปสู่ยุคสมัยเฮอันซึ่งถือเป็นยุคทองของประเทศญี่ปุ่น ที่มีทั้งศิลปะและวัฒนธรรมรุ่งเรืองถึงขีดสุด โดยคุณจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคโทโฮคุแห่งนี้ พร้อมกับเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมต่าง ๆ
Esashi Fujiwara Heritage Park ได้รับการลงทะเบียนจาก UNESCO ว่าเป็นหนึ่งในมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมในปี 2011 เดือนมิถุนายน ที่นี่เป็นโลเคชั่นสำหรับถ่ายภาพยนต์ย้อนยุคชื่อดังของญี่ปุ่นหลายเรื่อง อีกทั้ง ยังเป็นโลเคชั่นยอดนิยมสำหรับถ่ายคอสเพลย์อีกด้วยค่ะ
ภายในหมู่บ้านค่อนข้างกว้างขวางสามารถเดินเล่นชมวัฒนธรรมและกิจกรรมต่าง ๆ ได้ทั้งวัน โดยกิจกรรมต่าง ๆ "ฟรี" ไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถถ่ายรูปได้ฟรีจนกว่าจะพอใจ ไม่ว่าจะเป็นการแปลงโฉมเป็นขุนนางสมัยเฮอันที่มีชุดให้บริการทั้งเด็กและผู้ใหญ่ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย หรือแปลงโฉมเป็นซามูไรสมัยเฮอันด้วยการสวมชุดเกราะสุดเท่ ที่สำคัญมีพร็อบอาวุธเตรียมให้พร้อมด้วยนะคะ
กิจกรรมที่สนุกที่สุดที่คาดว่าเด็ก ๆ น่าจะชอบก็คือ "การยิงธนู" และอาคารศิลปะสุดพิศวงกับ Trick Art โดยที่นี่เป็นจุดถ่ายรูปแนว 3 มิติภายใต้ธีมยุคสมัยเอฮัน รับรองว่าน้อง ๆ หนู ๆ ทั้งหลายจะต้องชอบกันอย่างแน่นอนค่ะ
ที่สำคัญEsashi Fujiwara Heritage Park แห่งนี้ยังมีให้บริการแผ่นพับภาษาไทย และนาวิเกเตอร์ไกด์ข้อมูลต่าง ๆ ภาษาไทยอีกด้วย สำหรับใครที่อยากซื้อของที่ระลึกติดไม้ติดมือก่อนกลับก็อย่าลืมหยิบแผ่นพับไปด้วยนะคะ เพราะภายในนั้นสามารถใช้เป็นส่วนลดสำหรับร้านค้าภายในหมู่บ้านได้
- ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 800 เยน, มัธยมปลาย 500 เยน, มัธยมต้นและเด็กประถม 300 เยน
- เวลาเปิดให้บริการ : ช่วงเดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ 9:00 น. – 16:00 น. และช่วงเดือนมีนาคม - ตุลาคม 9:00 น. – 17:00 น.
- โลเคชั่น Esashi Fujiwara Heritage Park : https://goo.gl/maps/ZtDhPwHvYpbBVosr7
- โซน Maesawa -
สายเนื้อห้ามพลาด! ฟินสุด ๆ กับเนื้อวัวมาเอะซาว่าที่ Ogata
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าเนื้อวัวของญี่ปุ่นหรือที่เรียกติดปากกันว่าเนื้อวากิว (Wagyu) นั้นเป็นเนื้อที่มีคุณภาพระดับพรีเมียมและมีชื่อเสียงระดับสากล และในครั้งนี้เราจะมาแนะนำเนื้อวัวมาเอะซาวะ (Maesawa Gyu) ที่เพาะเลี้ยงและผลิตเมือง Oshu โซน Maesawa แห่งนี้ค่ะ หากใครที่ได้มาเยือนภูมิภาคโทโฮคุต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเนื้อวัวที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาด!
ครั้งนี้เราได้ไปเยือนร้านโอกาตะ (Ogata) โดยสัญลักษณ์ของร้านก็คือน้องวัวสีดำตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าร้านรอนักท่องเที่ยวแวะไปถ่ายรูปด้วย ร้านนี้มักจะมีทั้งนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่แวะเวียนมาอย่างคับคั่งตลอดทั้งปี หากใครที่ไม่อยากรอคิวนานควรจองคิวล่วงหน้านะคะ
เมนูที่เราสั่งก็คือเซ็ตมื้อ Lunch ที่ได้เป็นเนื้อ 3 ชนิดมาคู่กับข้าวสวยและเครื่องเคียงค่ะ จุดเด่นของเนื้อวัวดังกล่าวคือ มีลวดลายสวยงามเป็นเนื้อลายหินอ่อนที่เพียงได้เห็นก็พอจะเดาได้ว่ารสชาติมันต้องพรีเมียมแน่นอน! แล้วก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ เพราะเพียงแค่นำไปย่างเล็กน้อยให้ได้ระดับที่ต้องการก็จะได้เนื้อนุ่มที่แทบจะละลายในปากแล้วค่ะ ผสมผสานกับรสชาติน้ำจิ้ม บอกเลยว่าคำเดียวไม่พอจริง ๆ ใครที่เป็นสายเนื้อรับรองว่าถูกใจอย่างแน่นอนค่ะ!
- โลเคชั่น Ogata : https://goo.gl/maps/kdrwF7ppWbWj5J2w9
เป็นอย่างไรบ้างคะกับเรื่องราวของจังหวัด Iwate ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งเลยใช่ไหมคะ สำหรับจังหวัด Iwate เป็นจังหวัดที่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี และยังมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่มากนัก จึงเป็นโอกาสดีที่คุณจะได้สัมผัส "ความเป็นญี่ปุ่น" ในแบบที่แตกต่างไปจากเมืองใหญ่ แล้วคุณจะพบกับความประทับใจที่อยากส่งต่อไปให้คนรอบข้างคุณอย่างแน่นอนค่ะ
อ่านรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นเมืองอื่นๆ ได้ที่นี่เลยจ้า : https://go-graph.com/