ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ตลาดกาแฟแข่งดุ สตาร์บัคส์เล็งลดพนักงาน-ปรับกลยุทธ์ตลาด

Money2Know
เผยแพร่ 15 พ.ย. 2561 เวลา 00.00 น. • money2know - เงินทองต้องรู้

สตาร์บัคส์ คอร์ป เครือข่ายร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ระดับโลก มีแผนลดพนักงานในออฟฟิศลงประมาณ 5% ทั่วโลก เพื่อให้บริษัทมีความคล่องตัวมากขึ้น จะได้สามารถตอบสนองรวดเร็วมากขึ้นต่อเทรนด์ใหม่ๆ สำหรับผู้บริโภค

แผนการนี้มีขึ้นในช่วงที่ยักษ์ใหญ่ร้านกาแฟแห่งซีแอตเทิล พยายามดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ตามสาขาในสหรัฐ พร้อมไปกับรักษาฐานลูกค้าเดิม ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดกาแฟ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

รายงานข่าวระบุว่าจะมีการลดพนักงาน 350 คน ในจำนวนนี้ไม่มีพนักงานที่ทำงานตามร้านกาแฟเลย ข่าวบางกระแสระบุว่าการลดพนักงานส่วนใหญ่ อยู่ที่สำนักงานใหญ่ในเมืองซีแอตเทิล

เควิน จอห์นสัน ซีอีโอของบริษัท ระบุใน memo ที่ส่งถึงพนักงานว่า แผนกที่มีการลดพนักงานนั้นรวมถึง มาร์เกตติง ครีเอทีฟ ฝ่ายผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการพัฒนาร้านค้า

จอห์นสันอธิบายเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ว่าเพื่อเปิดโอกาสให้เน้นจุดสำคัญจริงๆ พร้อมกับเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของทีมต่างๆ ด้วย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนก.ย. จอห์นสันเคยระบุใน memo ถึงพนักงาน เตือนว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้าง

การเปลี่ยนแปลงที่สตาร์บัคส์ได้เริ่มลงมือทำไปบ้างแล้ว รวมถึงการรวมทีมวิเคราะห์เข้าด้วยกัน เพื่อให้พนักงานในแผนกต่างๆ สามารถตอบสนองได้รวดเร็วมากขึ้นต่อเทรนด์ต่างๆ ด้านการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งยังมีการปรับกลยุทธ์การตลาดทางดิจิทัลด้วย

บริษัทพยายามสังเกตและจดจำพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อจะได้นำเสนอกาแฟ-เครื่องดื่มที่ตรงใจ นอกจากนั้น เมื่อเร็วๆ นี้สตาร์บัคส์ยังเปิดบริการรับออเดอร์ผ่านแอปมือถือสำหรับทุกคน ทำให้บริษัทมีลูกค้าใหม่ทางดิจิทัล 4 ล้านรายในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ขณะเดียวกัน สตาร์บัคส์ก็พยายามตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคจำนวนมากขึ้น ที่ต้องการขับรถเข้ามาซื้อกาแฟ โดยบริษัทมีแผนเปิดสาขาที่มีบริการ drive-through มากขึ้น ทั้งยังทดลองบริการ delivery ในเมืองไมอามี

การเคลื่อนไหวของสตาร์บัคส์ ที่รวมถึงการชะลอการเปิดสาขาในสหรัฐและหันไปขยายตลาดในจีน ถูกใจวิลเลียม เอคแมน ผู้จัดการกองทุนบริหารความเสี่ยงชื่อดัง ซึ่งเปิดเผยว่าได้เข้าซื้อหุ้นสตาร์บัคส์

ทั้งนี้ การแข่งขันในตลาดกาแฟดำเนินไปอย่างดุเดือด เพราะมีร้านกาแฟหลายเจ้า ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟระดับบน หรือจากเครือข่ายฟาสต์ฟู้ด อย่างดังกิ้น โดนัท และแมคโดนัลด์

เมื่อเดือนก.ค. Statista ระบุว่าในบรรดาเครือข่ายร้านกาแฟชั้นนำในสหรัฐนั้น สตาร์บัคส์มีส่วนแบ่งตลาด 39% ตามด้วยดังกิ้น แบรนด์ กรุ๊ป ที่ 22% ที่เหลือเป็นของรายเล็กๆ

นักวิเคราะห์ระบุว่า หากมองในแง่กาแฟอย่างเดียวแล้ว ก็มีแต่สตาร์บัคส์นี่แหละ แต่บริษัทอื่นก็ขายกาแฟที่รสชาติดีเช่นกัน รวมถึงแมคโดนัลด์และดังกิ้น โดนัท

ดังกิ้น โดนัท มีสาขาประมาณ 9,200 แห่งในสหรัฐ และมีแผนเปิดเพิ่มอีก 1,000 สาขาภายในปลายปี 2563 ท้ายสุดบริษัทมีเป้าหมายบริหารสาขากว่า 18,000 แห่งในสหรัฐ ทั้งยังเปิดบริการเลน drive-thru และกำลังทดลองแพลทฟอร์มดิจิทัลในหลายตลาด

ส่วนแมคโดนัลด์มี 14,400 สาขา และได้รีแบรนด์ แบรนด์McCafe ทำให้เป็นคู่แข่งที่มองข้ามไม่ได้ พิจารณาจากจำนวนสาขา ทั้งยังมีแผนจะปรับปรุงบริการอาหารเช้า

ส่วน Tim Hortons จากแคนาดามี 726 สาขาในสหรัฐ และ Burger King ได้เข้าถือครองเมื่อปี 2557

ด้าน Coffee Bean กับ Tea Leaf ก็ประกาศจะเพิ่มสาขาในสหรัฐเป็น 3 เท่า หรือ 1,000 สาขา ภายในปี 2571

ดูข่าวต้นฉบับ