ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ออกหมายจับ “ปลอดประสพ” เบี้ยวนัดฟังฎีกา คดีโยกย้ายลูกน้องป่าไม้ มิชอบ อ้างป่วย ศาลไม่อนุญาต สั่งปรับนายประกัน-ออกหมายจับ นัดอ่านอีกครั้ง 7 เม.ย.นี้
26 ก.พ.63 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี เวลา 10.00 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.1063/2558 ที่ "นายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน" อดีตรองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง "นายปลอดประสพ สุรัสวดี" อายุ 75 ปี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นจำเลย ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
โดยโจทก์ยื่นฟ้อง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย.46 นายบรรพต หงษ์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขณะนั้น มีคำสั่ง399/2546 แต่งตัั้ง "นายวิฑูรย์" โจทก์ ดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนัก (นักวิชาการป่าไม้ 9) สำนักส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจ กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรสหกรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.46 แต่จากนั้นมีการตรา พ.ร.ฎ.โอนป่ากรมป่าไม้ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีผลเมื่อลงราชกิจจานุเบกษาวันที่ 30 ก.ย.46 ซึ่งขณะนั้นโจทก์ ดำรงตำแหน่ง ผอ.กองการอนุญาต กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ต่อมาวันที่ 1 ต.ค.46 -12 พ.ย.56 จำเลยซึ่งดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกคำสั่งกระทรวงทรัพยากรฯที่ 287/2546 เมื่อวันที่ 1 ต.ค.46 ให้ระงับการมอบหมายงานในหน้าที่ตามคำสั่ง 399/2546 ซึ่งแต่งตั้งโจทก์ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนัก (นักวิชาการป่าไม้ 9) โดยให้ถือว่าเป็นการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวไว้ก่อนอันเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยไม่ชอบเพื่อยังยั้งไม่ให้ โจทก์ได้เลื่อนตำแหน่ง สาเหตุเนื่องจาก โจทก์กับจำเลยมีเรื่องโกรธเคืองในเรื่องส่วนตัวกันมาก่อน
กระทั่งวันที่ 12 พ.ย.46 จำเลยกลั่นแกล้งโจทก์ ด้วยการให้นายดำรงค์ พิเดช ออกคำสั่งกรมป่าไม้ ที่ 543/2546 ย้ายโจทก์ไปตำแหน่ง “ป่าไม้จังหวัดอำนาจเจริญ” ซึ่งเป็นตำแหน่งข้าราชการพลเรือนสามัญระดับ 8 เป็นการย้ายให้ปฏิบัติหน้าที่ต่ำกว่าระดับเดิม อีกทั้งก็ไม่ใช่ความจำเป็นที่ต้องรีบดำเนินการ และจำเลยก็ทราบดีว่า นายดำรงค์ ไม่มีอำนาจสั่งย้ายโจทก์ ดังนั้นคำสั่งย้ายที่จำเลยให้ความเห็นชอบนั้น จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นผลให้โจทก์ ได้รับความเสียหายต่อเสียชื่อเสียง และเสียสิทธิไม่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นระดับ 9 จึงขอให้ชดใช้ค่าเสียหายส่วนนี้ด้วย 2 ล้านบาท เหตุเกิดที่แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. โดย "นายปลอดประสพ" จำเลย ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีโดยตลอด
คดีนี้ “ศาลชั้นต้น” มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 มี.ค.60 เห็นว่า นายวิฑูรย์ โจทก์ มีคุณสมบัติที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บริหารได้ แต่การที่จำเลยมีคำสั่งไม่แต่งตั้งโจทก์ ให้เลื่อนขั้นเป็นข้าราชการระดับ 9 นั้น ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อกลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย จึงให้จำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท ขณะที่โทษจำคุกให้รอลงอาญา ไว้ 2 ปี และให้จำเลย ชดใช้เงินค่าเสียหายแก่โจทก์ด้วย 1.4 ล้านบาท
ต่อมาทั้ง “นายปลอดประสพ” จำเลย และ “นายวิฑูรย์” โจทก์ ต่างยื่นอุทธรณ์
ขณะที่มีการอ่านคำพิพากษาของ “ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ” เมื่อวันที่ 17 เม.ย.61โดยศาลอุทธรณ์ฯ เห็นว่า การย้ายนี้ ก็ย้ายโจทก์เพียงคนเดียวและในระดับที่ต่ำกว่าเดิมด้วยเสมือนเป็นการลงโทษ โดยโจทก์กับจำเลย เคยมีข้อพิพาทกันเมื่อปี 2541 ขณะที่จำเลยเป็นอธิบดีกรมป่าไม้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับโจทก์ โดยไม่มีการสอบสวนข้อเท็จจริงไม่ให้โอกาสโจทก์และผู้เกี่ยวข้องไปเป็นพยานในการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อโต้แย้งข้อกล่าวหา ขณะที่โจทก์เคยกล่าวโทษจำเลย ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางเขนจนมีการส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.ด้วย ซึ่งการที่โจทก์ได้เลื่อนชั้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ก็ชอบด้วยกฎหมาย แต่การที่จำเลยให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งนั้นจึงกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมายและน่าเชื่อว่ามาจากกรณีจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองโจทก์มาก่อน โดยยกเลิกการแต่งตั้งเพื่อกลั่นแกล้งโจทก์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ซึ่งการที่จำเลย ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งทำให้โจทก์ขาดโอกาสในการได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นความเสียหายดังกล่าวเป็นกรณีที่ไม่สามารถชดเชยให้กับโจทก์ได้ และเมื่อพิจารณาการกระทำที่จำเลยให้รับโอนนายดำรงค์ มาซ้อนตำแหน่งโจทก์ที่โจทก์ได้รับการแต่งตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายก็อาจทำให้เกิดปัญหาว่าการปฏิบัติราชการของนายดำรงค์ต่อการออกคำสั่ง-ประกาศต่างๆ ของกรมป่าไม้มีความถูกต้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการได้ พฤติการณ์นับว่าเป็นความผิดร้ายแรง จึงไม่เห็นสมควรรอการลงโทษ ที่ศาลชั้นต้นให้รอการลงโทษจำเลยนั้น ศาลอุทธรณ์ฯ ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้น "ศาลอุทธรณ์ฯ" จึงพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิด ตาม ม.157 ประกอบมาตรา 84 อีกกรรมหนึ่งที่ใช้ให้นายดำรงค์โยกย้ายโจทก์ จึงให้จำคุก 2 กระทงๆ ละ 1ปี รวมโทษจำคุกทั้งสิ้น 2 ปี โดยไม่รอการลงโทษ นอกจากที่แก้ ก็ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 1.4 ล้านบาทด้วย
ขณะที่ “นายปลอดประสพ” จำเลย ได้ประกันตัวระหว่างฎีกา ซึ่งศาลตีราคาหลักทรัพย์ 400,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ เป็นการนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกมีการเลื่อนนัดฟังคำพิพากษามาแล้ว
อย่างไรก็ดี วันนี้ (26 ก.พ.) เมื่อถึงเวลานัด "นายปลอดประสพ" จำเลย ไม่มาศาล โดยมีผู้รับมอบอำนาจมายื่นคำร้องขอเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาฎีกาวันนี้แทน ระบุว่ามีอาการป่วย
แต่ศาลพิจารณาแล้วให้ยกคำร้องของนายปลอดประสพ จำเลย และมีคำสั่งให้ปรับนายประกันตามจำนวนประกันด้วย 400,000 บาท พร้อมให้ออกหมายจับ "นายปลอดประสพ" จำเลย เพื่อมาฟังคำพิพากษาฎีกาในนัดต่อไปวันที่ 17 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
panid กรรมละมึง ไอ้ปลอด เอ๋ย ติดคุกยามแก่ละมึง เมื่อก่อนย้บ้าอำนาจมากนัก
26 ก.พ. 2563 เวลา 11.20 น.
Savang(ตุ๊ด) นายที่ขาดคุณธรรม..กลั่นแกล้งเขาไว้ ก็ต้องชดใช้กรรม! ช้า..เร็ว ก็ต้องติด ไม่ยืดอกเหมือนท่านยงยุด ติดก่อน..ออกก่อน..จะได้ปล่อยวาง
ใช้ชีวิต บั่นปลาย ครับ
26 ก.พ. 2563 เวลา 09.58 น.
ธีระพงษ์ ชื่อปลอด แต่มึงไม่ปลอดคุกแน่ ฮ่ะ ฮ่า ๆ
เฮ้ย ลืมบอกไป ให้ตะเกียกตะกายรีบออกจากแผ่นดินไทยไปอย่างไอ้ทักษิณอียิ่งลัก โน่น
เกิดบนแผ่นดินไทยแต่เนรคุณแผ่นดินเกิดสมน้ำหน้าต้องเข้าคุกตอนแก่
26 ก.พ. 2563 เวลา 08.07 น.
Ken 🙏 904 สมน้ำหน้า ไอ้สัสนี่ก็ “กังฉิน” ตัวพ่อเหมือนกัน
26 ก.พ. 2563 เวลา 08.07 น.
Coffee Rookie เป็นไงล่ะมึง กลัวติดคุกจนหัวหดเลยเหรอ มีเพื่อนรออยู่ทั้งคนไม่ต้องกลัว อายุก็พอๆกันด้วย น่าจะคุยกันรู้เรื่อง
26 ก.พ. 2563 เวลา 08.05 น.
ดูทั้งหมด