เข้าไปเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค ครั้งแรกของ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พี่ใหญ่แห่งค่ายบูรพาพยัคฆ์ โชว์ความเหนือด้วยการประกาศว่าจะนำพาพรรคพลังประชารัฐชนะเลือกตั้งครั้งหน้าเกินครึ่งสภา หรืออย่างน้อยรักษาฐานเสียงเดิม 116 เสียง ให้ได้อย่างแน่นอน
ลุงป้อม จะเดินเกมในพรรคเพื่อค้ำบัลลังก์นายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้อยู่ครบ 4 ปี จึงต้องลงมาบัญชาการเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในพรรคดังที่เคยเกิดมาตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาล ที่ "แย่งชามข้าว" ถึงขนาดไล่กันภายในพรรค
ลุงป้อมได้แสดงความเป็นผู้นำพรรคในการประชุมนัดแรก ขอให้ 5 รัฐมนตรีของพรรคที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไปคิดทบทวนเรื่องลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อเลื่อนลำดับผู้สมัครบัญชีรายชื่อขึ้นมาแทน อันจะทำให้การทำงานในสภามีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่มีองค์ประชุมล่มหรือแพ้โหวตฝ่ายค้านดังที่ผ่านมา 3 ครั้ง
5 รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้แก่ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม, สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง
4 รัฐมนตรี นิ่งเงียบตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หวังว่าจะใช้ "ความสงบสยบความเคลื่อนไหว" โดยไม่ "ลาออกจาก ส.ส." ขณะที่ สมศักดิ์ เทพสุทิน ออกมาสวนคำบัญชาลุงป้อม อ้างว่า การเป็นรัฐมนตรีควบ ส.ส.จะทำงานได้มากกว่า โดยเหตุผลการประสานในงานในสภา ความชอบธรรม เป็นสิ่งที่แต่ละคนยกมาอ้างเพื่อประโยชน์ของตัวเอง แต่ถ้าย้อนไปดูข้อตกลงภายในพรรคพลังประชารัฐที่รู้กันทั้งพรรคว่าก่อนการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี บรรดา ส.ส.บัญชีรายชื่อที่เป็นตัวเก็งรัฐมนตรี ต่างบอกว่าถ้าเป็นรัฐมนตรี จะลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อเพื่อเลื่อนลำดับคนถัดๆ ไปให้ขึ้นมาเป็น ส.ส. เพื่อประสิทธิภาพการทำงานสภาในสถานการณ์รัฐบาล *"เสียงปริ่มน้ำ" *
ขณะที่รัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลอื่นที่ไม่ใช่หัวหน้าและเลขาธิการพรรคทยอยลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อเพื่อเลื่อนลำดับคนถัดๆ ไปขึ้นมาทำหน้าที่ ส.ส.แทน เนื่องจากภารกิจการเป็นรัฐมนตรีต้องอยู่ฝ่ายบริหาร อาจจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานสภาลดลง จึงต้องหลีกทางให้ผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อคนถัดไปขึ้นมาแทน
แม้แต่ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ ก็ยังแสดงสปิริตลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อมาทำหน้าที่โฆษกรัฐบาล แม้เงินเดือนจะน้อยกว่า ส.ส.ก็ตาม แต่ 5 รัฐมนตรีชายอกสามศอกของพรรคพลังประชารัฐยังหา "สปิริต" ไม่เจอ และเหตุผลเดียวที่พร้อมใจเฉยชาสวนคำบัญชาลุงป้อม เพราะกลัว "ตีนลอย"
ในรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำความเป็น ส.ส. แม้จะ 1 หรือ 2 เสียง ก็เป็นเสียงที่มีค่า รัฐมนตรีทั้ง 5 จึงเก็บสถานะไว้กับตัว เพื่ออำนาจต่อรองหากมีการ "ปรับคณะรัฐมนตรี" เกิดขึ้น ป้องกันการถูกปรับออกหรือปรับไปอยู่ตำแหน่งหรือศักดิ์ศรี *"ต่ำลง" *
ชีวิตทางการเมืองของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องขึ้นอยู่กับคนพวกนี้ เพราะมีเสียงอันมีคุณค่าต่อการอยู่หรือไปของนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลอยู่ในมือเขา
การปฏิเสธ "คำบัญชา" ของลุงป้อม สะท้อนให้เห็นอย่างหนึ่งที่ลุงป้อม และบรรดา เสธ.รอบตัวลุงป้อมต้องไปคิดใหม่แล้วว่า "การเมืองไม่ง่าย" จะสั่ง "ซ้ายหัน-ขวาหัน" เหมือนทหาร-ตำรวจ ไม่ได้ เพราะต่างคนต่างคิดว่า "เท่ากัน" ไม่มีใครกลัวใคร !
คน นครชัยศรี อยากไห้นาย(ปชช)ต้องเสียใจที่เลือกเข้าไปแล้วครั้งหน้าอาจไม่จ้างต่อนะ จำใส่ใจไห้มากๆท่านผู้ทรงเกียรติ อย่าหาว่า(ปชช)ไม่เตือน
26 ส.ค. 2562 เวลา 06.30 น.
Kสายสิน ติ่ง
26 ส.ค. 2562 เวลา 06.10 น.
MUY. พรรคพวกมึงมีสปิริตด้วยเหรอวะ ไอ้สัดเอ้ย
26 ส.ค. 2562 เวลา 06.02 น.
คนไทยใฝ่สันติ นักการเมืองพวกนี้เห็นแก่ตัว โลภมาก เห็นแก่ได้ ไม่มีน้ำใจต่อคนอื่น...
ไม่ควรคบอย่างยิ่ง...
ใครคบก็มีแต่อับเฉา...
26 ส.ค. 2562 เวลา 05.31 น.
Nui กินเงินเดือนสองตำแหน่ง ออกให้โง่
26 ส.ค. 2562 เวลา 05.08 น.
ดูทั้งหมด