“โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า” วลีนี้มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาเปรียบเปรยคนที่มีอารมณ์โกรธและโมโหจนไม่สามารถควบคุมสติและอารมณ์ได้ ยิ่งในสภาพสังคมปัจจุบัน ดูเหมือนเราจะได้รับการกระตุ้นให้เกิดความโกรธได้ง่ายเป็นพิเศษ ทั้งเรื่องงาน และความไม่ได้ดั่งใจของคนในบ้าน
วันนี้มีคำแนะนำดี ๆ จาก พิทยา ผึ่งกรรฐ์ นักจิตวิทยาโรงพยาบาลมนารมย์มาฝากกัน โดยเธอเริ่มต้นบอกถึงพิษของความโกรธว่า มีแนวโน้มแสดงออกได้ทั้งแบบก้าวร้าวต่อตนเอง และก้าวร้าวต่อผู้อื่น หากไม่เข้าใจไม่ยอมรับความโกรธที่เกิดขึ้นและเก็บกดไว้ความโกรธยังไม่หายไปไหน และกลับมาเป็นความก้าวร้าวกับตนเองได้
ยกตัวอย่างเช่น บางครั้งอาจไม่พอใจเจ้านาย และแสดงพฤติกรรมในทางที่ทำให้เกิดผลเสียต่อตนเองได้ อาทิ การมาทำงานสายการไม่ส่งงานการนอนมากเกินไปจนมาทำงานไม่ทันหรือการแสดงออกในแบบก้าวร้าวซึ่งอาจส่งผลให้ถูกออกจากงานได้หรือทำให้เกิดปัญหาในการทำงานซึ่งทำให้เป้าหมายในชีวิตไม่เป็นตามที่ตั้งใจไว้
นอกจากนี้ การก้าวร้าวกับผู้อื่นมีผลให้สูญเสียความสัมพันธ์ เสียภาพพจน์หรือเสียชื่อเสียงขาดความน่าเชื่อถือหรือหากรุนแรงมากเกิดทำร้ายกันก็ทำสูญเสียทั้งร่างกาย และทรัพย์สินได้
ดังนั้น เพื่อเป็นตัวช่วยให้ผู้อ่านฉุดตัวเองออกจากวงจรความโกรธ นักจิตวิทยาท่านนี้ ได้แนะเทคนิคไว้ 9 ข้อดังต่อไปนี้ เริ่มจาก
ตระหนักรู้อารมณ์โกรธที่เกิดขึ้น ร่างกายของคุณมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม หัวใจเต้นมากขึ้น รู้สึกร้อนๆ บริเวณใบหน้า การหายใจสั้นลง
ยอมรับความโกรธที่เกิดขึ้น ช่วยให้ความโกรธลดลงเพราะการยอมรับทำให้ความโกรธลดลงอันนี้ต้องลองทำกันดูหากเรายิ่งโทษสิ่งแวดล้อมแน่นอนว่ามีปัจจัยต่างๆที่ทำให้โกรธแต่เราอาจมีประสบการณ์ว่ายิ่งเราหาคนมารับผิดชอบกับความรู้สึกของเราความโกรธก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
หายใจเข้าออกลึก ๆ ผ่อนคลายตนเอง อาจเป็นการพูดคุยระบายกับคนที่คุณไว้ใจ หรือหากหาคนรู้ใจไม่ได้ ก็หาทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ เช่น การอ่านหนังสือ ฟังเพลง ไปเที่ยว
รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น อย่าหวั่นไหวกับความเห็นของผู้อื่น หรือรู้สึกด้อย
ใช้ I message บอกกับคู่สนทนาว่า คุณคิดอย่างไร “ดิฉันคิดว่า…” “ดิฉันอยากเสนอว่า….” หรือ “ขอเสนอความเห็นว่า….”
ดำเนินการสนทนาไปเรื่อย ๆ
หากรู้สึกควบคุมไม่ได้ ให้ออกมาจากสถานการณ์นั้นก่อน และควรขอตัวคู่สนทนา อาจบอกวันนี้ขอคุยเรื่องนี้เพียงเท่านี้ก่อน
ปรับเปลี่ยนความคิด คิดแบบใดก็ได้ที่ทำให้โกรธน้อยลงการขัดแย้งหลายครั้งก็นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและสร้างสรรค์และการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเพราะความโกธรที่เกิดขึ้นนั้นมีประโยชน์ทำให้เรารับรู้ว่าเราถูกล่วงละเมิดสิทธิเกิดอันตรายทัศนคติที่ดีของพ่อแม่ที่มีต่อความโกรธสามารถมีผลต่อวิธีการเลี้ยงลูกเมื่อเห็นลูกโกรธแล้วทำลายข้าวของให้ถือเป็นโอกาสสอนลูกว่าตอนนี้เขากำลังโกรธลองพาลูกไปทำกิจกรรมอย่างอื่นที่สร้างสรรค์แทน
หลีกเลี่ยงการนินทา เพราะนำไปสู่ความเข้าใจผิดและเกิดความขัดแย้งมากขึ้น
ที่มา – Life & Family
กรณ์456359 PEARLY365 ใจเขาใจเรา
เห็นใจทั้งสองฝ่าย
ไม่ขอวิจารณ์ เพราะเราไม่สามารถรับประกันระดับจิตใจของตนได้
ต่อสิ่งเร้าในขณะนั้นซึ่งมันอยู่ที่ตัวกระตุ้น
และปัจจัยใจภายใน-ภายนอกควบคู่กัน
มันขึ้นอยู่กับสติ อย่างเดียว
และก็ไม่ขอวิจารณ์เช่นเดียวกัน เพราะเรา
สามารถคุมสติได้ตลอดทุกย่างก้าวหรือเปล่า
เอาเป็นว่าผิดที่ทำร้ายร่างกาย/จิตใจผู้อื่น
ให้เกิดความเจ็บปวดต่อร่างกาย และสภาพจิตใจ ด้วยการขาดสติยับยั้งช่างใจ
และให้ดูเป็นอุทาหรณ์ข้อเตือนใจ ว่า
ทุกสิ่งอย่างที่ทำลงไปโดยยั้งคิด จะส่งผลและให้โทษทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น
08 พ.ย. 2559 เวลา 16.40 น.
Aucharapun S. โกรธคือโง่ Let it go คือเอลซ่าค่ะ // โดนตบ
08 พ.ย. 2559 เวลา 16.49 น.
แต่ประเด็นคุณของคุณน๊อด พื้นฐานความคิดของเขาคือแบงชนชั้น ขับรถหรูคือชั้นไฮโซ แกมองคนขับมอเตอร์ไซค์ตำ่ชั้นกว่า ดูการแสดงออกก็รู้
08 พ.ย. 2559 เวลา 22.18 น.
u2homes วิธีแบบนี้คงใช้ไม่ได้กับไอ้น๊อต
08 พ.ย. 2559 เวลา 16.15 น.
สิริชัย คนล้มอย่าข้าม
08 พ.ย. 2559 เวลา 18.43 น.
ดูทั้งหมด