หนุ่มไอเป็นเลือด ปอดติดเชื้อรุนแรง เผชิญฝุ่นเกินมาตรฐานไม่เคยสวมหน้ากาก

หนุ่มบอกเล่าเรื่องราว ไอหนักเป็นเลือด ซ้ำตรวจพบปอดติดเชื้ออย่างรุนแรง เผยไม่แน่ใจเพราะฝุ่น PM2.5 หรือไม่ แต่ก่อนหน้าผ่านจุดฝุ่นเกินมาตรฐานทุกวัน แต่ไม่เคยสวมหน้ากากอนามัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบผู้ใช้เฟซบุ๊ก NZ'Nut Premmanuspaisal โพสต์เรื่องราวอาการเจ็บป่วยของตนเอง หลังต้องไอและอาเจียนเป็นเลือดอย่างน่ากลัว โดยผู้โพสต์เล่าว่า อาการเริ่มขึ้นในช่วงวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา เริ่มแรกมีเสมหะในคอ จากนั้นก็เริ่มไอ ไอหนักขึ้นมาก เวลาผ่านไปเกือบ 10 ชั่วโมง มีอาการคล้ายแบบเดิม แต่เพิ่มขึ้นคือมีเลือดออกทางจมูก ร่างกายอ่อนเพลีย หายใจเร็วกว่าปกติ และเหนื่อยง่ายกว่าปกติ จึงรีบไปโรงพยาบาลทันที ระหว่างนั้นก็ไอและอาเจียนเป็นเลือดเป็นระยะๆ เริ่มหายใจไม่เต็มปอด แต่หลังเอกซเรย์ปอดไม่พบสิ่งผิดปกติ คาดว่าในกระเพาะอาหารน่าจะมีเลือดออก หลังล้างท้องเจอเลือดอยู่ในกระเพาะอาหารจำนวนหนึ่ง โดยยังคงเดินทางไปตรวจอาการอย่างต่อเนื่อง และถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่ 2

กระทั่งวันที่ 16 ม.ค. ขณะที่กำลังคุยกับหมอที่โรงพยาบาลที่ 2 เรื่องอาการ ก็เริ่มมีการไอเบาๆ หลังจากนั้นเสมหะก็มา คุณหมอเห็นอาการยืนยันว่าไม่ใช่อาเจียนเป็นเลือดแล้ว อาการแบบนี้คือ ไอเป็นเลือดแน่นอน จึงรีบส่งตัวไปเอกซเรย์ปอด ตรวจเลือดใหม่อีกครั้ง ตรวจพบก้อนเนื้ออะไรสักอย่าง 1-2 จุดอยู่ที่ปอดข้างขวา แต่ในเย็นวันเดียวกันเกิดอาการหนักขึ้นและไอเป็นเลือดมากกว่าทุกวัน หายใจเร็วกว่าปกติ รู้สึกหายใจเท่าไรก็ไม่พอ เหมือนคนกำลังจะตาย ไล่โทรหาเกือบ 10 โรงพยาบาลที่อยู่ในบริเวณนั้นเพื่อหาหมอเฉพาะทางปอด พบว่าหมอกลับบ้านไปแล้วบ้าง หมอไม่เข้าบ้าง

จนระหว่างทางกลับบ้านก็ได้เจอโรงพยาบาลที่ 3 มีหมอเฉพาะทางอยู่ คุณหมอแจ้งว่าตอนนี้ปอดข้างขวาติดเชื้ออย่างรุนแรง อาจจะทำให้ปอดตายได้ คุณหมอเลยให้ฉีดยาฆ่าเชื้อวันละ 1 เข็ม 3 วัน แล้วอาการจะดีขึ้น พร้อมให้ยาต่างๆ มากินก่อนกลับบ้าน ยาที่ฉีดมียาฆ่าเชื้อ 1 เข็ม, ยาลดการไอ, ยาช่วยในการแข็งตัวของเลือด ซึ่งวันที่ 23 ม.ค. หมอนัดเอกซเรย์ปอดอีกรอบ

ทั้งนี้ ผู้โพสต์ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า “ไม่แน่ใจสาเหตุเป็นจากฝุ่น PM2.5 หรือเปล่า เพราะทุกเช้าต้องเดินทางไปทำงานและต้องผ่านเขตที่มีการแจ้งเตือนฝุ่น สีแดง สีส้ม ตั้งแต่เกิดเรื่องฝุ่น ไม่เคยคิดแม้แต่จะใส่หน้ากากเพื่อป้องกันตัวเองเลย สุดท้ายนี้ก็หันมาดูแลตัวเองกันด้วย มันอันตรายจริงๆ มาแบบไม่รู้ตัวเลย”

(โพสต์ต้นฉบับ)

(ขอบคุณเฟซบุ๊ก NZ'Nut Premmanuspaisal)