โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

รู้ยัง ‘หมอชนะ/MorChana’ ชนะเลิศ! เรื่องเข้าถึง ‘ข้อมูลส่วนบุคคล’

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 05 มิ.ย. 2563 เวลา 03.55 น. • เผยแพร่ 04 มิ.ย. 2563 เวลา 18.45 น.

เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา แอพพลิเคชั่น “หมอชนะ” ถือกำเนิดขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐนำโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. และกระทรวงสาธารณสุข กับภาคเอกชน นำโดยกลุ่มผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระ ภายใต้ชื่อ "Code for Public" และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์

แอพฯนี้ทำหน้าที่เป็นระบบ "เก็บข้อมูลการเดินทางของประชาชน" เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบและประเมินระดับความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ต้นตอโรคโควิด-19 จากสถานที่ต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ การมาของแอพฯ หมอชนะ ยังช่วยสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในการวิเคราะห์ระดับความเสี่ยงในการติดเชื้อของประชาชนที่เข้ารับการรักษาพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ เสริมมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ให้มีประสิทธิภาพและวัดผลได้

คนไทยทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการลดการระบาดได้อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น“หมอชนะ” และเช็คอินด้วยแอพฯนี้เมื่อเข้าสู่อาคารสถานที่ต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา

159126610580

แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศูนย์ “ดาต้า โปรเทคชัน เอ็กเซลเลนซ์” (Data Protection Excellence) หรือ DPEX เครือข่ายด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ เผยผลวิจัยล่าสุดชื่อ "Privacy Sweep" เกี่ยวกับ "แอพพลิเคชั่นมือถือติดตามพลเมือง" ของรัฐบาลจาก 6 ประเทศในอาเซียน รวมถึงไทย

ผลลัพธ์ที่ออกมาสร้างความประหลาดใจไม่น้อย เพราะ "หมอชนะ" ของไทย เป็นแอพพลิเคชั่นติดตามพลเมืองที่ขออนุญาตเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลมากที่สุด เมื่อเทียบกับแอพฯของเพื่อนบ้านอีก 5 ประเทศ

ขณะที่ "เทรซ ทูเกเธอร์" (TraceTogether) ของสิงคโปร์ขออนุญาตเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลน้อยที่สุดใน 6 ชาติอาเซียน

"จุดประสงค์ของผลวิจัยการเก็บข้อมูลส่วนตัวของเราคือการประเมินว่า แอพพลิเคชั่นเหล่านี้รุกล้ำความเป็นส่วนตัวและจัดการข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการสอดแนมข้อมูลของผู้ใช้งานในภูมิภาคอาเซียนอย่างไร"

ผลวิจัย Privacy Sweep ซึ่งสำรวจลักษณะการเก็บข้อมูลส่วนตัวของแอพพลิเคชั่นมือถือทั่วโลกตั้งแต่ปี 2557 ประเมินว่า แต่ละแอพพลิเคชั่นใน 6 ประเทศอาเซียนเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลมากน้อยเพียงใดด้วยหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

  • ประเภทการขออนุญาตที่พบในแอพฯที่ถูกสำรวจ
  • การขออนุญาตเหล่านี้เกินกว่าที่ควรจะเป็นสำหรับคุณสมบัติของแอพพลิเคชั่นหรือไม่
  • ที่สำคัญที่สุดคือ วิธีการอธิบายผู้ใช้งานของแอพฯนั้น ๆ ว่าต้องการข้อมูลส่วนบุคคลไปทำไม และมีแผนที่จะเอาข้อมูลนั้นไปทำอะไรบ้าง

สำหรับแอพพลิเคชั่นติดตามพลเมืองของ 6 ประเทศที่ถูกสำรวจนั้น ได้แก่ มายเทรซ (MyTrace) ของมาเลเซีย, เทรซทูเกเธอร์ (TraceTogether) ของสิงคโปร์, หมอชนะของไทย, เปดูลีลินดุงกี (PeduliLindungi) ของอินโดนีเซีย, สเตย์เซฟ พีเอช (StaySafe PH) ของฟิลิปปินส์ และบลู โซน (Blue Zone) ของเวียดนาม

“จุดประสงค์ของผลวิจัยการเก็บข้อมูลส่วนตัวของเราคือการประเมินว่า แอพพลิเคชั่นเหล่านี้รุกล้ำความเป็นส่วนตัวและจัดการข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการสอดแนมข้อมูลของผู้ใช้งานในภูมิภาคอาเซียนอย่างไร ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์”เควิน เชพเพิร์ดสัน ซีอีโอบริษัทสเตรทส์ อินเตอร์แอคทีฟ (Straits interactive) หนึ่งในสมาชิกเครือข่าย DPEX กล่าว

159109083949

ในระบบปฏิบัติการ (OS) แอนดรอยด์ การขออนุญาตที่เป็นอันตรายถูกใช้ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บนมือถือ และกฎหมายความเป็นส่วนตัวหรือหลักการคุ้มครองข้อมูลไม่อนุญาตให้มีการเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง จนกว่าผู้ใช้งานจะให้ความยินยอมด้วยการกด “ตกลง” คำขออนุญาตให้ทำแบบนั้นได้

ขณะเดียวกัน หลักการคุ้มครองข้อมูลยังจำกัดสิทธิแอพพลิเคชั่นอัจฉริยะเหล่านี้ไม่ให้ใช้การอนุญาตเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลเกินกว่าที่ควรจะเป็นสำหรับวัตถุประสงค์และบทบาทหน้าที่ของแอพพลิเคชั่น

 

  •  ขออนุญาต "เข้าถึงข้อมูล" มากสุด 

และจากการประเมินของผลวิจัย Privacy Sweep พบว่า เทรซทูเกเธอร์ของสิงคโปร์ และบลู โซนของเวียดนาม ใช้การขออนุญาตน้อยที่สุดในการดำเนินการติดตามข้อมูลหรือที่อยู่ของผู้ใช้ ขณะที่หมอชนะของไทย ใช้การขออนุญาตดำเนินการติดตามข้อมูลหรือที่อยู่ของผู้ใช้งานมากที่สุดในอาเซียน

ผลสำรวจชี้ว่า หมอชนะขออนุญาตเข้าถึงส่วนต่าง ๆ ในมือถือของผู้ใช้ตั้งแต่กล้องถ่ายรูป, ประวัติการใช้งานอุปกรณ์, ตำแหน่งผู้ใช้, ไมโครโฟน, คลังรูปภาพ/คลิป/ไฟล์อื่น ๆ, พื้นที่เก็บข้อมูล และข้อมูลการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สาย หรือ Wi-Fi

เทียบกับ Blue Zone ของเวียดนาม ที่ขออนุญาตเข้าถึงตำแหน่งผู้ใช้, คลังรูปภาพ/คลิป/ไฟล์อื่น ๆ และ พื้นที่เก็บข้อมูล และ TraceTogether ของสิงคโปร์ ขออนุญาตเข้าถึงตำแหน่งผู้ใช้, คลังรูปภาพ/คลิป/ไฟล์อื่น ๆ และพื้นที่เก็บข้อมูล

เว็บไซต์สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. ผู้ดำเนินการแอพฯหมอชนะ ยอมรับว่า มีการถ่ายภาพของผู้ใช้ แต่จะเก็บไว้ในมือถือส่วนตัวและเก็บข้อมูลแยกส่วน ซึ่งผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นทุกภาคส่วนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้แอพฯหมอชนะได้

 

  • หมอชนะเก็บข้อมูลอย่างไร

นโยบายความเป็นส่วนตัวของแอพพลิเคชั่นหมอชนะ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. 2563 ระบุว่า หมอชนะซึ่งดำเนินการโดย สพร. จะเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้โดยตรงตั้งแต่วันที่ผู้ใช้เริ่มใช้งาน และตลอดระยะเวลาที่ผู้ใช้ใช้งานแอพพลิเคชั่นนี้ โดยจะไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้จากแหล่งอื่น นอกเหนือจากข้อมูลผู้ติดเชื้อ COVID-19 จากกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องตามนโยบายและภารกิจที่ต้องดำเนินงานตามกฎหมายเท่านั้น

159126587956

 

  • เก็บข้อมูลอะไรบ้าง

ข้อมูลที่หมอชนะจะเก็บรวบรวมจากผู้ใช้นับเป็นข้อมูลสำคัญและจำเป็น เพื่อให้แอพพลิเคชั่นนี้มีส่วนช่วยในการดูแลและป้องกันการระบาดของโรค COVID-19 ดังนี้

- เบอร์โทรศัพท์ของผู้ใช้ที่ใช้ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น

- ภาพถ่ายของผู้ใช้ ด้วยการเซลฟี่ โดยไม่มีการส่งออกจากโทรศัพท์ของผู้ใช้

- ข้อมูลการ check in หรือตำแหน่งที่อยู่ (location) ของผู้ใช้

- ข้อมูลการเข้าใกล้ผู้อื่นที่เก็บและคำนวณโดยแอพพลิเคชั่น

- ข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสในการสัมผัสโรค COVID-19 ตามแบบประเมินของโรงพยาบาล เช่น การเดินไปยังพื้นที่เสี่ยง หรือการสัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย เป็นต้น

- ข้อมูลเกี่ยวกับอาการของโรค COVID-19 ตามแบบประเมินของโรงพยาบาล เช่น อาการไข้ เป็นต้น

ทั้งนี้ การปกป้องข้อมูลจากการเก็บรวบรวมดังกล่าว ใช้วิธีการเข้ารหัสลับแบบกุญแจสาธารณะ (public-key encryption)

 

  • ใช้ข้อมูลที่เก็บเพื่ออะไร

หมอชนะจะใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ตามฐานการให้ความยินยอม (Consent) ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาตกำหนด โดยสพร.จะใช้ข้อมูลของผู้ใช้ เพื่อให้นักพัฒนาตามโครงการฯนำไปวิเคราะห์ประมวลผล และแสดงข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้เองว่ามีกิจกรรมที่มีความเสี่ยงหรือมีโอกาสในการสัมผัสโรค COVID-19 หรือไม่ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงได้ทัน เช่น ไม่เข้าไปพื้นที่เสี่ยงที่เพิ่งพบผู้ป่วย เป็นต้น

อย่างไรก็ดี สพร. อาจใช้ข้อมูลร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามฐานการประมวลผลอื่น ๆ ในกรณีดังต่อไปนี้

- กรณีจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของผู้ใช้

- กรณีจำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินการภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่โครงการฯได้รับมอบหมาย ซึ่งรวมถึงการส่งข้อมูลเพื่อให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องให้คำแนะนำ หรือกำหนดมาตรการป้องกันและดูแลตนเอง เช่น การให้ไปพบแพทย์ การกักตัว หรือเฝ้าระวังและสังเกตพฤติกรรมตนเอง และเพื่อให้ข้อมูลแก่แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เกี่ยวกับประวัติการเข้าไปยังสถานที่หรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงหรือมีโอกาสในการสัมผัสโรค COVID-19 ตลอดจนอาการที่อาจเข้าข่ายของโรค COVID-19

- กรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของโครงการฯ หรือของบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่ให้สิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ใช้ได้รับผลกระทบกระเทือน

ทั้งนี้ สพร.มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลที่เหมาะสมเพื่อป้องกันมิให้นำไปใช้ นอกเหนือวัตถุประสงค์หรือนำไปใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบ

ขณะเดียวกัน สพร.จะไม่เผยแพร่ จำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน หรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนตัวใด ๆ ของผู้ใช้ที่หมอชนะได้เก็บรวบรวมไว้ให้แก่บุคคลภายนอก หรือหน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้อง เว้นแต่เมื่อได้รับการร้องขอหรือได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากผู้ใช้

 

  • เก็บข้อมูลนานแค่ไหน

หมอชนะ หรือ สพร. จะเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้เป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์โดยชอบด้วยกฎหมายและเพื่อการทำงานและการให้บริการแอพพลิเคชั่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยภายใน 30 วันนับจากวันที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 สิ้นสุดลง โดยได้มีการยกเลิกการบังคับใช้ของกฎหมายในสถานการณ์ฉุกเฉิน และจะมีการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลของผู้ใช้ไม่สามารถระบุตัวตนได้ด้วยวิธีการที่เหมาะสมและเป็นไปตามมาตรฐานสากล

ทั้งนี้ หากผู้ใช้มีการร้องขอ สพร.จะดำเนินการลบหรือทำให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ไม่สามารถระบุตัวตนของผู้ใช้ได้ เว้นแต่เป็นข้อกำหนดทางกฎหมายที่ สพร.จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อเก็บรักษาข้อมูลบางอย่างไว้โดยตลอดระยะเวลาที่สพร.เก็บรวบรวมข้อมูล สพร.จะจัดเก็บและดูแลข้อมูลภายใต้มาตรการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เคร่งครัด

อย่างไรก็ดีนโยบายนี้อาจมีการแก้ไขหรือปรับปรุงเป็นครั้งคราว ผู้ใช้ควรเข้ามาตรวจสอบนโยบายนี้สม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้ได้รับทราบนโยบายฉบับล่าสุด หากผู้ใช้ยังคงใช้งานแอพพลิเคชั่นนี้ภายหลังจากวันที่มีการแก้ไขหรือปรับปรุงนโยบายแล้ว ถือว่าผู้ใช้ยอมรับนโยบายทั้งหมดทั้งในส่วนของนโยบายที่มีอยู่แล้ว และนโยบายที่มีการแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติมด้วย

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...