โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ค้าปลีกอเมริกันเดือด Walmart ดึง FedEx เปิดสาขาใน 500 ร้าน

Positioningmag

อัพเดต 22 มี.ค. 2561 เวลา 03.10 น. • เผยแพร่ 22 มี.ค. 2561 เวลา 01.00 น.

ในขณะที่คนไทยเห็นศูนย์กระจายพัสดุของแบรนด์เอกชนอย่างKerry มากขึ้น ชาวอเมริกันก็กำลังจะได้เห็นศูนย์FedEx เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเจ้าพ่อค้าปลีกอย่างWalmart ประกาศนำร้านFedEx มาเปิดสาขาในร้านค้าWalmart จำนวน500 แห่งทั่วประเทศ จุดประสงค์ของการดึงบริษัทขนส่งมาเปิดร้านในห้าง คือเพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถส่งของถึงกันได้ง่ายขึ้น คาดว่าความเคลื่อนไหวนี้จะทำให้Walmart แข่งขันกับเจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซอย่างAmazon ได้ ซึ่งจะช่วยให้Walmart มีที่ยืนในตลาดค้าปลีกได้มั่นคงกว่าเดิม

นี่อาจเป็นข่าวสะท้อนเทรนด์ค้าปลีกยุคหน้าของโลก โดยรายงานระบุว่าWalmart ตั้งใจนำร้านFedEx เข้ามาเปิดที่ร้านสาขาของWalmart เพื่อเป็นที่จัดพิมพ์ บรรจุ และจัดส่งสินค้า อำนวยความสะดวกให้กระบวนการส่งพัสดุสามารถทำเสร็จได้ที่ร้านWalmart ในที่เดียว

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่Walmart ประสบความสำเร็จในการทดสอบนำร่อง เพราะสามารถผลักดันให้ประชาชนคนอเมริกันเดินทางเข้าร้านWalmart มากขึ้น และลดความท้าทายด้านโลจิสติกส์ของWalmart ลงได้ชัดเจน เนื่องจากลูกค้านักช้อปสามารถใช้พื้นที่ของFedEx เพื่อเปลี่ยนเส้นทางพัสดุ หรือดำเนินการคืนสินค้าตามนโยบายของร้านค้าปลีก

เห็นได้ชัดจากการทดสอบระหว่างWalmart และFedEx ใน50 สาขาที่North Carolina, South Carolina, Virginia, Arkansas, Texas และColorado พบว่าโครงการนำร่องเหล่านี้ประสบความสำเร็จงดงาม ทำให้พื้นที่สำนักงานFedEx Office ขนาดเล็กจะถูกเปิดในสถานที่ของWalmart 500 สาขาภายใน2 ปี 

ทั้งหมดนี้Walmart ถูกมองว่าเป็นการดึงFedEx เข้ามาเพิ่มบริการเพื่อให้สามารถแข่งขันกับAmazon ได้ดีขึ้น 

Brian Philips ซีอีโอFedEx Office ให้สัมภาษณ์กับCNBC ว่าความร่วมมือนี้เกิดขึ้นเพราะความลงตัวของWalmart ทั้งด้านโครงสร้างและประสิทธิภาพยอดเยี่ยม ที่ผ่านมาFedEx เป็นพันธมิตรที่ดีกับWalmart ด้านการขนส่งอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นเหมาะสมที่จะต่อยอดในรูปแบบร้านค้าภายในร้านค้าหรือstore-within-a-store format

รายงานของCNBC ชี้ว่าพื้นที่สำนักงานFedEx Office ในร้านWalmart จะช่วยให้ผู้ซื้อสามารถจัดส่งพัสดุได้ไม่เกิน5 วันทำการซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับลูกค้าบางรายที่อาศัยไกลจากศูนย์รับส่งสินค้า รวมถึงกลุ่มที่กังวลภัยล่อลวง 

ที่สำคัญ ทั้ง2 บริษัทระบุว่าประสบความสำเร็จมากเรื่องการใช้สถานที่ภายในWalmart เพื่อเก็บสินค้าคงคลัง จุดนี้ซีอีโอFedEx ยกตัวอย่างบริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่อาจใช้ร้านค้าเป็นสถานที่จัดเก็บตลอดทั้งสัปดาห์ แทนการจัดเก็บกล่องไว้ในรถรอการส่งมอบ

นอกจากนี้ การทดสอบพบว่าลูกค้าหลายรายเดินช้อปปิ้งต่อในWalmart หลังจากเข้าใช้บริการFedEx แล้ว ดังนั้น การเปิดFedEx จึงเป็นการส่งเสริมให้มีผู้เข้าชมร้านค้ามากขึ้น 

เบ็ดเสร็จแล้ว ร้านค้าFedEx จะมีขนาดราว450 ถึง750 ตารางฟุตและจะมีพนักงานFedEx รวมประมาณ2,000 คน

ความร่วมมือนี้ถือเป็นการขยายผล หลังจากที่FedEx เป็นพันธมิตรกับWalmart ในการจัดส่งสินค้ามาระยะหนึ่งแล้ว เป้าหมายของการต่อยอดครั้งนี้คือการลดความเครียดในการส่งมอบช่วง"ไมล์สุดท้าย" หรือ“last mile" ที่สินค้าจะถูกนำส่งถึงมือผู้บริโภค โดยแบรนด์ค้าปลีกทั้งAmazon, Target และบริษัทอื่น ต่างก็กำลังมองหาวิธีที่จะเอาชนะใจลูกค้าให้มากขึ้น

ตัวอย่างเช่นAmazon ที่เริ่มวางตู้เก็บของรถกระบะไว้ที่ร้านWhole Foods และห้างสรรพสินค้าใหย่ ขณะที่Target เพิ่งเข้าซื้อกิจการGrand Junction และShipt เพื่อสนับสนุนการจัดส่งสินค้าที่เร็วกว่าเดิม

จุดนี้ ซีอีโอFedEx ยอมรับว่าผู้ค้าปลีกกำลังมองหาเครื่องมือที่จะทำให้ส่งสินค้าถึงลูกค้าได้ดีและเร็วที่สุด และทุกคนกำลังพยายามหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองให้บริการได้หลายช่องทางหรือomnichannel ดังนั้นบริการขนส่งสินค้าอย่างFedEx จึงเป็นคำตอบที่เหมาะสม

ที่สำคัญ พื้นที่FedEx Office ภายในร้านWalmart จะทำให้ผู้ซื้อสามารถส่งคืนสินค้าที่ไม่ต้องการได้เร็ว เนื่องจากพันธมิตรFedEx กับผู้ค้าปลีกรายอื่น ๆ สามารถอนุมัติการคืนเงินได้ทันที จากนั้นFedEx จะสามารถจัดส่งผลิตภัณฑ์กลับไปยังผู้จัดจำหน่ายเหล่านั้นได้แบบไร้รอยต่อ

นอกจากนี้ พื้นที่FedEx ยังสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้อีคอมเมิร์ซได้มากขึ้นอีกด้วยการรวมการจัดส่งสินค้าเข้าเป็นครั้งเดียว ผ่านต้นทางและปลายทางที่ตั้งของสำนักงานFedEx ซึ่งดีกว่าการส่งมอบสินค้าไปตามบ้านของลูกค้านับ10 หลัง ซึ่งลูกค้าจะสามารถมารับสินค้าที่FedEx สาขาที่สะดวกได้เลย

บทบาทของบริษัทขนส่งอย่างFedEx ที่เพิ่มขึ้นในวงการค้าปลีกอเมริกัน อาจเป็นสัญญาณบอกว่า เทรนด์นี้กำลังจะเกิดขึ้นในพื้นที่อื่นทั่วโลกในช่วง1-2 ปีนี้ก็ได้.

ที่มา

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0