โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

YLG ปรับเป้าราคาทองปี63 แตะระดับ 1,700 เหรียญ

Businesstoday

เผยแพร่ 21 ก.พ. 2563 เวลา 11.56 น. • Businesstoday
YLG ปรับเป้าราคาทองปี63 แตะระดับ 1,700 เหรียญ

วายแอลจีเผย ราคาทอง ปีนี้พุ่งแรงทะลุแนวต้านแรกที่เคยคาดไว้ มองเป้าหมายต่อไป หลังผ่านบริเวณ1,616 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีสิทธิ์ทะยานต่อยังเป้าถัดไปที่1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ25,500 บาทต่อบาททองคำ ชี้ปัจจัยหนุนราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งแรงมาจากความกังวลการระบาดไวรัสCOVID19 ที่จะกระทบเศรษฐกิจในวงกว้าง ปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ยังยืดเยื้อ และเงินบาทที่อ่อนค่าจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมแนะจังหวะเข้าลงทุน ที่แนวรับ1,545  ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ  23,100  บาทต่อบาททองคำ

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(YLG) ผู้นำเข้าและส่งออกทองคำแท่งรายใหญ่ของไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ ราคาทอง ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ7 ปีว่า ภาพรวมในปีนี้ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น  หลังจากผ่านบริเวณ1,616  ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของราคาทองคำในเดือน มี.ค. ปี2556  และเป็นกรอบแนวต้านแรกของปีนี้ที่YLG เคยประเมินไว้  ทำให้ราคามีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อโดยจะมีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ1,700  ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

หากผ่านได้จะมีแนวต้านถัดไปอยู่ในโซน1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นโซนระดับสูงสุด ของราคา ช่วงเดือน ก.พ. ,ก.ย. และ ต.ค. ปี2555 และเป็นจุดที่ราคาทดสอบหลายครั้งแต่ก็ไม่สามารถผ่านได้

ส่วน ราคาทอง ในประเทศคาดว่าจะยังคงได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท  เนื่องจากปัญหาภัยแล้งที่กระทบต่อกำลังซื้อของเกษตรกร  การระบาดของไวรัสCOVID-19  ที่กระทบต่อภาคท่องเที่ยงหลังจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนหายไป  ซึ่งส่งผลให้  GDP ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ  การชะลอตัวทางเศรษฐกิจจะเพิ่มโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเพิ่มเติมอีก  ซึ่งจะยิ่งเป็นปัจจัยกดดันให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบของการอ่อนค่า  จึงเพิ่มโอกาสที่ราคาทองคำในประเทศจะแตะระดับ  25,500-27,000 บาทต่อบาททองคำภายในปีนี้ 

“ปีนี้เป็นปีที่ราคาทองคำทะยานขึ้นนับตั้งแต่ต้นปี  โดยราคาทองคำในตลาดโลก  หรือ  Gold Spot  ปรับตัวสูงขึ้น118 ดอลลาร์ต่อออนซ์  หรือเพิ่มขึ้น7.78 % จากราคาเปิด1,517 สู่ดอลลาร์ต่อออนซ์  สู่ระดับ1,635  ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ7 ปี  โดยทองคำได้รับปัจจัยบวกหลายเรื่องในปีนี้  ได้แก่  สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่านในช่วงต้นปี 

ล่าสุดเกิดการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือCovid 19 ซึ่งจะกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก  กระตุ้นการคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ยปีนี้  ส่วนตลาดบอนด์กลับมาเกิดภาวะinverted yield curve ระหว่างบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ3 เดือน และอายุ10 ปี  ซึ่งยิ่งสร้างความวิตกว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญภาวะถดถอย(Recession)ในอนาคต 

ทั้งนี้ไม่เพียงแต่ ราคาทอง ในตลาดโลกที่พุ่งขึ้น  แต่ราคาทองคำในประเทศได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท  โดยค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเนื่องจาก กนง. ลดดอกเบี้ย0.25% สู่ระดับ1.00% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์หลังเศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงรอบด้าน  จึงมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยอีกในอนาคต จากการอ่อนค่าของค่าเงินบาทจึงทำให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวสูงขึ้น2,800 บาทต่อบาททองคำ  หรือ  +12.93% จากราคาเปิดที่21,650 บาทต่อบาททองคำ  สู่ระดับ24,450 บาทต่อบาททองคำ  ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่2 ม.ค.ปี2556 หรือสูงสุดในรอบกว่า7 ปี” นางพวรรณ์ กล่าว(อัพเดทราคา ณ วันที่21 ก.พ. 2020 เวลา14.43 น.)

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี2563 สามารถหาจังหวะเข้าซื้อใกล้บริเวณแนวรับ1,545  ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ  23,100  บาทต่อบาททองคำ  และทยอยแบ่งพอร์ตเพื่อขายทำกำไรเป็นระยะ  โดยขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน1,700-1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์  หรือ25,500-27,000   บาทต่อบาททองคำ  อย่างไรก็ดี  หากหลุดแนวรับ1,545  ดอลลาร์ต่อออนซ์ควรตัดขาดทุบางส่วน  แล้วถอยจุดซื้อไปยังแนวรับถัดไปบริเวณ1,445 ดอลลาร์ต่อออนซ์  หรือ  21,600 บาทต่อบาททองคำ 

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง :หุ้นชิ้นส่วนรถยนต์ ทรุดหนักสิ้นสภาพ Detroit แห่งเอเชีย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0