เปิดตัว Xiaomi Mi 10 Series
Xiaomi Mi 10 Series สมาร์ทโฟนเรือธงใหม่ของแบรนด์ที่เปิดตัวออกมาช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งสำหรับรุ่นนี้ ทาง Xiaomi เน้นจุดขายไปที่กล้องสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพสูงที่ไม่เพียงแค่ภาพนิ่งเท่านั้น แต่รวมไปถึงการถ่ายวีดีโอด้วย ซึ่งรุ่น Mi 10 Pro ก็เคลมตำแหน่งอันดับ 1 จากเว็บไซต์ dxomark.com ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวีดีโอ กล้องถ่ายภาพ และการบันทึกเสียง
ซึ่งนอกจากเรื่องของกล้องบนสมาร์ทโฟน Mi 10 Series ยังชูในเรื่องของการที่จะนำสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G ไปสู่แฟนๆ Xiaomi ทุกคนอีกด้วย
รุ่นของสมาร์ทโฟน Xiaomi Mi 10 Series
Xiaomi Mi 10 Series เปิดตัวมาด้วยกัน 3 โมเดล ได้แก่ Mi 10 Pro, Mi 10 และ Mi 10 Lite ซึ่งในรุ่น Mi 10 Lite ได้ออกมาเป็นรุ่นเซอร์ไพรส์ที่ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 765G เป็นสมาร์ทโฟนราคาถูกที่รองรับเครือข่าย 5G อีกด้วย ซึ่งรายละเอียดของทั้ง 3 รุ่น มีดังนี้
Xiaomi Mi 10 Pro
สมาร์ทโฟนตัวท็อปของซีรีย์ที่มีความแตกต่างชัดเจนตรงที่นอกจากมีเลนส์กล้องที่รองรับความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซลแล้ว ยังรองรับการซูม optical zoom ได้ถึง 10x และ digital zoom อีก 50x อีกด้วย รวมทั้งยังมี เลนส์ Ultra-wide 117 องศาให้ใช้งาน
ซึ่ง Mi 10 Pro มีให้เลือกด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สีเทา Solctice Grey และสีขาว Alpine White ในราคาเริ่มต้น 999 ยูโร หรือประมาณ 35,800 บาทไทย
Xiaomi Mi 10
สมาร์ทโฟนรุ่นรองลงมาของซีรีย์ ที่ตัดเรื่องของเลนส์ซูมและความละเอียดออก แต่ก็ยังคงรายละเอียดสูงสุดที่ 108 ล้านพิกเซลอยู่ รวมทั้งยังมีเลนส์มุมกว้าง 123 องศาและเลนส์มาโครเป็นทางเลือกให้ใช้งาน
Mi 10 มีให้เลือกด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สีเทา Twilight Grey และ สีเขียว Coral Green ในราคาเริ่มต้น 799 ยูโร หรือประมาณ 28,600 บาทไทย
*ทั้ง Mi 10 Pro และ Mi 10 จะเริ่มจำหน่ายเร็วสุดในประเทศทางโซนยุโรปวันที่ 7 เมษายนนี้ ส่วนประเทศไทยต้องรอทาง Xiaomi ประเทศไทยประกาศอีกที
Xiaomi Mi 10 Lite
Mi 10 Lite รุ่นเล็กที่ทางแบรนด์เปิดตัวแบบเซอร์ไพรส์ในคราวนี้ โดยการลดสเปคจากชิปเซ็ตตัวท็อปมาเป็น Snapdragon 765G ชิปเซ็ตระดับกึ่งท็อป ที่รองรับ 5G รวมทั้งตัวกล้องมีความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 48 ล้านพิกเซล ทำให้ในรุ่นนี้ มีราคาเริ่มต้นเพียง 349 ยูโร หรือประมาณ 12,500 บาทไทยเท่านั้น
โดย Mi 10 Lite มีให้เลือกด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีเทา สีขาว และสีเขียว เริ่มจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม
ฟีเจอร์และเรื่องที่น่าสนใจของ Mi 10 Series
สมาร์ทโฟนที่ถ่ายวีดีโอได้อย่างมืออาชีพ
Xiaomi Mi 10 Series สามารถถ่ายวีดีโอได้ด้วยความละเอียดสูงสุดถึง 8K และมีฟังก์ชั่นที่เสริมประสิทธิภาพของการถ่ายวีดีโอมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Pro Mode ที่สามารถทำได้ทั้งการปรับระยะโฟกัสเอง ปรับแสงสว่าง ล็อกแสง/โฟกัสกับวัตถุ รวมไปถึง LOG mode มีระบบกันสั่น ShootSteady ที่ทำให้ถ่ายวีดีโอได้นิ่ง ไม่สั่นไหว รวมไปถึงลูกเล่นอย่าง Color Focus ที่แยกให้ตัวแบบสีออกจากพื้นหลังขาวดำที่ดูโดดเด่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด และการถ่ายวีดีโอแบบ Motion Blur ที่เป็นอีกหนึ่งลูกเล่นสำหรับการถ่ายด้วย Pro Mode อีกด้วย
ShootSteady ที่แม้จะถ่ายวีดีโอบนหลังม้า ก็ยังนิ่ง
Color Focus ถ่ายขาวดำ โดยที่ตัวแบบยังคงสีสัน
#LightsCameraAction เป็นแฮชแท็กที่ใช้โปรโมท Xiaomi Mi 10 Pro ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นเรื่องของการชูประสิทธิภาพของการถ่ายวิดีโอบน Mi 10 Pro นั่นเอง โดยทาง Xiaomi ได้มีโปรเจคระหว่าง Xiaomi Studios กับ Luis Guanzon แบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Xiaomi ร่วมกันสร้างสรรค์วีดีโอที่ถ่ายด้วย Mi 10 Pro ทั้งหมด
ตัวอย่างรายละเอียดภาพของวีดีโอจาก Mi 10 Pro
กล้องสมาร์ทโฟนที่ได้คะแนน dxomark.com สูงถึง 124 คะแนน
Mi 10 Series ให้กล้องมาที่ความละเอียดสูงสุดถึง 108 ล้านพิกเซล ที่มีทั้งบน Mi 10 และ Mi 10 Pro ซึ่งมีทั้งเทคโนโลยี AI 2.0 ที่ถ่ายภาพสวยได้ในคลิกเดียว ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปก็สามารถถ่ายภาพระดับมืออาชีพได้ง่ายๆ มีรายละเอียดภาพ แสงเงาที่ครบถ้วน และ Nightmode 2.0 ที่ทำให้การถ่ายภาพกลางคืนสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
โหมดกลางคืนที่ถ่ายแม้กระทั่งพลุได้
ในตัวของ Mi 10 Pro รองรับการซูมภาพที่มากถึง 50x ซึ่งจริงๆ แล้วรายละเอียดจากการซูมแบบดิจิทัล อาจจะไม่น่าประทับใจที่จะนำไปใช้งานได้ แต่สิ่งที่ Mi 10 Pro มอบให้คือดีเทลของภาพที่ยังพอระบุได้ถึงวัตถุไกลๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ Mi 10 Pro เห็น
คนที่อยู่ข้างบ้านที่ไกลลิบก็ยังมองเห็นได้
อีกจุดหนึ่งที่ Mi 10 Series ใส่ใจก็คือเลนส์มุมกว้างที่มักจะมีอาการภาพบวมบริเวณขอบ ทำให้การถ่ายรูปหมู่ก็ไม่ค่อยจะมีใครอยากอยู่ที่ขอบภาพซักเท่าไหร่ หรือภาพวิวที่ขอบภาพเส้นบิดเบี้ยว ซึ่ง Mi 10 Series ก็มี Distortion Correction คอยแก้ปัญหาตรงนี้ให้ด้วย ไม่ว่าจะถ่ายภาพกลุ่มหรือภาพวิวก็หมดกังวล
อีกโปรเจคหนึ่งที่ Xiaomi ใช้แสดงศักยภาพกล้องความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ด้วยการนำเซ็นเซอร์กล้องตัวเดียวกับ Mi 10 Series ติดไปกับดาวเทียมเพื่อถ่ายภาพโลก ซึ่งรายละเอียดที่ได้ออกมาก็น่าประทับใจ นอกจากจะเห็นโลกทั้งใบแล้ว ภาพ 108 ล้านพิกเซลยังสามารถซูมเห็นปล่องภูเขาไฟที่รายละเอียดชัดเจนอีกด้วย และภาพโลกในโปรเจคนี้ ทาง Xiaomi ยังปล่อยให้แฟนๆ มี่ไปโหลดมาใช้เป็นวอลล์เปเปอร์ได้
อีกรายละเอียดเล็กๆ ที่ Mi 10 Series ใส่ใจก็คือเทคโนโลยี Hardware Flicker Sensor ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาในการถ่ายภาพหน้าจอต่างๆ ที่มักจะมีเส้นวิ่งๆ บนหน้าจอ ทำให้ภาพที่ได้ออกมาไม่สวยงาม ซึ่งเซ็นเซอร์นี้ก็จะไปตรวจรีเฟรชเรทของหน้าจอและตั้งค่ากล้องให้เหมาะสม ทำให้ภาพที่ถ่ายหน้าจอต่างๆ มีรายละเอียดที่สมบูรณ์นั่นเอง
เสียงลำโพง
สำหรับเรื่องเสียง Mi 10 Series ได้ใช้ลำโพงแบบ Dual Speakers ที่เสียงลำโพงทั้ง 2 ข้างมีระดับความดังสูงสุดเท่ากัน ทำให้ได้เสียงแบบ True Stereo Sound มีมิติเสียงที่ชัดเจน ไม่ว่าจะดูหนังหรือเล่นเกม
ให้เสียงซ้ายขวาที่เท่ากัน แตกต่างจากแบรนด์อื่น
ดีไซน์ตำแหน่งกล้องบนหน้าจอที่ใส่ใจคนใช้งาน
ดีไซน์รูกล้องหน้าบนหน้าจอแบบ Punch-hole ไม่ใช่เรื่องใหม่ในตลาด แต่เป็นตำแหน่งของการวางรูกล้องที่ Xiaomi ใส่ใจ โดย Mi 10 Series ได้เลือกวางรูกล้องไว้ที่ด้านบนซ้ายของหน้าจอ ด้วยเหตุผลที่ว่า เวลาผู้ใช้จับมือถือในแนวนอน รูกล้องจะไปอยู่ในหน้าจอส่วนที่จับถือพอดี ไม่มารบกวนหน้าจอเวลาเล่นเกมหรือดูหนังนั่นเอง
หน้าจอสีที่แม่นยำ
ถ่ายภาพจะสวยแค่ไหน ถ้าสีโชว์บนหน้าจอไม่ตรงตามจริงคงจะเซ็งไม่น้อย ซึ่ง Mi 10 Series ได้เคลมว่าหน้าจอ TrueColor มีค่าสีที่แม่นยำโดยมีค่า Delta E ต่ำกว่า 1.1 (ยิ่งต่ำ สียิ่งแม่นยำ) รวมทั้งมีค่าคอนทราสต์แสงที่สูงถึง 5,000,000:1 และความสว่าาง 1200 nits ทำให้สามารถแสดงผลสีได้อย่างแม่นยำ
ซึ่งการมีสีที่แม่นยำ ไม่ได้ส่งผลดีต่อช่างภาพ ศิลปิน หรือนักออกแบบเท่านั้น แต่ยังดีต่อบรรดานักช้อปออนไลน์ที่จะสามารถเลือกสินค้าที่มีสีสันตรงกับที่ตาเห็นอีกด้วย
ประสิทธิภาพ
ด้านประสิทธิภาพการใช้งาน ทั้ง Mi 10 Pro และ Mi 10 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcommm Snapdragon 865 ที่มีความแรงสูงสุดถึง 2.84GHz ใช้หน่วยความจำ LPDDR5 ตัวล่าสุดที่ 8GB และสตอเรจ UFS 3.0 ขนาด 256GB มี LiquidCooler 2.0 ช่วยระบายความร้อนเครื่องให้พร้อมทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุดตลอดเวลา ส่วนด้านเครือข่าย ก็มาพร้อมกับ 5G และ Wi-Fi 6 ที่รองรับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุดถึง 9.6Gbps ด้วยกัน
ซึ่งการทดสอบคะแนน Benchmark บน AnTuTu ทาง Mi 10 Pro ก็ทำไปได้ถึง 602,660 คะแนน
รองรับชาร์จ 50W ที่ชาร์จแบตฯ เต็ม 100% ใน 45 นาที
Mi 10 Pro รองรับการชาร์จแบตฯ สูงถึง 50W โดยใช้เวลาเพียง 45 นาทีก็ชาร์จแบตฯ จาก 0 ถึง 100% ส่วน Mi 10 รองรับการชาร์จ 30W (เต็ม 100% ใน 65 นาที) และทั้งคู่ยังรองรับการชาร์จไร้สายที่ความเร็ว 30W รวมทั้งสามารถ Reverse Wireless Charge ให้กับอุปกรณ์ชาร์จไร้สายอื่นๆ ได้อีกด้วย
และถึงแม้ว่า Mi 10 จะให้ความเร็วในการชาร์จได้น้อยกว่า Mi 10 Pro แต่ก็ให้แบตเตอรี่สูงกว่ารุ่นท็อป ซึ่งเรื่องขนาดของแบตเตอรี่ที่ไม่เท่ากันนี้ ทาง Xiaomi กล่าวว่าเป็นเรื่องของทีมออกแบบที่จัดสรรพื้นที่ของตัวเครื่องให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สิ่งที่น่าสนใจคือ ในกล่อง Mi 10 Pro ให้ที่ชาร์จ 65W มาด้วย ซึ่งหลายๆ ค่ายหากต้องการชาร์จด่วนก็ต้องซื้ออะแดปเตอร์เพิ่มเอง และสาเหตุที่ Mi 10 Pro ให้ที่ชาร์จที่มีความแรงมากกว่าที่สมาร์ทโฟนรองรับ ก็เพื่อนำไปชาร์จอุปกรณ์อื่นๆ เช่นโน๊ตบุ๊คได้ด้วยนั่นเอง
ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เปิดตัว
เราท์เตอร์ Mi AIoT Router AX3600 และ AC2350
Xiaomi เตรียมจำหน่ายเราท์เตอร์เพื่อตอบรับกับเทรนด์ AIoT เปลี่ยนบ้านให้เป็นสมาร์ทโฮมด้วย AX3600 เราท์เตอร์ที่รองรับ Wi-Fi 6 ในราคาเริ่มต้น 119.99 ยูโร หรือประมาณ 4,360 บาทไทย และมีตัวเลือกเราท์เตอร์ AC2350 สำหรับกลุ่มตลาดที่รองรับแค่ Wi-Fi 5 ในราคาเพียง 49.99 ยูโร หรือประมาณ 1,820 บาทไทยอีกด้วย
สมาร์ททีวี Mi TV 4S 65"
เปิดตัวอีกหนึ่งรุ่นสมาร์ททีวี Mi TV 4S ขนาดจอ 65 นิ้ว ที่รองรับทั้ง 4K HDR10+ สามารถโหลดแอปฯ จาก Google Play Store ได้ มีรีโมทสำหรับรับคำสั่งเสียงใช้งาน Google Assistant มี Chromecast ในตัวให้สามารถส่งภาพจากมือถือขึ้นจอได้ทันที โดยมีราคาเริ่มต้น 549 ยูโร หรือประมาณ 20,000 บาทไทย เริ่มจำหน่ายเดือนมิถุนายนนี้
เครื่องกรองอากาศไซส์เล็ก Mi Air Purify 3H
เป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่ขายดีอย่างต่อเนื่องในสถานการณ์แบบนี้ และก็เปิดตัว Mi Air Purifier 3H เครื่องกรองอากาศขนาดเล็กที่ใช้ฟิลเตอร์ True HEPA มีหน้าจอสั่งการ OLED แบบทัช ครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 45 ตารางเมตร จำหน่ายในราคาเริ่มต้น 179.99 ยูโร หรือประมาณ 6,500 บาทไทย
Mi Smart Bundle เปลี่ยนบ้านให้เป็นสมาร์ทโฮม
สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนบ้านให้เป็นสมาร์ทโฮม AIoT ทาง Xiaomi ก็มีชุดบันเดิลสำเร็จรูปจำหน่ายในจำนวนจำกัดเพียง 699 ยูโร หรือประมาณ 25,500 บาทไทย ที่ประกอบไปด้วยทีวี เครื่องกรองอากาศ เราท์เตอร์ และหลอดไฟ LED
Mi True Wireless 2 หูฟังไร้สายทรูไวเลส
ผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่เปิดตัว (อย่างเร็วๆ) ในงานก็คือ Mi True Wireless Earphones 2 หูฟังไร้สายแบบเอียร์บัดสีขาว ที่มีราคาเริ่มต้นที่ 79.99 ยูโร หรือประมาณ 2,900 บาทไทย