องค์การอนามัยโลก(WHO) ได้ยกระดับการประเมินความเสี่ยงของไวรัสโควิด-19 ในระดับโลกจากขั้น“สูง” เป็น“สูงมาก”
วันที่29 ก.พ. 2563 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า วานนี้(28 ก.พ. 2563) ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การฯ แถลงข่าวประจำวันว่า คณะนักระบาดวิทยาของเราคอยเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง กระทั่งบัดนี้เราได้ยกระดับการประเมินความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและความเสี่ยงด้านผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ในระดับโลกให้อยู่ในขั้นสูงมาก
องค์การอนามัยโลกมีความกังวลต่อจำนวนผู้ติดเชื้อและประเทศที่ได้รับผลกระทบที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
เมื่อวันที่27 ก.พ. 63 ที่ผ่านมา เดนมาร์ก เอสโตเนีย ลิทัวเนีย เนเธอร์แลนด์ และไนจีเรีย ต่างพบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศ โดยผู้ติดเชื้อทุกรายมีความเชื่อมโยงกับอิตาลี
แม้ผู้ติดเชื้อจะเพิ่มจำนวนขึ้นแต่ยังคงปราศจากหลักฐานว่าไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างไม่อาจควบคุมตามชุมชน กีบรีเยซุสเน้นว่ายังคงมีโอกาสในการควบคุมไวรัส หากดำเนินงานอย่างแข็งขันในการระบุตัวผู้ติดเชื้อให้ได้อย่างรวดเร็ว แยกโรค และรักษาผู้ป่วย รวมถึงติดตามผู้มีประวัติติดต่อใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ
กีบรีเยซุสกล่าวว่า เรายังคงมีโอกาส(ในการควบคุมไวรัส) แม้ว่าโอกาสนั้นจะน้อยลงทุกทีเมื่อเวลาผ่านไป พร้อมย้ำว่ายุทธศาสตร์ต่างๆ นับตั้งแต่การควบคุมไวรัสอาจได้ผล
ด้านไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารโครงการเหตุฉุกเฉินด้านสุขภาพ(Health Emergencies Program) ขององค์กรฯ กล่าวว่าการยกระดับการประเมินความเสี่ยงในระดับสากล ไม่ได้ก่อให้เกิดความแตกต่างทางกฎหมายต่อวิธีที่แต่ละประเทศต้องดำเนินการเพียงแต่เป็นการสะท้อนถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในระดับโลก ขณะนี้เราระมัดระวังขั้นสูงสุด รวมถึงประเมินความเสี่ยงด้านการแพร่ระบาดและผลกระทบไว้ในขั้นสูงสุด อย่างไรก็ดี เราไม่ได้ประสงค์จะสร้างความตื่นตระหนกหรือหวาดหวั่นแก่สาธารณชน
ในทางตรงกันข้าม ไรอันระบุว่าการประกาศครั้งนี้เป็นไปเพื่อให้ประเทศทั้งหลายเข้าใจว่าการควบคุมไวรัสขึ้นอยู่กับการดำเนินงานของนานาประเทศการยกระดับความเสี่ยงครั้งนี้เป็นการประกาศข้อเท็จจริงให้รัฐบาลทุกประเทศทราบ เพื่อให้รับรู้สถานการณ์และเตรียมพร้อมรับมือไวรัสโควิด-19