จากประเด็นหน่วยงานภาครัฐถูกแฮกข้อมูลทำให้ Cyber securityถูกพูดถึงกันอย่างมากในเวลานี้ โดยในตลาดหุ้นเราก็ยังมีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับ Cyber securityอยู่ในระดับหนึ่ง และหุ้นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคงหนี้ไม่พ้น SECURE และ VCOM
ก่อนอื่นเราต้องอธิบายก่อนว่า Cyber securityหรือการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ก็คือ การช่วยป้องกันระบบต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และข้อมูลต่าง ๆ หากไม่มี security plan แฮกเกอร์ก็สามารถเข้าถึง computer systemโดยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ มีความสำคัญมาก เนื่องจากองค์กร ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชนต่างรวบรวม, ประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากบนคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญ Cyber securityจึงมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อป้องกัยการถูกแฮกข้อมูล
ทางด้านมุมมองของนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ได้มีความเห็นว่า จากประเด็นข่าวหน่วยงานรัฐและเอกชนถูกแฮกเกอร์ขโมยข้อมูล หุ้นในตลาดที่ให้บริการด้าน Cyber Security ได้แก่ SECURE, VCOM แนะนำ "เก็งกำไร"
เจาะล็ก 2 หุ้นเด่น SECURE, VCOM
บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า SECURE ประกาศเปิด 3 Vendors รายใหม่ ได้แก่ 1. Cloudflare (NYSE:NET) ซึ่งเป็นผู้นำด้าน Content Delivery Network (CDN)และ Domain Name System (DNS) ที่จดทะเบียนในตลาด Nasdaq มูลค่าตลาด 4.1 หมื่นล้านเหรียญ,
2.Bitglass (Non-Listed) ซึ่งเป็นผู้นำด้าน Cloud Access Security Broker (CASB) ที่ติดอันดับผู้นำจาก Gartner Research ด้าน Security ที่อยู่ระหว่าง Cloud Security ที่ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่นิยมในกลุ่มธนาคาร และ 3.BeyondTrust (Non-Listed) ซึ่งเป็นผู้นำในบริการป้องกันการเจาะระบบเพื่อขโมยข้อมูล (Data Breaches) ที่ใช้งาน โดยทั่วไปในบริษัทฯ Fortune 100
SECURE ตั้งเป้าหมายรายได้จากทั้ง 3 Vendors ใหม่ที่ราว 1 ล้านเหรียญต่อปีในครึ่งหลัง 64และราว 2 ล้านเหรียญในปี 2565 โดยการปิด Vendor ใหม่เป็นรายได้ส่วนเพิ่มจากเป้าหมายการเติบโตปกติของบริษัทฯที่ปีละ 15% หากทำได้ตามเป้าหมาย เราคาดบริษัทฯจะเติบโตของรายได้ปี 2565 ที่ระดับ 20% จากปีก่อน ขณะที่มูลค่าตลาดเฉพาะ Cloudflare อย่างเดียวก็มีโอกาสเติบโตอีกมากเพราะยังไม่เป็นที่รู้จักในประเทศไทยแต่เป็นอนาคตของอุตสาหกรรม Cybersecurity
ภาพรวมอุตสาหกรรมในระยะยาว ผู้บริหารประเมินการเติบโตของตลาด Cybersecurity โดดเด่นจาก Penetration ของประเทศไทยที่ยังต่ำและการเติบโตของปริมาณข้อมูลมหาศาลในยุค 5G ซึ่งมุมมองดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของ Operators รายใหญ่ในประเทศไทยอย่าง ADVANC ซึ่งให้ข้อมูลในงานสัมมนากับเราว่าการเติบโตในยุค 5G จะอยู่ตลาด Enterprise นำโดยสินค้ากลุ่ม Cybersecurity และ Cloud เป็นหลัก
ในระยะสั้น SECURE จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ในไตรมาส 3/64 แม้ความต้องการจะแข็งแกร่ง แต่งานด้าน Cybersecurity จำเป็นต้องไปติดตั้งที่หน้างานของลูกค้าที่มีข้อจำกัดในช่วงการ Lockdown ที่เข้มข้นในประเทศไทย นอกจากนี้ Hardware ส่วนใหญ่ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศซึ่งได้รับผลกระทบ จากภาวะการขาดแคลนชิ้นส่วน Semiconductor ทำให้มี Lag time ในการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น ดังนั้น การบันทึกรายได้ไม่ได้ทำให้ผลประกอบการไตรมาส 3/64 อาจไม่โดดเด่น แต่ไม่ใช่ภาพที่แท้จริงของ อุตสาหกรรมที่ Demand จะแข็งแกร่งไปอีกหลายปี การรับรู้งานเพียงแต่ล่าช้าออกราว 1-2 ไตรมาส
แม้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ผู้บริหารคงเป้าหมายรายได้ทั้งปี 2564 ที่ 800 ล้านบาท เติบโต 26.2% จากปีก่อน จากครึ่งแรก 64 ที่แข็งแกร่งและการเริ่มออกไปติดตั้งงานได้แล้ว จึงคงประมาณการปี 2564 ยอดขาย 796 ล้านบาท เติบโต 25.5%จากปีก่อน และกำไรปกติปี 2564 ที่ 71 ล้านบา เติบโต 62% จากปีก่อน
พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลถูกภาครัฐเลื่อนออกไป 1 ปี เริ่ม 1 มิ.ย.2565 โดย SECURE ยังคาดหวังรายได้จากลูกค้าเฉพาะสินค้าสำหรับ PDPA ที่ราว 20 ล้านบาท ส่วนเงินที่ได้รับจากการ IPO ราว 444 ล้านบาท บริษัทอยู่ระหว่างมองหากิจการเพื่อที่จะ M&A โดยคาดจะเห็นความคืบหน้าในช่วงไตรมาส 4/64 ภายใต้งบลงทุนราว 200 ล้านบาท เป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวม ในประมาณการของเราและตลาด
ดังนั้นคงคาดกำไรปกติปี 2564 ที่ 71 ล้านบาท แต่ปรับเพิ่มกำไรปี 2565 เป็น 99 ล้านบาท เติบโต 39% จากการปรับเพิ่มสมมติฐานรายได้ปี 2565 เป็นเติบโต 20% ประเมินราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 31.40 บาทต่อหุ้น เราเลือก SECURE เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม ICT Small Cap และให้เป็นตัวแทนการเติบโตของ Cybersecurity ในประเทศไทย
VCOM ลุ้นปีนี้กำไรโตเป็น 128 ล้านบาท
VCOM ให้บริการในเมียนมาหลายอย่างด้วยกัน เช่น cybersecurity และ enterprise solution โดยรายได้จากเมียนมาคิดเป็นสัดส่วน 8% ของรายได้รวมในปี 2563 ปัจจุบันบริษัทมุ่งเนนการจัดเก็บเงินสำหรับโครงการที่เสร็จสิ้นแล้ว นับถึงปัจจุบัน กระบวนการจัดเก็บเงินมีความคืบหน้าที่ดีโดยไม่มีความจำเป็นต้องตั้งสำรองแต่อย่างใด สําหรับโครงการใหม่ในเมียนมา VCOM จะมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าเก่าที่มีปัญหาด้านการชำระเงิน แต่สําหรับลูกค้าใหม่ บริษัทกําหนดให้มีการชำระเงินล่วงหน้า
คงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 6.0 บาท โดยคาดกำไรตรึ่งหลังลดลงจากครึ่งปีแรก ซึ่งคาดว่ารายได้ครึ่งหลังปี64 จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัวจากครึ่งปีแรก และช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ของ VCOM น่าจะได้รับผลกระทบด้านลบในช่วงล็อกดาวน์
เนื่องจากเราคาดว่าลูกค้าทั้งในและต่างประเทศจะเลื่อนการตัดสินใจซื้อออกไป นอกจากนี้การล็อกดาวน์ยังจะทำให้ VCOM เข้าทำงานออนไซบางส่วนได้ยาก จึงคาดว่ารายได้ของบริษัทจะลดลงในไตรมาส 3/64 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2ก่อนที่จะฟื้นตัวในไตรมาส 4/64 ฃ
สำหรับความสามารถในการทำกำไร VCOM ทำอัตรากำไรขั้นต้นในครึ่งแรก 64 ได้ที่ 20.7%ดีขึ้นจาก 18.2% ในปี 2563 โดยได้รับการสนับสนุนจากการมีสัดส่วนรายได้จากการบริการ (ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูง) เพิ่มมากขึ้น ผู้บริหารคาดว่ารายได้จากการบริการจะลดลงในครึ่งหลัง 64 ดังนั้นเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงสู่ 20% จากครึ่งปีแรก ด้วยเหตุนี้กำไรครึ่งหลังปี 64 น่าจะลดลงจากครึ่งปีแรก แต่ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2564 ของ VCOM ไว้ที่ 128 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9%จากปีก่อน
