การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างเต็มตัวในช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของ“ตลาดเกิดใหม่” ฟื้นตัวตามมาด้วย
ภูมิภาคนี้ยังถือว่าLaggard กลุ่ม“ตลาดพัฒนาแล้ว” ที่ฟื้นตัวมาโดดเด่นก่อนหน้าและมีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนที่ดีกว่า
แต่ช่วงครึ่งปีหลังภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดการลงทุนในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ก็ดูมีความน่าสนใจมากขึ้นเช่นกัน
วันนี้ทีมงาน‘โต๊ะกองทุนWealthythai’ มีเรื่องราวดีๆที่น่าสนใจมาอัพเดทกันเช่นเคย
“หุ้น” ยังน่าสนใจกว่า‘ตราสารหนี้’…แต่ระวังความผันผวนจากทิศทาง‘เงินเฟ้อ’ ที่เร่งตัว
โดย“นันท์มนัสเปี่ยมทิพย์มนัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุนบลจ.ไทยพาณิชย์จำกัดบอกว่าในช่วงที่ผ่านมา“ตลาดหุ้นสหรัฐ” ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เริ่มคลี่คลายลงและมีการกระจายฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไปในอัตราที่สูงทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินได้ใกล้เคียงกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดส่งผลให้เป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์นอกจากนี้ยังได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลที่ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงที่มีการแพร่ระบาดโดยนโยบายส่วนใหญ่ยังคงมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการบริโภคภาคเอกชนและประคับประคองผู้ประกอบการ
(นันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส)
“อีกทั้งการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางที่ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำและเข้าซื้อสินทรัพย์ในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่องยังเป็นปัจจัยที่ทำให้สภาพคล่องส่วนเกินในตลาดเงินเป็นจำนวนมากและสภาพคล่องส่วนเกินดังกล่าวได้ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นที่สามารถสร้างอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้”
ทั้งนี้การฟื้นตัวต่อเนื่องของตลาดแรงงานและอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วรวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่กำลังถูกพิจารณาเป็นปัจจัยให้คณะกรรมการนโยบายการเงินเริ่มพิจารณาการลดการเข้าซื้อสินทรัพย์(QE Taper) และโอกาสการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เร็วซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นกดดัน Valuation ของตลาดหุ้นและอาจทำให้มีการขายทำกำไรออกมาบางส่วน
“หุ้นตลาดเกิดใหม่” ฟื้นตามศก.โลก-คืบหน้าฉีดวัคซีนช่วงครึ่งปีหลัง
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นใน“ตลาดเกิดใหม่” ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาตลาดได้เผชิญกับความผันผวนและไม่สามารถทำผลตอบแทนได้ดีเท่าที่ควรเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วโดยมีปัจจัยลบหลักมาจากความกังวลเรื่องเงินอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งอาจจะกระทบกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางในภูมิภาคนอกจากนั้นแนวโน้มการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากหลายประเทศต่างเริ่มลดมาตรการณ์ควบคุมการระบาดโดยเฉพาะใน‘เอเชีย’ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การลงทุนในภูมิภาคนี้มีความน่าสนใจลดลง
“อย่างไรก็ดีในระยะถัดไปการลงทุนใน‘ตลาดเกิดใหม่’ ก็ยังคงมีความน่าสนใจจากการที่เศรษฐกิจโลกอาจฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ในช่วงครึ่งปีหลังโดยมีปัจจัยหนุนที่สำคัญจากรัฐบาลในหลายประเทศที่ให้ความสนใจและความสำคัญกับแผนการกระจายวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-19 อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นซึ่งคาดว่าจะทำให้การค้าขายระหว่างประเทศรวมถึงการท่องเที่ยวกลับมาคึกคักและผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไป”
“REITs” ไทยและตลาดเกิดใหม่ยังLaggard…กลุ่ม‘ตลาดพัฒนาแล้ว’
ในขณะที่“จุมพลสายมาลา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบลจ.พรินซิเพิลจำกัด มองว่าช่วงครึ่งปีหลัง“ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REITs)” มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนเนื่องจากราคาในปัจจุบันยังปรับตัวเพิ่มขึ้นช้ากว่าหุ้นหรือสินทรัพย์ประเภทอื่นๆโดยเฉพาะ REITs ใน‘ประเทศไทย’ และกลุ่มประเทศ‘ตลาดเกิดใหม่’ ที่ราคายังฟื้นตัวช้ากว่า REITs ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นสหรัฐที่มีการเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมาหลังจากพัฒนาวัคซีนได้เป็นผลสำเร็จส่งผลให้ราคา REIT ในกลุ่มค้าปลีกและโรงแรมปรับเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้
(จุมพล สายมาลา)
สำหรับปัจจัยบวกที่จะมีผลต่อการฟื้นตัวของราคา REITs ได้แก่
1.การผ่อนคลายนโยบายทางการเงินและการคลังของรัฐบาลแต่ละประเทศและธนาคารกลางทั่วโลกไปอีกระยะหนึ่ง
2.การระดมฉีดวัคซีนในประเทศต่างๆ
3.ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการเป็นหนึ่งในฐานการผลิตวัคซีน
4.การเปิดประเทศภายหลังที่ประเทศต่างๆเร่งฉีดวัคซีนแก่ประชาชน
“ส่วนปัจจัยที่อาจส่งผลกดดันราคา REITs ได้แก่อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยความเสี่ยงจากการลดวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ(QE Tapering) ของสหรัฐเศรษฐกิจถูกกดดันจากการระบาดของ COVID-19 และไวรัสกลายพันธุ์กระทบเศรษฐกิจฟื้นตัวล่าช้าสำหรับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับ REIT มากนักเห็นได้จากในช่วงไตรมาส1/21 ที่อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นแต่สินทรัพย์ต่างๆเช่น REITs, หุ้นก็ให้อัตราผลตอบแทนที่ดีขึ้นเช่นกัน”
ทั้งหมดนี้เป็นมุมมองการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังจาก2 บลจ.ที่มีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนใน“ตลาดเกิดใหม่” ทั้งในส่วนของ‘หุ้น’ และ‘REITs’ ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนเลยทีเดียว