โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

The Profile : จากเด็กเกเร สู่ผู้สร้างนวัตกรรมตลาดทุน "อมร จุฬาลักษณานุกูล"

Wealthy Thai

อัพเดต 16 ก.ย 2562 เวลา 10.25 น. • เผยแพร่ 16 ก.ย 2562 เวลา 10.25 น. • wealthythai
The Profile : จากเด็กเกเร สู่ผู้สร้างนวัตกรรมตลาดทุน

การวางแผนทางการเงิน ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เราทุกคนต้องเตรียมพร้อม ในยุคที่ผู้คนเริ่มอยู่อย่างโดดเดี่ยวมากขึ้น การแต่งงานลดน้อยลง เช่นเดียวกับเด็กเกิดใหม่ก็ลดตาม อนาคตหลังเกษียณกลายเป็นเรื่องเสี่ยงหากไม่ได้เตรียมพร้อมด้านการเงินที่จะสำรองไว้ใช้อย่างเพียงพอ ทำให้วันนี้ตลาดทุนในเมืองไทยเกิดทางเลือกในการลงทุนเพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีตมากมาย  

และหนึ่งในการลงทุนที่เกิดขึ้นมาไม่นานนี้ แต่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน รวมไปถึงเจ้าของทรัพย์ที่ต้องการจะระดมทุนอย่างรวดเร็วคือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ หรือกองรีทส์ (REIT - Real Estate Investment Trust) ซึ่งหนึ่งในทีมผู้บุกเบิกรูปแบบการลงทุนแบบกองรีทส์ ที่มีบทบาทสำคัญในการยกระดับตลาดทุนในประเทศไทย คนสำคัญของวงการก็คือ “อมร จุฬาลักษณานุกูล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ็มกรุ๊ป

ย้อนหลังไปในปี 2540-2541 หลังการล่มสลายของระบบเศรษฐกิจไทยในวิกฤตต้มยำกุ้ง โดมิโนตัวแรกๆ ที่ล้มครืนคือโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างค้างๆ คาๆ ยังไม่เสร็จดี รัฐบาลเข้ามากู้สถานการณ์ ด้วยการสร้างเครื่องมือ Property Fund มาใช้เพื่อแก้สถานการณ์ระดมทุนให้โครงการหลายๆ โครงการเดินหน้าสร้างต่อจนเสร็จ

แต่ Property Fund เป็นเพียงยาแก้ไข้ ที่ไม่ใช่รูปแบบการลงทุนในทรัพย์สินอสังหาริมทรัพย์อย่างแท้จริง เพราะมีข้อจำกัดหลายประการ และ อมร จุฬาลักษณานุกูล ก็คือหนึ่งในผู้บุกเบิกนำโมเดลการจัดตั้ง "กองรีทส์" ที่ถือเป็นรูปแบบการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล และได้รับการยอมรับทั่วโลกมาใช้ในเมืองไทย  

ไม่เพียงแต่นวัตกรรมของตลาดทุนในรูปแบบกองรีทส์ที่อมรเป็นผู้บุกเบิกแล้ว ในส่วนของ 'เอไอเอ็ม กรุ๊ป' ของอมรเอง ก็เป็นบริษัทที่สร้างนวัตกรรมให้กับกองรีทส์ ด้วยการเปิดตัวกองรีทส์อิสระ ที่ผู้บริหารกองไม่ได้ขึ้นตรงกับเจ้าของทรัพย์สินในกองเป็นกองแรกในประเทศไทย ที่มีข้อดีคือความโปร่งใสในการตรวจสอบและความเป็นกลางในการคัดเลือกทรัพย์สินเพื่อเข้าลงทุน รวมถึงการเจรจาต่อรองราคาทรัพย์สินและเงื่อนไขต่างๆ อย่างยุติธรรม อีกทั้งยังเปิดกว้างให้กองรีทส์ สามารถเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินของผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายๆ รายที่มีโครงการที่ดีได้อย่างอิสระ

ความสำเร็จของกองรีทส์กองแรก "AIMIRT" ที่ลงทุนในทรัพย์สินคลังสินค้า สามารถสร้างการเติบโตตั้งแต่การบริหารทรัพย์สินให้มีผู้เช่าพื้นที่เต็ม 100% การจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และการเพิ่มทรัพย์สินเพื่อให้กองทรัสต์เติบโตขึ้น

ต่อยอดมาถึงกองรีทส์ที่ 2 "AIMCG" ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเพื่อการพาณิชย์ 3 แห่ง ประกอบด้วย

  • ยูดีทาวน์ อุดรธานี
  • พอร์โต ชิโน่ สมุทรสาคร และ
  • 72 คอร์ทยาร์ด ซอยทองหล่อ กรุงเทพฯ

โดยประสบความสำเร็จในการเปิดจองซื้อของนักลงทุน 288 ล้านหน่วย หมดตามเป้าหมาย และเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 12 กรกฏาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อย

แม้ชีวิตด้านการทำงานในเวลานี้ของอมร จุฬาลักษณานุกูล จะประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม แต่ชีวิตในช่วงวัยเด็กจนถึงวัยเริ่มทำงาน  ดูเหมือนว่าอมรจะไม่ได้เป็นอย่างที่หวังมาโดยตลอด 

อมรเป็นลูกคนสุดท้องในพี่น้อง 6 คนของครอบครัวคนจีน ที่ไม่ค่อยกินเส้นกับคุณพ่อเท่าไรนัก เพราะมีนิสัยเกเร ไม่ค่อยสนใจเรียน เมื่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 (ระดับประถมสูงสุดในสมัยนั้น) คุณพ่อก็ส่งไปเรียนที่ประเทศไต้หวัน เพื่อให้เรียนรู้ภาษาจีนนำมาใช้กับการทำธุรกิจ

แต่ยังไม่ทันจะจบหลักสูตร เพียง 3 ปี อมรก็หมดความอดทนบินกลับมาเมืองไทย ทำงานรับจ้าง เดินแจกใบปลิว ส่งตัวเองเรียนต่อให้จบเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยไม่กล้าขอเงินทางบ้าน เพราะไม่ถูกกับพ่อ

อมรเลือกคณะที่จะเอ็นทรานซ์ด้านสื่อสารมวลชนและรัฐศาสตร์ เป็น 2 ลำดับแรก แต่กลับไปติดคณะที่ 3 ที่เลือกคือเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ไม่ได้เตรียมใจมาเรียนเท่าไหร่ เมื่อเข้าสู่ห้องเรียน บรรยากาศ เพื่อนฝูง ก็ดูไม่เป็นใจ ด้วยเขาขาดช่วงในการเรียนในห้องเรียนของระดับมัธยมาหลายปี ทำให้เข้ากับเพื่อนไม่ได้ ไม่ชอบสังคม

"อมรเลือกที่จะทิ้งสังคมที่เขาไม่พึงปรารถนานี้ ด้วยการเร่งเรียนจนจบ 3 ปีครึ่ง ด้วยเกรดเฉลี่ยกระท่อนกระแท่น 2.5"

แม้จะจบออกมาด้วยคะแนนที่ไม่น่าชื่นชมเท่าไหร่นัก แต่การเป็นบัณฑิตคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ยังเนื้อหอมพอ ทำให้มีบริษัท ห้างร้านมาเชื้อเชิญไปทำงานถึง 3 แห่ง แต่เขาก็เดินพลาดอีกครั้ง ด้วยการเลือกงานที่ไม่ชอบ เพียงเพราะได้รับเงินเดือนสูงสุดคือ การเป็นเซลล์แมน แทนที่จะเลือกงานเคาะกระดานเทรดหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ ที่ฝันอยากทำมาโดยตลอด

สุดท้ายอมร เป็นพนักงานขายได้เพียง 1 ปี ก็ลาออกบินไปสหรัฐอเมริกา ทำงานล้างจาน เป็นผู้ช่วยกุ๊ก หาเงินเรียนหลักสูตรMBA ด้าน Management, Executive Management จนจบก่อนบินกลับมาหางานในเมืองไทยอีกครั้ง

กลับมาคราวนี้ เหมือนเป็นการตั้งหลักใหม่สู่เส้นทางการทำงานที่เหมาะสม อมรมีโอกาสเข้าไปทำงานในสายการเงินทั้งธนาคารไทย อย่างไทยธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย และธนาคารต่างชาติอย่างสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ รวมไปถึงได้ทำงานกับกลุ่มจีอี และก้าวมาเป็นผู้บริหารไทคอน แมนเนจเม้นท์ บุกเบิกเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ภาคเอกชนบริษัทแรกในประเทศไทย ในปี 2557 ก่อนจะออกมาตั้ง "เอไอเอ็ม กรุ๊ป" บุกเบิกกองทรัสต์อิสระกองแรกของเมืองไทยเช่นกัน ในปี 2560

ผ่านมา 2 ปี พร้อมกับการเปิดกองทรัสต์กองที่ 2 "AIMCG" แต่อมรก็ยังมองว่า ความท้าทายในการบริหารกองรีทส์ยังมีสิ่งที่ต้องฝ่าฟันอีกมาก

“หนึ่งเรื่องสำคัญที่ผมต้องการพิสูจน์คือ ความเป็น Independent ของเอไอเอ็ม กรุ๊ป ให้ตลาดได้รู้จัก และเชื่อมั่นถึงความเป็น
Professional มากขึ้น ขณะที่อีกหนึ่งความท้าทายคือ จะทำอย่างไรให้ตลาดได้รู้จักว่ากองรีทส์คืออะไร ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ในเวลานี้ กองรีทส์จะมีเพิ่มมากขึ้น นักลงทุนสถาบันเข้าใจมากขึ้น แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อย ผู้บริโภคยังไม่เข้าใจ เป็นความท้าทายที่ของเราต้องไปให้ถึง”

อมรเล่าว่า ถึงวันนี้อายุที่มากขึ้น ผ่านการทำงานมามากมาย ก็ทำให้ตนเองเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต จากคนที่เกลียดการเปลี่ยนแปลง  แต่ต้องอยู่และยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

“การทำงานทำให้ผมเปลี่ยนทัศนคติไปหลายๆ อย่าง 'Conception' กับ'Vision' ของผม โดยส่วนตัวเปลี่ยนไป พยายามมองภาพให้เป็น Positive มากขึ้น ประนีประนอมมากขึ้น อายุแต่ละช่วงของเรามันเปลี่ยนไป พอไปเจออะไรมากขึ้น ทำให้เรามองมุมที่กว้างขึ้น คิดมากขึ้นว่า หากเราเป็นเขาจะเป็นอย่างไร แม้บางอย่างอาจเปลี่ยนไม่ได้จริงๆ แต่คุณต้องทำปัจจุบัน ตั้งหลักให้ดี ทำตัวเองให้ดีก่อน แล้วยอมรับในสิ่งที่จะเข้ามา”

*จากเด็กเกเรที่เลือกทางเดินเอง ตัดสินใจเอง ถูกบ้าง ผิดบ้าง ล้มก็บ่อย แต่วันนี้ก็ “อมร จุฬาลักษณานุกูล” ก็สามารถสร้างความสำเร็จให้กับวงการตลาดทุนไทย ให้มีทางเลือกทั้งการเพิ่มช่องทางระดมทุนให้กับทรัพย์สินที่มีศักยภาพ และเป็นช่องทางในการลงทุนที่มีคุณภาพมาตรฐานเทียบเท่าระดับนานาชาติ  *

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0